แรงกดดันมหาศาล : เช็กผลงาน 10 แข้งนิวมาราโดน่าใครรุ่งใครร่วง

 

นับตั้งแต่ ดีเอโก้ มาราโดน่า แขวนสตั๊ดไป แฟนบอลอาร์เจนติน่าต่างเฝ้ารอคอยนักเตะความหวังผู้พาทีมชาติเข้าชิงและคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกอีกครั้ง เหมือนที่ตำนานฟ้าขาวเคยทำ และนั่นกลายเป็นจุดเริ่มต้นของคำว่า ‘นิว มาราโดน่า’

 

ด้วยเหตุนี้แข้งที่มากพรสวรรค์ และฉายแววตั้งแต่สมัยเป็นเยาวชนมักจะถูกสื่อแดนฟ้าขาวยกย่องให้เป็น มาราโดน่าคนต่อไปของวงการลูกหนัง ซึ่งบางคนอาจถูกเรียกขานแม้จะไม่มีสไตล์การเล่นคล้ายคลึงกับ ‘เสือเตี้ย’ นัก แต่ส่วนใหญ่ผู้เล่นที่ถูกเปรียบเทียบ มักจะมาจากตำแหน่งที่เล่นเกมรุกเป็นหลัก ทั้งตัวทำเกม, กองหน้า, ปีก หรือ กองกลางตัวรุก

 

อย่างไรก็ตาม ถึงจะถูกคาดหวังว่าจะนิว มาราโดน่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาทุกคนจะประสบความสำเร็จเช่นแข้งรุ่นพี่ในทีมชาติ และซ้ำร้ายคำยกย่องนี้กลับกลายเป็นแรงกดดันที่เกินตัวจนบางคนไม่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นแข้งระดับโลกได้

 

UFA ARENA จะพาไปย้อนดู 10 แข้งที่เคยได้รับฉายา มาราโดน่า คนต่อไป ในวงการลูกหนังว่าใครรุ่งหรือร่วง’

 

 

ฮวน โรมัน ริเกลเม่

 

 

แฟนบอลแดนฟ้าวขาวตั้งความหวังไว้กับ ฮวน โรมัน ริเกลเม่ สุด ๆ หลังเขาแจ้งเกิดอย่างยอดเยี่ยมกับ โบคา จูเนียร์ ในปี 1996 และมีส่วนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ถึง 6 รายการ จนได้ย้ายไปเล่นในยุโรปกับ บาร์เซโลน่า สโมสรยักษ์ใหญ่ในสเปน เมื่อปี 2002

 

แต่ทว่า เพลย์เมกเกอร์พรสวรรค์สูง ถูกจับไปเล่นเป็นปีก ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่คุ้นเคยในยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล ยิ่งทำให้เขาทำผลงานได้ไม่ดี จนถูกลดบทบาทเป็นตัวสำรอง และการมาของ โรนัลดินโญ่ ทำให้เขาตัดสินใจย้ายไปเล่นกับ บียาร์เรอัล แบบยืมตัว และเป็นที่นั่นที่ ริเกลเม่ กลับมาทำผลงานได้ยอดเยี่ยมอีกครั้ง จนย้ายไปร่วมทีมเรือดำน้ำสีเหลืองแบบถาวรในปี 2005

 

จากนั้น ริเกลเม่ ก็ตัดสินใจย้ายกลับไปเล่นในบ้านเกิดอีกครั้งใน 2 ปีต่อมา โบคา จูเนียร์ สโมสรแรกของเขาในอาชีพ ซึ่งกลายเป็นกำลังสำคัญของทีมช่วยให้ทีมกวาดแชมป์มากมายมาครองตลอด 7 ปี ก่อนจะปิดฉากแขวนสตั๊ดกับ อาร์เจนตินอส จูเนียร์ส ในปี 2014

 

ส่วนเส้นทางในทีมชาติอาร์เจนติน่า ริเกลเม่ ประสบความสำเร็จแค่เหรียญทองโอลิมปิกในปี 2008 เท่านั้น ส่วนรายการอื่นที่เคยเขาชิงอย่าง คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ ปี 2005 หรือ โคปา อเมริกา ในปี 2007 ก็อกหักทั้งหมด

 

 

ปาโบล ไอมาร์

 

 

ในช่วงเวลาไล่เรียกัน โบคา จูเนียร์ ที่มี ริเกลเม่ ทางฝั่ง ริเวอร์เพลท สโมสรอริในอาร์เจนติน่าก็มีเพชรเม็ดงามอยู่ในทีมเช่นกัน นั่นก็คือ ปาโบล ไอมาร์ เพลย์เมคเกอร์หนุ่มที่ขึ้นมาชุดใหญ่ในปี 1996 แถมได้โอกาสย้ายมาเล่นในสเปนเหมือนกันอีก นั่นก็คือ บาเลนเซีย ในปี 2000

 

แต่ ไอมาร์ ดูประสบความสำเร็จกว่าเพื่อนร่วมรุ่นกับการค้าแข้งในยุโรปหลายเท่าตัว เนื่องจากเขาคว้าแชมป์ลาลีก้า 2 สมัย และ ยูฟ่า คัพ ปี 2004 กับ ไอค้างคาว รวมถึงย้ายไปเล่นให้ เบนฟิก้า ในระหว่างปี 2008-2013 จากนั้นแขวนสตั๊ดกับ ริเวอร์เพลท ในปี 2015 ก่อนหวนกลับมาค้าแข้งช่วงสั้น ๆ กับ เอสตูดิอันเต้ เดอ ริโอ คูอาร์โต ในปี 2017

 

อย่างไรก็ตี เส้นทางในทีมชาติ ไอมาร์ ผู้เป็นไอดอลของ เมสซี่ ก็อกหักซ้ำ 2 รายการติดกับ คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ ปี 2005 หรือ โคปา อเมริกา ในปี 2007   

 

 

ฮาเวียร์ ซาบิโอล่า

 

 

2 ปีหลังจากที่ดัน ไอมาร์ สู่สายตาแฟนบอลทั่วโลก ริเวอร์เพลท ก็ปลุกปั้น ฮาเวียร์ ซาบิโอล่า ให้กลายเป็นแข้งดาวรุ่งที่หลายคนจับตา ด้วยการทำลายสถิติเป็นดาวยิงอายุน้อยที่คว้ารองเท้าทองคำในลีกอาร์เจนติน่าปี 1999 ด้วยวัยเพียง 18 ปีเท่านั้น พร้อมกับได้รับความคาดหวังว่าจะกลายเป็นดาวยิงดวงใหม่ของทีมฟ้าขาวในอนาคต

 

ไม่แปลกที่ดาวยิงฉายา ‘กระต่ายน้อย’ จะได้รับความสนใจจากสโมสรในยุโรป และเป็น บาร์เซโลน่า ที่สมหวังคว้าตัวเขาไปครองในปี 2001 ซึ่งเป็นช่วงที่เขาคว้าแชมป์โลกกับทีมชาติชุดเล็กพอดี พร้อมกับคว้าเหรียญทองโอลิมปิกในปี 2004 ด้วย ทว่าหลังจากนั้นในสโมสร เขาถูกปล่อยให้ โมนาโก และ เซบีย่า ยืมไปใช้งาน ก่อนจะหมดสัญญากับ อาซูลกราน่า ในปี 2007

 

จู่ ๆ เรอัล มาดริด คู่อรตัวฉกาจ ก็คว้าซาบิโอล่าไปร่วมทีมแบบฟรี ๆ ด้วยค่าเหนื่อยที่แพงระยับ แต่ทว่าตัวเขากลับไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งได้เหมือนตอนส่วมเสื้อสีเลือดหมู-น้ำเงินเลยแม้แต่น้อย และหลังจากลา โลส บลังโกส เขาก็กลายเป็นแข้งจอมพนเจรเต็มตัวที่เล่นทั้ง เบนฟิก้า, มาลาก้า, โอลิมเปียกอส, เวโรน่า, ริเวอร์เพลท และปัจจุบันเขาก็ยังค้าแข้งอยู่ เพียงย้ายมาอยู่วงการฟุตซอลกับ เอนแคมป์ สโมสรโต๊ะเล็กในอันดอร์ร่า

 

 

คาร์ลอส มาร์ติเนลลี่

 

 

ด้วยดีกรีของ โบคา จูเนียร์ ที่สร้างแข้งดังอย่าง ฮวน โรมัน ริเกลเม่ ทำให้ มิดเดิ้ลสโบรห์ ตัดสิรใจคว้า ลูกหม้อจากสโมสรแดนฟ้าขาวนามว่า คาร์ลอส มาร์ติเนลลี่ ในวัย 17 ปี ทั้ง ๆ ที่เขายังไม่ได้ลงเล่นชุดใหญ่แม้แต่นัดเดียว

 

แต่อยู่ไปอยู่ดูท่า สิงห์แดง จะได้แข้งของปลอมย้อมแมว เมื่อนักเตะที่สื่อยกให้เป็น มาราโดน่าคนต่อไป ยิงได้เพียง 3 ประตูจากลงเล่นทั้งหมด 43 นัดตลอด 4 ฤดูกาลในถิ่นริเวอร์ไซด์ ก่อนจะชีพจนลงเท้าตระเวนค้าแข้งไปทั่วโลก ไล่ตั้งแต่ โตริโน่ (อิตาลั), ราซิ่ง (สเปน), บราก้า (โปรตุสเกส), แคนซัส ซิตี้ วิซาร์ดส์ (อเมริกา), มิลอนนาริออส (โคลอมเบีย), อัลโดซีวี่ (อาร์เจนติน่า), กริยอรี่ (ฮังการี่), ยูเอสเอ็มพี (เปรู) และแขวนสตั๊ดไปแบบไม่มีใครพูดถึงในปี 2014

 

 

คาร์ลอส เตเบซ

 

 

“เอล อาปาเช่” ก้าวขึ้นมาจากทีมชุดเยาวชนของ โบคา จูเนียร์ส  ก่อนจะก้าวสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2001 พร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกับทีมด้วยการคว้าแชมป์ โคปา ลิเบอตาดอเรส คัพ ในปี 2015 จนได้ย้ายไปเล่นกับ โครินเธียนส์ ในลีก บราซิล เมื่อปี 2005 

 

หลังจากนั้นชีวิตของเขาก็เริ่มโลดแลนอยู่ในยุโรป ด้วยการค้าแข้งให้กับทั้ง เวสต์แฮม ,แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ,แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ยูเวนตุส พร้อมกับประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด ก่อนที่จะหวนกลับมาเล่นให้กับ โบคา บ้านเก่าอีกครั้ง ในปี 2015

 

ทว่าในปี 2017 เขาได้รับข้อเสนอจำนวนมหาศาลให้ย้ายไปค้าแข้งกับ เซี่ยงไฮ้ เซิ่นหัว จากไชนีส ซูเปอร์ลีก ซึ่งเล่นได้ไม่นานก็ตัดสินใจย้ายกลับมาค้าแข้งกับ โบคา จูเนียร์ส อีกรอบเป็นคำรบที่สามในปี 2018 แต่ในวัย 36 ปีของเขา ยังช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จเช่นเดิม

 

ส่วน เหรียญทองโอลิมปิกปี 2004 คือความสำเร็จรายการเดียวที่ เตเบซ ทำได้ในสีเสื้อทีมชาติ 

 

 

ลิโอเนล เมสซี่ 

 

 

คงไม่ต้องบรรยายอะไรให้มากความกับ ลิโอเนล เมสซี่ ผู้ที่น่าจะได้รับการยกย่องว่ามีฝีเท้าใกล้เคียงกับ ดีเอโก้ มาราโดน่า มากที่สุดเท่าที่ อาร์เจนติน่า เคยมีมา

 

ดาวเตะร่างเล็กแจ้งเกิดกับ บาร์เซโลน่า ตั้งแต่ช่วงแรกที่เล่นชุดใหญ่ในปี 2004 ก่อนจะยกระดับกลายเป็นดาวเตะชื่อก้องโลกในเวลาต่อมา พร้อมกับกวาดแชมป์มาครองได้ทุกรายการที่ลงเล่น อีกทั้งยังทำลายสถิติมากมายร่วมกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คู่รักคู่แค้นของเขาในยุคนี้

 

ทว่าเมื่อตัดภาพกลับมาในเส้นทางทีมชาติ เมสซี่ แตกต่างจาก ‘เสื้อเตี้ย’ อย่างมาก และกลายเป็นรอยด่างพร้อยจุดเดียวของเขาในอาชีพค้าแข้ง เพราะนอกจากเหรียญทองโอลิมปิกในปี 2004 เขาก็ไม่เคยคว้าแชมป์อะไรได้กับทัพฟ้าขาวเลย แถมอกหักจากนัดชิงถึง 4 ครั้ง แบ่งเป็น โคปา อเมริกา 3 หน และฟุตบอลโลกในปี 2014 

 

 

เซร์คิโอ้ อเกวโร่

 

 

หากมีนักเตะที่สามารถทำลายสถิติของเหล่าตำนาน ก็ไม่แปลกที่เขาจะรับการยกย่องว่าเป็นว่าที่ยอดแข้งคนต่อไป เช่น เซร์คิโอ้ อเกวโร่ ที่ถูกสื่อในอาร์เจนติน่ายกย่องให้เป็น นิว มาราโดน่า หลังทำลายสถิติเป็นแข้งอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูในลีกสูงสุดของอาร์เจนติน่า แทนที่ ‘เสือเตี้ย’ ด้วยอายุที่ยังไม่ถึง 16 ปีด้วยซ้ำไป

 

หลังสร้างชื่อในบ้านเกิด หอกร่างเล็กก็ย้ายไปร่วมทีม แอตเลติโก้ มาดริด และที่นั่นเองพัฒนาฝีเท้าจนกลายเป็นกองหน้าระดับโลก ก่อนย้ายมาลาตาข่ายให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พร้อมรั้งตำแหน่งดาวซัลโวตลอดกาลของสโมสร ด้วยจำนวน 255 ประตู ภายในเวลา 9 ปี อีกทั้งยังพา เรือใบสีฟ้า กวาดแชมป์อังกฤษมากมาย

 

ที่พิเศษกว่าใครคือ อเกวโร่ มีศักดิ์เป็นลูกเขยของ มาราโดน่า ด้วยหลังแต่งงานกับ เจียนนิน่า ลูกสาวคนเล็กของ ตำนานแข้งฟ้าขาว และมีลูกชายด้วยกัน 1 คน ชื่อว่า เบนจามิน แต่ปัจจุบันได้แยกทางกันไปแล้วในปี 2012 หลังอยู่กินหลังแต่งนาน 4 ปี

 

 

เอเซเกล ลาเวซซี่

 

 

ลาเวซซี่ อาจได้รับความสนใจไม่มากเท่าไหร่จากสโมสรในยุโรป ณ ช่วงที่เขาเล่นให้ เอสตูเดนเตส แต่ฟอร์มการเล่นกับ ซาน โลเรนโซ่ มันโดดเด่นเตะตาจนหลายทีมตามขายขนมจีบ ก่อนที่ นาโปลี จะคว้าตัวเขาไปร่วมทีมในปี 2007

 

และที่เมืองเนเปิ้ลนี่เองที่ทำให้ ลาเวซซี่ ได้รับการยกย่องว่าจะเป็น ดีเอโก้ มาราโดน่า คนต่อไปจากผลงานที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่ย้ายมาปีแรก แม้เจ้าตัวมองว่าตนเองคล้ายคลึงกับ คาร์ลอส เตเบซ ดาวยิงร่วมรุ่นก็ตาม

 

ถึงจะโดดเด่นแค่ไหน แต่ดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์ ก็พาทีมคว้าแชมป์ โคปปา อิตาเลีย ได้เพียงรายการเดียวในปี 2012 ก่อนจะย้ายไปคว้าถ้วยรางวัลกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในเวลาต่อมา แต่ฟอร์มการเล่นก็ไม่ได้โดดเด่นเหมือนสมัยเล่นในอิตาลี ก่อนจะลาไปโกยเงินหยวนกับ หัวเป่ย ไชนา ฟอร์จูน ในปี 2016 และประกาศแขวนสตั๊ดในปี 2019

 

 

อังเคล ดิ มาเรีย 

 

 

ถึงแม้จะเล่นในตำแหน่งปีก แต่ อังเคล ดิ มาเรีย ก็ได้รับการพูดถึงว่าจะเป็น มาราโดน่า คนต่อไป ในช่วงที่เล่นกับ โรซาริโอ้ สโมสรแรกในอาชีพค้าแข้ง และพูดถึงมากกว่าเดิมหลายเท่าตัวในช่วงที่ย้ายไปค้าแข้งในยุโรปกับ เบนฟิก้า ถึงขนาดที่ มาราโดน่า มั่นใจว่านี่จะกลายเป็นแข้งซุปเปอร์คนใหม่ของทีมชาติอาร์เจนติน่าในอนาคต

 

คำกล่าวของ เสื้อเตี้ย ไม่เกินเลยความจริง เมื่อ ปีกเลือดฟ้าขาวได้ย้ายมาอยู่กับ เรอัล มาดริด พร้อมยกระดับเป็นแข้งระดับโลกทันที แม้จะล้มเหลวกับการเล่นในอังกฤษกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ ดิ มาเรีย ก็กลับมาเจอฟอร์มเก่งและความมั่นใจอีกครั้งกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ต้นสังกัดปัจจุบัน

 

ในทีมชาติ ดิ มาเรีย ติดธงรับใช้ทีมฟ้าขาวครั้งแรกในปี 2008 และคว้าเหรียญทองโอลิมปิกในปีนั้น แต่ก็ไม่ต่างกับ เมสซี่ หรือ อเกวโร่ ที่ต้องอกหัก จากนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก ปี 2014 รวมถึง โคปา อเมริกา อีก 2 ปีถัดมาด้วย 

 

 

เปาโล ดิบาล่า

 

 

นอกเหนือจาก มาราโดน่า แล้ว เปาโล ดีบาล่า ยังถูกเปรียบเทียบกับรุ่นพี่ฝีเท้าเยี่ยมในทีมชาติมากมายทั้ง อเกวโร่, ปาสตอเร่ หรือ เมสซี่ เองก็ตาม โดยเขาได้เริ่มต้นค้าแข้งกับ อินสติทูโต เด คอลโดบา ทีมในบ้านเกิดตั้งอายุ 17 ปี ในฤดูกาล 2011-12 และด้วยผลงาน 17 ประตูจาก 38 นัด ทำให้ ปาแลร์โม่ เดินหน้าคว้าตัว ดาวรุ่งชาวอาร์เจนไตน์มาร่วมทีมทันในปี 2012 ด้วยค่าตัว 8.64 ล้านยูโร

 

เนื่องจากทีมตกชั้น และเล่นอยู่ในเซเรียบี ในช่วง 2 ปีแรก ทำให้ฝีเท้าของ ดีบาล่า ยังไม่เป็นที่พูดถึงนัก จนกระทั่งในฤดูกาล 2014-15 ที่พาปาแลร์โม่ เลื่อนชั้นกลับมาอีกครั้ง เขาซัดไปถึง 13 ประตูในเซเรียอา บวกกับ 10 แอสซิสต์ ช่วยให้ต้นสังกัดอยู่รอดในลีกสูงสุดได้แบบสบายๆ ก่อนจะย้ายไป ยูเวนตุส ในปีต่อมา และกลายเป็นแข้งเบอร์ ๆ ของโลก ณ เวลานี้

 

อย่างไรก็ดี ตัวรุกจากทีมม้าลาย ยังไม่สามารถทำผลงานได้โดดเด่นเท่าไหร่ในสีเสื้อทีมชาติบ้านเกิด ไม่ว่าจะเป็นรายการฟุตบอลโลกปี 2018 หรอ โคปา อเมริกา ในปีที่ผ่านมา