โกลาหลครั้งใหญ่ : คดีฉาวบาร์โตเมวส่งผลต่อบาร์ซ่าอย่างไรในอนาคต

 

กลายเป็นข่าวใหญ่ในรอบสัปดาห์ เมื่ออดีตประธานสโมสรบาร์เซโลน่าอย่าง โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกาตาลันจับกุมตัว หลังมีส่วนพัวพันกับคดี ‘บาร์ซ่าเกต’ อันอื้อฉาวเมื่อปีที่แล้ว

 

นอกจากเหนือจาก บาร์โตเมว ยังมีอดีตผู้บริหารระดับสูงของสโมสรอีก 3 รายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ นั่นก็คือ ออสการ์ กราว อดีตซีอีโอบาร์ซ่า, โรมัน โกเมซ ปอนติ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย และ เชาเม่ มาสเฟร์เรร์ อดีตมือขวาของเขา ซึ่งลาออกไปเมือปีก่อน

 

ตำรวจกาตาลันได้เดินทางมาสนาม คัมป์ นู พร้อมหมายจับจาก อเลฆานดรา คิล ผู้พิพากษาในช่วงเช้าเวลา 9 โมง เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เพื่อเก็บเอกสารและหลักฐานที่เป็นไปได้ว่าอาจเกี่ยวข้องกับการยักยอกเงินในสโมสร 

 

นอกจากนี้สื่อท้องถิ่นยังรายงานว่า ตำรวจได้ทำการตรวจค้นบ้านพักของ บาร์โตเมว และ มาสเฟร์เรร์ รวมถึงสำนักงานของ บริษัท I3 Ventures ในบาร์เซโลน่า ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านไอทีที่จุดประกายเรื่องอื้อฉาวของ ‘บาร์ซ่าเกต’ ทั้งหมด

 

UFA ARENA จึงขอพาไปย้อนไปชมคดีสุดอื้อฉาวภายใน ‘อาซูลกราน่า’ ที่กำลังใกล้ถึงบทสรุป รวมถึงทิศทางอนาคตข้างหน้าของสโมสรว่าจะเป็นอย่างไรผ่านบทความชิ้นนี้

 

 

บาร์ซ่าเกต คืออะไร

 

 

บอร์ดบริหารของ บาร์เซโลน่า ได้ว่าจ้าง บริษัท I3 Ventures และ NS Group เพื่อปรับปรุงพัฒนาภาพลักษณ์ในโซเชยล มีเดีย ของสโมสรในเดือนพฤศจิกายนปี 2017 โดยบัญชีของสโมสรแสดงให้เห็นว่าจ่ายเงินให้พวกเขาประมาณ 1 ล้านยูโรต่อปี

 

แต่สื่อวิทยุในแดนกระทิงอย่าง La Cadena SER ได้รายงานเรื่องราวสุดช็อกในวันที่ 17 กุมภาพันธ์เมื่อปีที่แล้ว โดยอ้างว่าบริษัทเหล่านี้สร้างบัญชีบนโลกออนไลน์ขึ้นมา เพื่อวิพากษ์วิจารณ์,โจมตี, ปั่นกระแสลบต่อคนที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นศัตรู หรือ ส่งผลต่อเก้าอี้ประธานสโมสรของ บาร์โตเมว ไม่ว่าจะเป็นตำนานของทีมอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, การ์เลส ปูโยล, ชาบี เอร์นานเดช รวมไปถึงนักเตะชุดปัจจุบัน อย่าง ลิโอเนล เมสซี่ หรือ เคราร์ด ปิเก้

 

นอกจากนี้ เหล่าว่าที่ผู้สมัครลงเลือกตั้งประธานสโมสรในวาระต่อไป ทั้ โจน ลาปอร์ต้า หรือ วิคตอร์ ฟอนท์ ก็โดนป้ายสีเช่นเดียวกัน

 

การโจมตีบนโลกโซเชียลแบบนี้อาจไม่ใช่สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในวงการฟุตบอลสเปน รวมถึงระดับโลก อย่างไรก็ตาม ทั้ง I3 และ NS ต่างปฏิเสธว่าพวกเขาไม่ได้อยู่เบื้องหลังงานสกปรกที่คอยดิสเครดิตบนโลกอินเตอร์เน็ตเหล่านี้

 

ทว่า ความพยามที่ดูเหมือนปิดบังซ้อนเร่นบางอย่างไว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามาสืบสาวราวเรื่อง ซึ่งตอนนี้อาจนำไปสู่บทลงโทษที่ร้ายแรงในด้านกฏหมาย

 

อดีตผู้อำนวยการของ บาร์เซโลน่า ได้อ้างกับ ดิ แอธเลติก สื่อกีฬาชื่อดังบนโลกออนไลน์ เมื่อซัมเมอร์ที่แล้วว่า ลักษณะของสัญญากับที่ปรึกษาด้านโซเชียล มีเดีย ถูกปกปิดอย่างเจตนาจากคณะกรรมการที่ดูแลและเกี่ยวข้องในสโมสร 

 

แม้คนเหล่านั้นจะปฏิเสธความผิดดังกล่าว แต่บอร์ดบริหาร 6 คน ก็ลาออกในเดือนเมษายนปีก่อน ทำให้เรื่องราวต่าง ๆ เริ่มน่าสงสัยขึ้น อีกทั้ง โนเอเลีย โรเมโร่ เจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องกฏหมายของสโมสร ก็ลาออกไปหลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ 

 

 

การตรวจสอบที่เงินทุนภายในสโมสรเมื่อเดือนกรกฎาคมพบว่า บาร์เซโลน่า ได้จ่ายเงินให้ NS Group มากกว่า 3 ล้านยูโรในช่วงสามปีที่ผ่านมา และสอบพิรุธว่ามีการสั่งจ่ายเช็กถึง 6 ครั้งตกครั้งละราว 180,000 ยูโร ส่วนคนสั่งจ่าย ก็คือ มาสเฟร์เรร์ คนสนิท บาร์โตเมว ยิ่งทำให้เรื่องราวดูไม่ชอบมาพากลกว่าเดิม

 

แม้ต่อมา บอร์ดของ บาร์โตเมว จะยกเลิกสัญญากับบริษัทเหล่านั้น แต่นั่นก็ไม่หยุดการสอบสวนเรื่องนี้ ซึ่งนำโดย ผู้พิพากษา กิล ซึ่งได้รับการร้องเรียนจาก โซซิโอ (สมาชิก) ในบาร์เซโลน่า และเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบที่ คัมป์ นู ในเดือนพฤษภาคม และกลับมาอีกในเดือนกรกฏาคม เพื่อนำเอกสารอื่น ๆ ออกไปเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการสอบสวนทางอาญาที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับการใช้เงินของสโมสรในทางที่ผิด

 

นอกจากนี้ยังมีรายงานที่ไม่ได้รับการยืนยัน แต่แพร่หลายในสื่อกาตาลันว่าเงินบางส่วนที่จ่ายให้ บริษัท I3 Ventures อาจพบว่ามีการกลับเข้ากระเป๋าของอดีตกรรมการบางคน

 

คาร์ลอส อิบาเญส ผู้ก่อตั้ง I3 Ventures บอกกับสื่อวิทยุของกาตาลันในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ว่า บริษัทของเขา ได้รับเงินจาก บาร์เซโลน่า 198,000 ยูโรต่อปี และไม่รู้ว่าสโมสรได้ลงทุนในบริการดิจิตอลเจ้าอื่น ๆ หรือไม่ พร้อมยืนยันว่าบริษัทของเขาไม่ได้อยู่เบื้องหลังการสร้างบัญชีออนไลน์เพื่อโจมตีคนที่เป็นศัตรูกับ บาร์โตเมว และบอร์ดของเขา

 

 

3 คนสนิทของบาร์โตเมว

 

 

ออสการ์ กราว เป็นอดีตผู้เล่นแฮนด์บอลของ บาร์เซโลน่า ที่เคยคว้าเหรียญทองโอลิมปิก และดูประสบความสำเร็จมากกว่าหลังเล่นเลิกแฮนด์บอลอาชีพ ด้วยการดูแล ‘FCB Escola’ ส่วนหนึ่งในสโมสรที่ดูแลจัดค่ายฟุตบอลและโรงเรียนภาคฤดูร้อนทั่วโลก ก่อนที่ บาร์โตเมว จะชักชวนเขาทีมงานในเดือนกันยายนปี 2015 

 

อีกทั้ง เขายังเป็นคนสำคัญในการช่วยให้สโมสรเซ็นสัญญาคว้า อุสมาน เดมเบเล่, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ และ แฟรงกี้ เดอ ยอง มาร่วมทีมด้วย

 

ในส่วนของ มาสเฟร์เรร์ เข้ามาเกี่ยวข้องกับ ‘เจ้าบุญทุ่ม’ ครั้งแรก เมื่อบริษัทด้านประชาสัมพันธ์ของเขาทำงานร่วมกับ โจน ลาปอร์ต้า ช่วงที่ชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธานสโมสรในปี 2003 จากนั้นตัวของ มาสเฟร์เรร์ ก็เป็นตัวตั้งตัวตีช่วยให้ ซานโดร โรเซลส์ ชนะการเลือกตั้งแบบถล่มถลายในปี 2010 เช่นเดียวกับในยุคของ บาร์โตเมว เมื่อปี 2015 

 

ในเดือนกันยายนปี 2018 มาสเฟร์เรร์ ได้เข้ามารับตำแหน่งในสโมสรอย่างเป็นทางการกับการเป็นผู้อำนวยการสำนักงานเพรสซิเดนท์ หลังเป็นที่ปรึกษาของ บาร์โตเมว มาพักใหญ่ และเหล่าวงในได้บอกกับ ดิ แอธเลติก ว่าในบทบาทนั้น มาสเฟร์เรร์ มีอำนาจในการตัดสินใจ หรืออิทธพลมากกว่าผู้อำนวยการหลายคนใน บาร์ซ่า เสียอีก

 

สำหรับ โรมัน โกเมซ ปอนติ ผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านกฏหมายกีฬา ได้เข้ามาดูแลด้านกฏหมายของ บาร์ซ่า ตั้งแต่ปี 2010 ซึ่งเป็นเวลาที่สโมสรวุ่นกับเรื่องกฏหมายและคดีต่าง ๆ 

 

เขาอาจไม่ได้เคลื่อนไหวมากมายนักเมื่อเทียบกับ 2 รายแรก แต่ก็ใช่ว่าไม่เคยปรากฏให้เห็นสู่สาธารณะเลย ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงซัมเมอร์ปีก่อน โดย ปอนติ ออกมาวิจารณ์หน่วยงานในแคว้นกาตาลันที่ปล่อยให้มีการล่าลายชื่อไม่ไว้วางใจต่อบอร์ดบริหารของ บาร์โตเมว ทั้งที่อยู่ในช่วงแพร่ระบาดของโควิด-19

 

 

ปฏิกิริยาของ 3 ผู้ท้าชิง

 

 

ผู้ลงสมัครทั้ง 3 คน โจน ลาปอร์ต้า, วิคตอร์ ฟอนท์ และ โทนี่ เฟรย์ช่า จะลงเลือกตั้งเพื่อชิงเก้าอี้ประธานสโมสรคนใหม่ของ บาร์เซโลน่า ในวันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคมนี้ และเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ดีว่าทำไมพวกเขาถึงพยายามออกห่างจากเรื่องของ บาร์โตเมว ให้ได้มากที่สุดก่อนการเลือกตั้ง

 

ทางด้าน ลาปอร์ต้า รู้สึกตกใจกับข่าวการจับกุมในช่วงกำลังให้สัมภาษณ์กับสื่อวิทยุในกาตาลัน ณ เวลาสาย ๆ ในวันจันทร์ และมองว่านี่ไม่เรื่องดีสำหรับ บาร์ซ่า เลย และเสียใจกับการกระทำซึ่งส่งผลให้ชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของสโมสรดูแย่ไปอีก

 

ส่วน ฟอนท์ ก็ตอบสนองกับเรื่องนี้แบบตรงไปตรงมาผ่านทวิตเตอร์ และชี้ให้เห็นว่าเรื่องทุจริตเหล่านี้ต้องถูกกำจัดให้หมดไป หากต้องการก้าวไปข้างหน้าแบบไม่มีอุปสรรคหรือความกลัวมาขวางกั้น

 

ขณะที่ในรายของ เฟรย์ช่า ดูคลุมเครีอมากที่สุด ซึ่งกล่าวในทวิตเตอร์ในลักษณะที่หลายคนสามารถมองว่าให้กำลังใจ บาร์โตเมว อดีตเพื่อนร่วมงานเก่าได้เช่นกัน และเหตุการณ์นี้อาจส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งของเขามากกว่าคนอื่นแน่นอน

 

ผู้สมัครทั้ง 3 คนต่างระมัดระวังในระหว่างการหาเสียงเมื่อถูกถามว่าพวกเขาจะดำเนินการกับ บาร์โตเมว และคณะกรรมการก่อนหน้านี้หรือไม่ หากได้รับเลือกเป็นประธาน รวมไปถึงจะจัดการอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวคดี’ บาร์ซ่าเกต’ หรือปัญหาทางการเงินในปัจจุบัน

 

อย่างไรก็ตาม ลาปอร์ต้า และ ฟอนท์ ได้กล่าวชัดเจนว่าสโมสรต้องให้ความร่วมมือต่อเจ้าหน้าที่ในการสืบสวน และความผิดที่ปกปิดไว้ต้องถูกดำเนินการทางกฏหมายให้รวดเร็วที่สุดเท่า

 

 

อนาคตข้างหน้า

 

 

การจับกุมอดีตประธานสโมสรและอดีตผู้บริหารระดับสูงอีก 3 ราย ถือเป็นเรื่องสุดแสนจะอื้อฉาวและเห็นได้ชัดว่าร้ายแรงสำหรับพวกเขามากแค่ไหน

 

อย่างไรก็ตาม ทีมงานของบาร์เซโลน่า คุ้นเคยกับดราม่าและเรื่องราวที่ไม่คาดคิดมานานแล้ว และเหตุการณ์ในวันจันทร์ก็คงไม่สร้างความเปลี่ยนแปลงหรือสถานการณ์ที่แตกต่างทั้งในและนอกสนามมากนัก

 

ด้วยปัญหาที่เผชิญหน้าอยู่ ทำให้มีการคาดกันถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดการจับกุมตัวครั้งนี้ในช่วงเวลาไล่เรี่ยก่อนการเลือกตั้งมาจากการที่ บาร์เซโลน่า เองต้องการที่จะชำระล้างสโมสรให้ขาวสะอาด ไร้มลทินใด ๆ ก่อนที่จะเจรจากับธนาคารในการขอกู้เงินเพื่อนำมาใช้ฝ่าวิกฤตในอนาคตอันใกล้

 

บาร์โตเมว ถูกแฟนบอลยกให้เป็นประธานสโมสรที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบาร์เซโลน่า ขณะที่ มาสเฟร์เรร์ คนสนิทของ บาร์โตเมว ถูกยกเลิกสัญญาโดย การ์เลส ตุสเกสต์ ประธานรักษาการในเดือนตุลาคมปีก่อน 

 

ขณะที่ กราว และ โกเมส ปอนติ อาจมีตำแหน่งในสโมสรอยู่ แต่ก็มีแนวโน้มที่พวกเขาจะไม่ได้ดำรงตำแหน่งใหญ่โตในบอร์ดบริหารอีกต่อไป หลังประธานคนใหม่เข้ามารับตำแหน่ง

 

ดังนั้นเรื่องอื้อฉาวทั้งหลายจึงต้องได้รับการจัดการ และ บาร์ซ่า เป็นหนึ่งในเรื่องเลวร้ายที่สุดที่บาร์โตเมวกระทำไว้ในฐานะอดีตประธานสโมสร

 

การพิจารณาคดีกำลังดำเนินต่อไป  และเป็นไปได้ที่จะมีความคืบหน้าหรือรายละเอียดเพิ่มเติมหลังจากนี้ และการเลือกตั้งประธานคนใหม่ก็ควรเกิดขึ้นตามกำหนดการเดิมต่อไปเพื่อเริ่มการปฏิรูปที่จำเป็นภายในสโมสร

 

อนาคตของ โรนัลด์ คูมัน และ ลิโอเนล เมสซี่ ยังมีแนวโน้มที่จะถูกตัดสินจากปัจจัยอื่น ๆ อีกมาก เช่นผลงานในสนามจะเป็นอย่างไรในช่วงที่เหลือของฤดูกาลนี้, แผนการของประธานคนใหม่ในอนาคต และปัญหาด้านการเงินจากหนี้มูลค่า 1 พันล้านยูโร 

 

วันที่ 1 มีนาคม 2021 จะยังคงเป็นหนึ่งในวันที่น่าทึ่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของ บาร์เซโลน่า และอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของสโมสรในอนาคต

 

แต่ก็เชื่อว่าเรื่องราวเหล่านี้จะไม่ใช่ความโกลาหลครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นกับ ‘อาซูลกราน่า’ อย่างแน่นอน