พรีเมียร์ลีก อังกฤษออกมายอมรับความผิดพลาดหลังจากวีดีโอช่วยในการตัดสิน หรือ VAR ผิดพลาดถึง 3 ครั้งในการดวลแข้งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา มีผลให้เปลี่ยนโฉมหน้าการแข่งขัน ทั้ง 3 เกม คือ 1.แมนฯยูฯ ไม่ควรได้จุดโทษ, 2.เซาธ์แฮมป์ตัน ไม่ควรได้จุดโทษ และ 3.สเปอร์ส ควรได้จุดโทษ
ลูกที่ 1 เกม วิลล่า กับ แมนฯยูไนเต็ด ในนาทีที่ 27 เมสัน กรีนวู้ด ส่งให้ อ็องโตนี่ย์ มาร์กซิยาล แล้วแตะต่อให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ม้วนตัวรับบอลแล้วถูก เอซรี่ คอนซ่า แหย่ขาสกัด แฟร์นันด์ส ล้มลง โดย ผู้ตัดสินให้ฟรีคิกในจังหวะแรก ก่อนจะดู วีเออาร์ แล้วให้จุดโทษ ก่อนจะเบิกทางให้ แมนฯยู บุกชนะสบาย ๆ 3-0 ทำสถิติไร้พ่าย 17 เกมติด แต่ได้จุดโทษไปแล้วเป็นสถิติลีกถึง 13 ลูก
ลูกที่ 2 ในเกมระหว่าง เอฟเวอร์ตัน กับ เซาธ์แฮมป์ตัน ในนาที 28 “นักบุญ” ได้ลูกจุดโทษ หลัง อังเดร โกเมส มีปะทะกับ เจมส์ วอร์ด-เพราส์ ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษทันที แต่ เจมส์ วอร์ด-เพราส์ ที่ยิงไม่เข้า ก่อนจะเสมอกัน 1-1
ลูกที่ 3 เกมระหว่าง สเปอร์ส กับ บอร์นมัธ ในนาทีที่ 6 โจชัว คิง วิ่งชนด้านหลังของ แฮร์รี่ เคน ที่พยายามเข้าพังสกอร์จากลูกเตะมุม กรรมการไม่ได้รับการเตือนจากสัญญาณ VAR ทำให้เกมเตะต่อ ก่อนจะเสมอกันไปแบบไร้สกอร์
ซึ่งภายหลังเกม โชเซ่ มูรินโญ กุนซือสเปอร์ ไม่พอใจอย่างมาก กล่าวว่า ทุกคนในโลกคงคิดว่าทีมของเขาต้องได้จุดโทษ นอกจาก ไมเคิล โอลิเวอร์ ผู้ตัดสินในห้องวีเออาร์ ส่วน ดีน สมิธ กุนซือวิลลา ชี้ทีมกำลังเล่นดีๆ แต่ก็มาเสียจุดโทษสุดพิศดาร ด่ายับเป็นการตัดสินใจสุดอัปยศ และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือแมนฯ ยูไนเต็ด ยืนยันว่าจังหวะดังกล่าวเป็นจุดโทษถูกต้องแล้ว
Premier League confirms wrong penalty decisions in all Thursday games https://t.co/FB33Oq8cJd That is VAR is a farce 🙄😂
— Chris O'Bee (@saintchrisobee) July 10, 2020
