หรือ แวร์เนอร์ จะตามรอย ? : ดาวยิงค่าตัวแพงแต่ปืนฝืดแห่งทัพสิงห์บูล์ส 

 

หลังผ่านพ้นเกม เชลซี บุกไปพ่าย อาร์เซน่อล 1-3 ที่เอมิเรตท์ สเตเดี้ยม ก็นับเป็น 10 นัดติดต่อกันเข้าไปแล้วที่ ติโม แวร์เนอร์ ไม่สามารถผลิตสกอร์ให้กับทัพ “สิงห์บูล์ส” ได้เลย ท่ามกลางความคาดหวังจากแฟนบอล “สิงห์บูล์ส” ที่ต้องการเห็นเขายิงประตูได้ถล่มทลายเหมือนเฉกเช่นสมัยค้าแข้งกับ แอร์เบ ไลป์ซิก สโมสรเก่า

 

ฤดูกาลนี้ ดาวยิงทีมชาติเยอรมนี ไม่สามารถซัลโวยิงประตู แม้จะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในพรีเมียร์ลีกถึง 8 นัดซึ่งถือเป็นสถิติที่แย่ที่สุดในอาชีพค้าแข้งนับตั้งแต่เดือน ก.ย.2016 ที่เขายิงให้ ไลป์ซิก ไม่ได้ 9 เกม 

 

อย่างไรก็ตามในเรื่องนี้ แฟรงค์ แลมพาร์ด  กุนซือของทีม ยังแสดงความเชื่อมั่นในตัวของ แวร์เนอร์ ว่าจะคืนฟอร์มได้แน่นอน แต่ต้องให้เวลาปรับตัวอีกซักพัก 

 

 

แม้ถึงเวลานี้เราอาจจะยังสรุปไม่ได้ว่า ค่าตัว 47.5 ล้านปอนด์ ที่ เชลซี จ่ายไปเพื่อเป็นค่าตัวของ แวร์เนอร์ จะคุ้มค่าหรือไม่ แต่ที่ผ่านมา ยอดทีมแห่งกรุงลอนดอนมักต้องผิดหวังจากการทุบคลังซื้อกองหน้าเสริมทัพมานักต่อนักแล้ว  และนี่คือ 5 ที่สุดของยอดดาวยิงตำน้ำพริกละลายแม่น้ำของทัพ สิงห์บูล์ส ที่เรารวบรวมมาให้อ่านกัน 

 

 

อาเดรียน มูตู (ย้ายจาก ปาร์ม่า ค่าตัว 17.1ล้านปอนด์ ปี2003)

 

 

 ในช่วงแรกที่ มูตู ย้ายมาค้าแข้งกับทัพ “สิงห์บูล์ส” ดาวยิงโรมาเนียน ถือว่าทำผลงานได้ยอดเยี่ยมและเป็นความหวังของทีมได้เลยหลังยิงไปถึง 6 ประตูกับ 8 แอสซิสต์  แต่ในฤดูกาลถัดมาต้องถือว่าเป็นฝันร้ายของเขาอย่างแท้จริงเมื่อถูกตรวจพบว่ามีสารเสพติดชนิดโคเคนอยู่ในร่างกาย จนทำให้ ถูกแบนจากวงการฟุตบอลยาวถึง 7 เดือน 

 

 

และนั่นทำให้ เชลซีตัดสินใจยกเลิกสัญญากับนักเตะทันที ก่อนที่จะเริ่มต้นดำเนินการทางกฎหมายด้วยซ้ำ ซึ่งหลังจากผ่านการอุทธรณ์หลายครั้ง ศ่าลก็ตัดสินให้ มูตู ต้องควักกระเป๋าตัวเองจ่ายค่าชดเชยให้เชลซีถึง 17 ล้านยูโร เรียกว่าหมดอนาคตกันเลยทีเดียว

 

 

เฮอร์นัน เครสโป (ย้ายจาก อินเตอร์ มิลาน ค่าตัว 16.8 ล้านปอนด์ ปี2003 )

 

 

 อีกหนึ่งดาวยิงชื่อดังจาก กัลโช่ เซเรีย อา ที่ต้องมาตกอับในถิ่น สิงห์บูล์ส หลังย้ายจากทัพ “งูใหญ่” มาร่วมทัพ สิงห์บูล์ส ด้วยค่าตัว 16.8 ล้านปอนด์  เขาถูกตั้งความหวังเอาไว้ไม่น้อยที่อยากจะเห็นฟอร์มเทพ เหมือนสมัยค้าแข้งกับ ปาร์ม่า และ ลาซิโอ ในศึก กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี แต่ปรากฏว่าในช่วงฤดูกาลแรกเขายิงไปได้เพียง 10 ประตูเท่านั้นจากการลงสนาม 19 นัด จากนั้น เชลซี ที่แต่งตั้ง โชเซ่ มูรินโญ่ มาคุมทัพ ซึ่งดาวยิงอาร์เจนไตน์ ไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีม และถูกปล่อยให้ เอซี มิลาน ยืมตัว 1 ฤดูกาล 

 

นั่นทำให้ฟอร์มการเล่นของ เครสโป ดีขึ้นและมีส่วนช่วยให้ทัพ “ปีศาจแดงดำ” เข้าชิงยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก พบกับลิเวอร์พูล ซึ่งนัดนี้เครสโปช่วยทำประตูให้มิลาน 2 ประตู ก่อนที่จะเสมอกัน 3-3 และสุดท้ายพ่ายต่อลิเวอร์พูลในการดวลจุดโทษ  จากนั้นเขาได้กลับมาเล่นให้เชลซีอีกครั้ง แต่ผลงานการทำประตูก็ยังไม่เข้าตา มูรินโญ่ ก่อนจะถูกปล่อยให้  อินเตอร์มิลาน ยืมตัว ด้วยสัญญา 2 ปี และคราวนี้ก็ได้ย้ายไปกลับไปเล่นในอิตาลี ยาว ทั้ง เจนัว และสโมสรสุดท้ายกับ ปาร์ม่า จนแขวนสตั๊ดในปี 2010 

 

 อังเดร เชฟเชนโก้ (ย้ายจาก เอซี มิลาน 30.8 ล้านปอนด์ ปี 2006 )

 

 

  สุดยอดดาวยิงเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นกองหน้าหมายเลข 1 ของโลกในสมัยนั้น และหลังจากที่ “เสี่ยหมี” โรมัน อบราโมวิช ประธานสโมสรเล็งมานาน ก็ตัดสินใจทุ่มเงินเป็นสถิติสโมสรถึง 30.8 ล้านปอนด์ เพื่อให้ เอซี มิลาน ยอมปล่อยตัว โดยที่มีการเปิดเผยว่าเขาไม่ได้สอบถามถึงความต้องการของ โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือในสมัยนั้นด้วยซ้ำ    

 

 

ซึ่งจะด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บ หรือการปรับตัวให้เล่นเข้ากับพรีเมียร์ลีกไม่ได้ก็ดี ทำให้ เชว่า ยิงไปได้เพียง 9 ประตูเท่านั้น จากการลงสนามถึง 48 เกม นั่นทำให้สุดท้าย มูรินโญ่ จำเป็นต้องปล่อยตัวดาวยิงยูเครน ให้ย้ายกลับไปเล่นกับ มิลานสโมสรแบบยืมตัวในฤดูกาล 2008-09 และย้ายกลับไปเล่นกับ ดินาโม เคียฟ ทีมแรกในอาชีพของตัวเองในปีต่อมาจนแขวนสตั๊ดในปี 2012

 

 

เฟร์นานโด ตอร์เรส (ย้ายจาก ลิเวอร์พูล  50 ล้านปอนด์ ปี2011)

 

 

ดาวยิงกระทิงดุผู้ทำช็อคแฟนบอล ลิเวอร์พูล มากที่สุด เมื่อประกาศฟ้าผ่าก่อนตลาดนักเตะปิด 2 วันว่าต้องการย้ายออกจากทีมในช่วงปลายเดือน ม.ค. และนั่นทำให้ เชลซี ทุ่มเงินถึง 50 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าตัว ตอร์เรส มาร่วมทัพ และนับจากนั้นมาเราก็ไม่ได้เห็นฟอร์มการเล่นที่เขาเคยทำไว้เหมือนที่ แอนฟิลด์ อีกเลย

 

 

จากการลงสนามถึง 110 เกม ตอร์เรส ยิงประตูรวมให้ทีมได้เพียง 20 ประตูเท่านั้น จนกระทั่งในฤดูกาล 2013/14 ก็กลายเป็นขวบปีสุดท้ายของดาวยิงสเปน ก่อนจะถูกปล่อยตัวให้กับกับ เอซี มิลาน , แอตเลติโก มาดริด  ปิดตำนาน “เอล นินโญ” ในลีกสูงสุดแห่งเมืองผู้ดีนับจากนั้นเป็นต้นมา ก่อนจะมาแขวนสตั๊ดกับ ซางัน โทสุ ทีมในเจลีก ญี่ปุ่น 

 

 

อัลบาโร่ โมราต้า (ย้ายจาก เรอัล มาดริด 70 ล้านปอนด์ ปี 2017)

 

โมราต้า คือหนึ่งในกองหน้าที่เรียกว่าเป็นเป้าหมายของหลายทีมในยุโรป หลังระเบิดฟอร์มซัดให้ เรอัล มาดริด อดีตต้นสังกัดถึง 20 ประตู จาก 43  ก่อนจะย้ายมาค้าแข้งกับ เชลซี ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 70 ล้านปอนด์ และนับเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ สิงห์บลูส์” 

 

 

และการที่ดาวยิงทีมชาติสเปน ต้องแบกความหวังครั้งใหญ่ในการเข้ามาแทนที่ ดีเอโก คอสตา ในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ เจ้าตัวกลับทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง หลังผลิตสกอร์ให้กับทีมได้เพียง   16 ประตู จากการลงสนามรวมทุกรายการ 47 นัด ก่อนที่จะต้องตกเป็นตัวสำรองของ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส นับจากนั้น 

 

 

แม้จะพยายามเต็มที่ แต่สุดท้ายดาวยิงสเปนก็ต้องตัดสินใจอำลาถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ กลับไปเล่นในบ้านเกิดกับ แอตเลติโก มาดริด ซึ่งเป็นสโมสรแรกของเขาตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะเยาวชน และถึงเวลานี้ โมราต้า ก็กลับมาเป็นยอดดาวยิงคนเดิมอีกครั้งแล้ว ในการย้ายไปเล่นให้กับ ยูเวนตุส 

 

 

                                                       DaboyG