โกงกันหน้าด้านๆ!  8 เหตุการณ์อัปยศแห่งเกมลูกหนัง

 

ใครๆต่างก็หวังจะได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่ว่าผู้คนบางกลุ่มนั้นแสดงความต้องการจนเลยเถิดถึงขั้นโกงกันแบบซึ่งๆหน้า ซึ่งการโกงลักษณะนี้มีให้เห็นอยู่ในทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็น เกมการเมือง, ธุรกิจต่างๆ หรือแม้กระทั่งในวงการกีฬาอย่างฟุตบอลเอง

 

เรื่องสุดอื้อฉาวเหล่านี้มีมาให้แฟนบอลเห็นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และยังไม่มีทีท่าว่าจะหมดไปในเร็วๆนี้ และถึงแม้จะไม่ได้โจ่งแจ้งเหมือนแต่กัน แต่พวกคนขี้โกงเหล่านั้นก็มักจะมีช่องทางหรือช่องโหว่ของกฏ กติกาในการหาและตักตวงผลประโยชน์ให้ตัวเองและพวกพ้องเสมอ

 

และนี่คือ 8 เหตุการณ์อัปยศในวงการลูกหนังที่นักเตะชื่อดังหรือทีมระดับท็อปโลกต่างยอมโกงกันหน้าด้านๆเพื่อชัยชนะและความสำเร็จของตัวเองและทีม โดยไม่มีสปิริตของความเป็นนักกีฬาแม้แต่นิดเดียว

 

 

เธียร์รี่ อองรี นักเตะที่ชาวไอริชเกลียดมากที่สุด

 

 

พูดกันตามตรงแล้ว เธียร์รี่ อองรี ไม่ใช่นักเตะที่มีชื่อเสียงด้านลบเลย เขาค่อนข้างใสสะอาดแถมเพียบพร้อมไปด้วยทักษะลูกหนังที่ยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตามในปี 2010 เขาได้กลายเป็นปรปักษ์กับแฟนบอลชาวไอริชทั่วโลก

 

ทีมชาติฝรั่งเศสต้องแย่งตั๋วบอลโลกใบสุดท้ายในปีนั้นกับทีมชาติไอร์แลนด์ แม้ในเกมแรกทัพตราไก่จะเอาชนะไปได้ 1-0 แต่เกมถัดมาทีมยักษ์เขียวก็ยิงประตูตีเสมอได้ ทำให้เกมต้องยืดเยื้อไปถึงช่วงต่อเวลา และในนาทีที่ 103 วิลเลี่ยม กัลลาส ก็มายิงประตูชัยให้ เลอ เบลอส์ ไปเล่นเวิล์ด คัพ ฉบับกาฬทวีปได้ จากการแอสซิสต์ของ อองรีที่ใช้มือช่วยแต่งบอลอย่างชัดเจน!

 

 

หลังเกมวันนั้นได้มีการเรียกร้องให้มีการรีเพลย์นัดนี้อีกรอบ แต่ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงตามมา อย่างไรก็ตาม ทีมชาติฝรั่งเศสก็ตกรอบฟุตบอลโลกในปีนั้นตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มไปแบบขายขี้หน้าชาวโลก และต่อจากนั้นไม่นาน อองรีประกาศเลิกเล่นให้ทีมชาติเวลาต่อมา

 

 

หัตถ์พระเจ้ายุคใหม่ของ หลุยส์ ซัวเรซ

 

 

ในฟุตบอลโลกปี 2010 ที่แอฟริกาใต้ แข้งทีมชาติอุรุกวัยทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมต้องไปเจอกับ ทีมชาติกาน่า ตัวแทนจากแอฟริกาที่ทำผลงานได้โดดเด่นไม่แพ้กัน ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย และทำท่าว่าทีมดาวดำจะเป็นฝ่ายคว้าชัยได้ด้วยหลังซัดประตูจนบอลกำลังลอยเข้าไปซุกอยู่ก้นตาข่าย

 

แต่กองหน้าดาวรุ่งของทีมจอมโหด หลุยส์ ซัวเรซ กลับจงใจยกมือมาปัดบอลออกจากเส้นไปแบบดื้อๆ ทำให้เขาได้รับใบแดงไปโดยไม่ต้องอุธรณ์ใดๆ อย่างไรก็ตาม การเสียสละของซัวเรซกลับได้ผล เมื่ออซาโมอาห์ กียาน ดันยิงจุดโทษไม่เข้า ก่อนที่ฝั่งอุรุกวัยจะเป็นเอาชนะในช่วงยิงจุดโทษชี้ขาดไปได้ 4-2

 

 

หลังทัวร์นาเม้นต์นั้น ชื่อเสียงของ หลุยส์ ซัวเรซ ในด้านลบก็เพิ่มขึ้นไปอีก เนื่องจากไปกัด ออตมัน บัคคาล คู่แข่งทีมพีเอสวี ไอนด์โอเฟ่น จนถูกสมาคมแบน และถูกสื่อดัชต์ตั้งฉายาว่า ‘คันนิบาลแห่งอาแจ็กซ์’ ก่อนจะมาสร้างชื่อเสีย(ง) เพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัวหลังย้ายไปค้าแข้งกับลิเวอร์พูลในปี 2011

 

 

แฮนด์ ออฟ ก็อด ฉบับดั้งเดิม

 

 

ในฟุตบอลโลกปี 1986 ที่ประเทศเม็กซิโก คือปีที่ดีเอโก้ มาราโดน่า โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมมากที่สุดในอาชีพค้าแข้ง หลังพาทีมชาติอาร์เจนติน่าคว้าแชมป์โลกได้ในปีนั้น  รวมถึงทำประตูที่ใครหลายคนขนานนามให้เป็นประตูแห่งศตวรรษ ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่พบกับทีมชาติอังกฤษ

 

แต่ประตูก่อนหน้านี้ที่เขาทำได้นั้น มันไม่ได้ได้ใสสะอาดแบบลูกที่สอง แต่มาจากความเจ้าเล่ห์ของเสื้อเตี้ยผู้นี้ โดยกระโดดเทคตัวขึ้นบนอากาศกับปีเตอร์ ชิลตัน นายทวารชาวผู้ดี หวังชิงโหม่งลูกบอล แต่แน่นอนด้วยรูปร่างของแข้งอาร์เจนไตน์ทำให้เขาเสียเปรียบเต็มๆ และไม่มีโอกาสที่จะแย่งบอลมาเล่นได้เลย

 

 

แต่เในเสี้ยววินาทีนั้น เขากลับใช้มือฉกไปที่บอลในจังหวะที่บอลเกือบถึงมือของชิลตัน และกลายเป็นประตูขึ้นไป 1-0 ส่งผลให้แข้งสิงโตคำรามไม่พอใจอย่างมาก แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ หลังเกมนั้น มาราโดน่าได้แก้ตัวว่า ส่วนหนึ่งของการทำประตูมาจากหัวของเขาเอง แต่อีกส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากหัตถ์พระเจ้า แต่ดูภาพช้าซ้ำกี่ครั้งมันก็ไม่ใช่มือใครที่ไหน นอกจากมือของนายเองนี่แหละดีเอโก้

 

 

การถ่วงเวลาแบบน่าเกลียดของคาดิม เอ็นเดียเย

 

 

ในแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ 2017 นายทวารมือสองของทีมชาติเซเนกัลที่ชื่อว่า คาดิม เอ็นเดียเย  โด่งดังชั่วข้ามคืน ในเกมที่พวกเขาพบกับแอลจีเรียในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม

 

ซึ่งในช่วงเวลานั้นแอลจีเรียกำลังโหมบุกอย่างหนักเพื่อหวังที่จะเอาชนะและเข้ารอบให้ได้ แต่เอ็นเดียเยก็ถ่วงเวลาในช่วงก่อนหมดเวลา 2 นาทีด้วยการสะดุดขาตัวเองล้มลงไปแบบมึนๆ จนทีมแพทย์ต้องกรูลงมาปฐมพยาบาลด้วยท่าทางที่จริงจังสุดๆ

 

 

สุดท้ายเกมจบลงด้วยผลเสมอ บวกกับชัยชนะของ ตูนีเซีย คู่แข่งอีกทีมในกลุ่ม ทำให้แอลจีเรียตกรอบไป ซึ่งนายทวารชาวเซเนกัลก็ไม่พ้นที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตว่าแสดงพฤติกรรมที่น่าเกลียดออกมา และควรถูกไล่ออกจากเกมข้อหาตบตาผู้ตัดสินด้วย

 

 

ทัพโสมขาวกับพลังเจ้าภาพในศึกบอลโลก 2002

 

 

ฟุตบอลโลกปี 2002 ถือเป็นครั้งแรกในทัวร์นาเม้นต์นี้ที่มีเจ้าภาพร่วม ระหว่างสองประเทศ คือประเทศคู่รักคู่แค้นกันอย่าง เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ซึ่งทางฝั่งทีมซามูไรก็ไม่ได่โดดเด่นอะไรมากในครั้งนั้น แต่ทว่าแข้งโสมขาวกลับกลายเป็นที่โจษจันไปทั่วโลก

 

เกาหลีใต้ที่นำโดยผู้จัดการทีมมากฝีมือ กุส ฮิดดิ้งก์  ผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่มไปได้ด้วยอันดับหนึ่ง ทั้งๆที่มี โปแลนด์, สหรัฐอเมริกา และโปรตุเกส เป็นคู่แข่งอยู่  แถมเอาชนะทีมอย่างสเปนไปได้ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายอีก ซึ่งหลายคนก็พอสังเกตุได้ว่าพวกเขาได้ประโยชน์จากการตัดสินอยู่หลายจังหวะ

 

 

แต่ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่พบกับอิตาลี ไบรอน โมเรโน เชิ้ตดำในเกมวันนั้นตัดสินเข้าข้างทีมเจ้าภาพและค้านสายตาชาวโลกมากๆ เขานิ่งเฉยกับการเข้าสกัดอย่างรุนแรงจากทางฝั่งเจ้าภาพนับครั้งไม่ถ้วน ไม่ให้ประตูแก่ทีมอัซซูรี่ที่ทำประตูได้อย่างใสสะอาด อีกทั้งยังชูใบแดงไล่ฟรานเชสโก้ ต็อตติแบบน่ากังขา ก่อนที่แข้งแดนกิมจิจะเอาชนะไปได้ด้วยประตูโกลเด่น โกล 2-1 ผ่านเข้าเล่นรอบตัดเชือกแบบช็อคโลก

 

 

การตกรอบฟุตบอลปี 1982 ของแอลจีเรีย

 

 

แม้จะได้เล่นในฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก แต่ทีมชาติเล็กอย่างแอลจีเรียก็สร้างความประทับใจให้แฟนบอลเป็นอย่างมากที่สเปนในปี 1982 หลังพวกเขาเอาชนะทีมระดับโลกอย่างเยอรมันตะวันตกได้ และมีลุ้นผ่านรอบแบ่งกลุ่มด้วยซ้ำ

 

แต่ทว่าในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม แข้งอินทรีเหล็กไปฮั้วกับออสเตรียหลังจากยิงประตูได้แล้ว ทั้ง 2 ทีมก็ไม่ทำอะไรกันเลยจนจบเกม และถึงแม้แอลจีเรียชนะชิลีไป 3-2 ในเวลาต่อมา แต่ 2 ทีมจากยุโรปก็เป็นฝ่ายจับมือกันเข้ารอบต่อไป เนื่องจากมีลูกได้เสียที่ดีกว่าทีมจากกาฬทวีปนั่นเอง

 

https://www.youtube.com/watch?v=3kQJDEaNXyU

 

จากการกระทำอันไร้น้ำใจนักกีฬาเช่นนี้ ทำให้ฟีฟ่า ได้เปลี่ยนการแข่งขันในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มใหม่ โดยให้แข่งขันพร้อมกันทุกทีม เพื่อไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก

 

 

การเซฟจุดโทษของมาร์วิน ฮิตช์  ปี 2015

 

 

ณ วันที่ 5 ธันวาคม ปี 2015 เอาก์สบวร์กต้องออกไปเยือน ‘แพะบ้า’ โคโลญจน์ ในศึกบุนเดสลีก้า เยอรมัน เกมการแข่งขันก็ดำเนินไปอย่างปกติจนกระทั่งในนาทีที่ 58 ทีมเจ้าบ้านมาได้จุดโทษหวังทำประตูขึ้นนำ

 

แต่นายทวารของทีมเยือนอย่าง มาร์วิน ฮิตซ์ ได้โชว์ความฉลาดแกมโกงด้วยการใส่ส้นเท้าขุดหญ้าสนามให้เป็นหลุมขนาดย่อมๆ ผมลัพธ์ที่ได้คือ อองโธนี่ โมเดส ลื่นเสียจังหวะตอนยิงสุดโทษ และทำให้นายทวารชาวสวิชเซฟประตูได้ ก่อนที่ทีมพวกเขาจะเอาชนะไปได้ 1-0

 

 

หลังเกม ฮิตช์ได้ขอโทษกับการกระทำในครั้งนั้น พร้อมกับยินดีจ่ายค่าเสียหายแก่ โคโลญจน์ ที่ทำให้พื้นสนามเสียหาย โดยเป็นเงินราวๆ 122.92 ยูโร หรือประมาณ 4,337.72 บาท

 

 

ออสการ์ของริวัลโด้ในบอลโลกปี 2002

 

 

ปัจจุบันมีนักเตะหลายคนที่โดนโทษแบนและถูกปรับเงินหลังใช้มายาตบตาผู้ตัดสิน ไม่ว่าจะเป็นการพุ่งล้ม หรือ เจตนาแกล้งเจ็บเพื่อให้คู่แข่งโดนใบเหลืองหรือแดงก็ตาม โดยนักเตะคนแรกๆที่โดนปรับเงินในกรณีนั้นคือ แข้งจอมพริ้วทักษะสูงอย่าง ริวัลโด้ ในศึกฟุบอลโลกปี 2002

 

ทีมชาติบราซิลได้ทำการแข่งขันกับทีมตุรกีในรอบแบ่งกลุ่ม ในขณะที่ทีมเซเลเซาได้เตะมุม ฮาคาน อุลซัล แข้งแดนไก่งวงได้เตะบอลได้โดนหน้าแข้งของริวัลโด้ แต่ทว่าอดีตดาวเตะบาร์เซโลน่ากลับเอามือกุมหน้าและดิ้นลงไปนอนกับพื้น ทำท่าราวกับว่าเจ็บปวดมากๆ

 

 

ไม่น่าเชื่อว่า คิม ยอง จู ผู้ตัดสินในเกมนั้นจะเชื่อลูกไม้ตื้นๆแบบนี้ เพราะหลังจากเห็นเหตุการณ์นั้นไม่นาน เขาก็ตัดสินใจควักใบแดงให้กับอุลซัลทันที อย่างไรก็ตาม ถึงแม้อดีตแข้งบาร์โลน่าจะเล่นละครตบตาเชิ้ตดำชาวโสมขาวได้ แต่ก็ไม่สามารถหลอกแฟนบอลทั่วโลกได้ และส่งผลให้เขาถูกปรับเงินกว่า 9,249.92 ปอนด์ หรือเป็นเงินไทยราวๆ 368,578.82 บาทเลย