โคตรแกร่ง! วิเคราะห์ 11 ตัวจริงขุนพล สิงห์ท่าเรือ ลุยซีซั่น 2020/2021

 

หนึ่งในสโมสรที่เก่าแก่สุดของลีกฟุตบอลไทย อย่าง การท่าเรือ เอฟซี เรียกเสียงฮือจากการเสริมทัพเพื่อลงสู่ศึก โตโยต้า ไทยลีก 2020/2021 ได้อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การย้ายเข้ามาของนักเตะชื่อดังทั้ง เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดส, อดิศักดิ์ ไกรษร และ ชาริล ชัปปุยส์ เมื่อช่วงต้นฤดูกาล ล่าสุด อดิศร พรหมรักษ์, ทิตาธร อักษรศรี และ ทิตาวีร์ อักษรศรี ก็เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในถิ่น แพท สเตเดี้ยม เรียบร้อยแล้วเช่นกัน

 

จากการเสริมทัพสุดโหดของ “สิงห์เจ้าท่า” ในปีนี้ ส่งผลให้พวกเขามีขุมกำลังที่แข็งแกร่งสุดๆ และเต็มไปด้วยผู้เล่นฝีเท้าคุณภาพสูงทุกตำแหน่ง นับตั้งแต่ผู้รักษาประตูยันศูนย์หน้า และสามารถแบ่งนักเตะออกมาจัดทีมใหม่ได้ 2 – 3 ทีม เลยทีเดียว

 

แน่นอนว่าด้วยจำนวนผู้เล่นล้นทีมของ “สิงห์ท่าเรือ” ณ เวลานี้ ส่งผลให้กุนซืออย่าง “มาสเซอร์เด็จ” จเด็จ มีลาภ เลือกใช้นักเตะและรูปแบบแผนการเล่นได้อย่างหลากหลาย ซึ่งวันนี้ UFAARENA จะขอลองคาดเดาดูว่า 11 ผู้เล่นตัวจริงของ การท่าเรือ เอฟซี ในระบบแผนการเล่นต่างๆ ใครกันบ้างที่น่าจะเป็นตัวเลือกแรกของ “เซอร์เด็จ” และได้รับโอกาสออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในซีซั่นนี้

 

 

 

แผนปกติ ระบบ 4-2-3-1

 

ผู้รักษาประตู : รัตนัย ส่องแสงจันทร์

แน่นอนว่าสำหรับตำแหน่งผู้รักษาประตูมือหนึ่ง การท่าเรือ เอฟซี ณ เวลานี้ คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก รัตนัย ส่องแสงจันทร์ ซึ่งลงเฝ้าเสาตัวจริงตลอด 4 นัดแรก ศึก โตโยต้า ไทยลีก ซีซั่นนี้ พร้อมกับโชว์ผลงานได้อย่างน่าประทับใจ เพราะฉะนั้นดูแล้ว รัตนัย น่าจะเป็นมือกาวตัวเลือกแรกสำหรับทีมแน่นอน

 

แบ็คขวา : นิติพงษ์ เสลานนท์

ส่วนตำแหน่งแบ็กขวาแน่นนอนว่าหาก นิติพงษ์ เสลานนท์ ไม่มีอาการบาดเจ็บหรือติดโทษแบนเจ้าตัวคงจองสัมปทานพื้นที่นี้ไปอีกยาวๆ ทว่าวันใด นิติพงษ์ เกิดหลุดฟอร์มเก่งขึ้นมา ผู้เล่นตัวใหม่ของสโมสรอย่าง ทิตาวีร์ อักษรศรี ก็พร้อมสอดแทรกขึ้นมาเบียดลุ้นออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเช่นกัน

 

เซ็นเตอร์แบ็ก : เอเลียส ดอเลาะ

ถัดมาที่ปราการหลังตัวกลางคนแรกต้องเป็น เอเลียส ดอเลาะ อย่างไม่ต้องสงสัย เจ้าตัวถือเป็นแกนหลักของทีม “สิงห์เจ้าท่า” ตลอดซีซั่น 2019 ที่ผ่านมา และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนก้าวขึ้นไปติดทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ยุค อากิระ นิชิโนะ มาแล้ว ส่วนผู้เล่นสำรองซึ่งพร้อมเบียดแย่งตัวจริงก็ถือว่าน่ากลัวไม่น้อยเลยทีเดียว อาทิ ทศพล ลาเทศ, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, อดิศร พรหมรักษ์ และ ทิตาวีร์ อักษรศรี

 

เซ็นเตอร์แบ็ก : ดาบิด โรเชล่า

ขณะที่เซ็นเตอร์แบ็กอีกคนของ การท่าเรือ ซึ่งจะจับคู่กับ เอเลียส ดอเลาะ คงหนีไม่พ้น ดาบิด โรเชล่า ทั้งสองคนทำผลงานร่วมกันได้อย่างลงตัวตลอดฤดูกาลที่แล้ว และมีส่วนสำคัญช่วยกันพาสโมสรคว้าแชมป์ ช้าง เอฟเอ คัพ 2019 ได้สำเร็จ เพราะฉะนั้น โรเชล่า และ เอเลียส น่าจะยังเป็นตัวจริงต่อเนื่องคู่กันในซีซั่นนี้แน่นอน

 

แบ็คซ้าย : เควิน ดีรมรัมย์

พื้นที่แบ็กซ้าย เควิน ดีรมรัมย์ น่าจะเป็นตัวเลือกแรกของ “มาสเซอร์เด็จ” จเด็จ มีลาภ อย่างไรก็ตามแข้งลูกครึ่งไทย-สวีเดน มักเจอปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงานอยู่บ่อยครั้ง ประกอบกับ “ท่าเรือ” มีผู้เล่นฝีเท้าดีในตำแหน่งนี้หลายคน ไม่ว่าจะเป็น ยศวรรธน์ มนทา, ทิตาธร อักษรศรี และ จตุรภัทร สัทธรรม นั่นทำให้การแข่งขันแย่งตำแหน่งฟูลแบ็กด้านซ้ายในถิ่น แพท สเตเดี้ยม น่าจะสนุกเข้มข้นแน่นอน

 

กองกลาง : โก ซุล-กิ

กองกลางคนแรกที่ขาดไม่ได้คือ โก ซุล-กิ เจ้าตัวถือเป็นนักเตะหัวใจสำคัญของ การท่าเรือ เอฟซี ดาวเตะชาวเกาหลีใต้ ทำได้ดีทั้งการออกบอลที่แม่นยำ, เข้าบอลหนักหน่วง และอ่านเกมได้อย่างยอดเยี่ยม นั่นทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดของไทยลีก ณ เวลานี้

 

กองกลาง : ศิวกร จักขุประสาท

มิดฟิลด์คู่กลางอีกคนที่คาดว่าน่าจะถูกส่งลงสนามเป็นตัวจริงก็คือ ศิวกร จักขุประสาท ซึ่งทำผลงานได้อย่างโดดเด่ดให้กับ “สิงห์ท่าเรือ” ตลอดหลายซีซั่นก่อนหน้านี้ มีส่วนกับทีมทั้งจังหวะเล่นเกมรุกและรับ นอกจากนั้น “เจ้ากลิ้ง” ยังเป็นผู้เล่นที่ออกบอลและวางบอลยาวได้อย่างแม่นยำอีกด้วย

 

ปีกซ้าย : บดินทร์ ผาลา

บดินทร์ ผาลา คืออีกหนึ่งนักเตะที่ทำผลงานได้ดีให้กับยอดทีมย่านคลองเตยตลอดซีซั่น 2019 พร้อมกับยึดตำแหน่งปีกซ้ายตัวจริงต่อเนื่อง และหากเขาไม่มีอาการบาดเจ็บหรือติดโทษแบน “เจ้าโดม” ก็น่าจะประจำการเป็นเบอร์หนึ่งในพื้นที่นี้แน่นอน  โดยมีผู้เล่นอย่าง ธนาสิทธิ์ ศิริผลา พร้อมเบียดแย่งตัวจริงอยู่ด้วย

 

กองกลางตัวรุก : เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดส 

สำหรับกองกลางตัวรุก คงไม่มีใครเหมาะสมเท่ากับนักเตะใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อช่วงต้นฤดูกาลอย่าง เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดส ซึ่งดาวยิงชาวแซมบ้าลงสนามเป็นตัวจริงให้กับทีมของ “มาสเซอร์เด็จ” ตลอด 4 เกมแรก ในศึก โตโยต้า ไทยลีก พร้อมกับระเบิดฟอร์มเก่งซัดไปแล้ว 4 ประตู

 

ปีกขวา : ปกรณ์ เปรมภักดิ์

ขยับมาที่ตำแหน่งปีกขวา สำหรับทีม การท่าเรือ เอฟซี ในตอนนี้ ปกรณ์ เปรมภักดิ์ คงยึดตัวจริงแบบไม่ต้องสงสัย แข้งวัย 27 ปี มีความโดดเด่นจากจังหวะเปิดบอลที่แม่นยำและเล่นลูกตั้งแตะได้อย่างเฉียบคม เพราะฉะนั้นน่าจะเป็นเรื่องยากหน่อยหากใครหวังมาเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงกับ “เจ้าบาส” ในฤดูกาลนี้

 

กองหน้า : เซร์ฆิโอ ซัวเรซ

ท้ายสุดมาถึงกันที่ตำแหน่งกองหน้าของ การท่าเรือ เอฟซี ในซีซั่น 2020/2021 แน่นอนว่าต้องเป็น เซร์ฆิโอ ซัวเรซ ดาวเตะชาวสเปน ซึ่งทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดฤดูกาล 2019 ด้วยสถิติยิงประตูทั้งหมด 9 ลูก จากการลงสนาม 21 เกมรวมทุกรายการ อย่างไรก็ตามคู่แข่งศูนย์หน้าอีกคนในทีมก็ถือว่ายอดเยี่ยมและน่าจับจามองไม่แพ้กัน นั่นก็คือ “เจ้ากอล์ฟ” อดิศักดิ์ ไกรษร ดาวยิงดีกรีทีมชาติไทย

 

 

 

เน้นเกมรุก 3-5-2

 

ผู้รักษาประตู : รัตนัย ส่องแสงจันทร์

หากเน้นเล่นเกมรุกเป็นหลักผู้รักษาประตูที่เหมาะสมสุดกับ การท่าเรือ เอฟซี ก็น่าจะยังคงเป็น รัตนัย ส่องแสงจันทร์ ซึ่งมือกาววัย 25 ปี ถือเป็นนายทวารที่มีความคล่องแคล่วว่องไวและออกบอลเร็วได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะฉะนั้นเจ้าตัวน่าจะเหมาะลงสนามให้กับทีมในยามที่ต้องเล่นเกมรุกมากกว่าคู่แข่งตำแหน่งเดียวกันอย่าง วัชระ บัวทอง และ วรวุฒิ ศรีสุภา แน่นอน

 

วิงแบ็กขวา : นิติพงษ์ เสลานนท์

แข้งวัย 27 ปี ดีกรีทีมชาติไทย ขึ้นชื่อว่าเป็นฟูลแบ็กที่เล่นเกมรุกได้อย่างยอดเยี่ยมอยู่แล้ว นอกจากนั้น นิติพงษ์ เสลานนท์ ยังมีทีเด็ดจากจังหวะเปิดบอลที่แม่นยำและลูกยิงไกลอันทรงพลัง เพราะฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่าเขาน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของทีมในเวลานี้

 

เซ็นเตอร์แบ็ค : อดิศร พรหมรักษ์

ปราการหลังคนแรกแน่นอนต้องเป็น อดิศร พรหมรักษ์ แข้งตัวใหม่ที่เพิ่งย้ายมาจาก เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด “เจ้าเก่ง” เป็นนักเตะแนวรับที่ออกบอลได้ดี นอกจากนั้นเขายังเป็นกองหลังที่มักชอบวิ่งเติ่มขึ้นไปเล่นเกมรุกอีกด้วย

 

เซ็นเตอร์แบ็ก : ธนบูรณ์ เกษารัตน์

ส่วนเซ็นเตอร์แบ็กตัวกลางของแผนการเล่นระบบแผงหลัง 3 คน ต้องเป็นนักเตะที่สามารถขยับขึ้นไปเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรับได้ นั่นคงหนีไม่พ้น ธนบูรณ์ เกษารัตน์ สุดยอดแข้งสารพัดประโยชน์สามารถเล่นได้ทั้งกองกลางและกองหลัง นอกจากนั้น “เจ้าตั้ม” ยังเป็นผู้เล่นที่ออกบอลได้ดีและพอหวังผลจากจังหวะส่องไกลได้ด้วย

 

เซ็นเตอร์แบ็ก : ดาบิด โรเชล่า

ขณะที่อีกหนึ่งเซ็นเตอร์แบ็กยังคงต้องเป็น ดาบิด โรเชล่า แข้งกัปตันทีม การท่าเรือ ซึ่งนอกจากความแข็งแกร่งในการเล่นเกมรับแล้ว เขายังมีจังหวะออกบอลที่ยอดเยี่ยม และรับหน้าที่เป็นคนสังหารลูกจุดโทษให้กับทีม

 

วิงแบ็กซ้าย : เควิน ดีรมรัมย์

ส่วนวิงแบ็กด้านซ้ายคงหาใครมาแย่งตำแหน่ง เควิน ดีรมรัมย์ ยากแน่นอน เนื่องจากดาวเตะวัย 22 ปี เป็นฟูลแบ็กซึ่งโดดเด่นในเรื่องของเกมรุก และมีความเร็วจัดจ้าน เพราะฉะนั้นเขาคงเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของ จเด็จ มีลาภ 100 เปอร์เซ็นต์

 

กองกลาง : กานต์นรินทร์ ถาวรศักดิ์

ส่วนคู่กองกลางหาก “สิงห์คลองเตย” ต้องการเน้นเล่นเกมรุกเป็นหลักพวกเขาอาจต้องหันมาใช้บริการมิดฟิลด์อย่าง กานต์นรินทร์ ถาวรศักดิ์ ซึ่งเป็นผู้เล่นที่ทะลุลวงไปกับบอลได้ดีและยังมีความเฉียบคมในการจ่ายบอลอีกด้วย

 

กองกลาง : โก ซุล-กิ

ขณะที่ โก ซุล-กิ เจ้าตัวยังคงเป็นคนสำคัญของทีมในทุกสถานการณ์ โดยแข้งโสมขาวนอกจากจะมีความขยันแล้ว เขายังเป็นผู้เล่นที่จ่ายบอลทะลุช่องได้อย่างแม่นยำ, สร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้ดี และมีจังหวะยิงไกลซึ่งอันตรายไม่น้อยเลยทีเดียว

 

เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดส 

สุดยอดดาวเตะชาวแซมบ้านอกจากจะมีจังหวะยิงสกอร์อันเฉียบคมแล้ว เขายังเป็นนักเตะที่สร้างสรรค์โอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีมได้อย่างยอดเยี่ยม, เป็นตัวพลิกแพลงเกมที่ดี และเล่นลูกตั้งเตะแม่นยำสุดๆ แน่นอนว่าหาก การท่าเรือ จำเป็นต้องเน้นเล่นเกมรุก เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดส คงต้องมีชื่อลงสนามเป็นตัวจริงแน่นอน

 

กองหน้า : อดิศักดิ์ ไกรษร

ตำแหน่งศูนย์หน้าหากเน้นเกมรุกนักเตะที่น่าจะได้ลงสนามก็คือ อดิศักดิ์ ไกรษร กองหน้าป้ายแดงอีกหนึ่งผู้เล่นที่ย้ายมาจากทีม “กิเลนผยอง” แข้งวัย 29 ปี เป็นหัวหอกที่มีทั้งความเร็วและจบสกอร์ได้อย่างเฉียบคม ซึ่งเขาน่าจะเป็นความหวังสำคัญในยามที่ทีมต้องการประตู

 

เซร์ฆิโอ ซัวเรซ

ตำแหน่งกองหน้าอีกหนึ่งคนก็คือ เซร์ฆิโอ ซัวเรซ ดาวยิงชาวสเปน ที่สามารถสร้างสรรค์โอกาสให้กับเพื่อนร่วมได้ ส่วนเรื่องการจบสกอร์ก็ถือว่าไม่ธรรม เพราะนับตั้งแต่ที่เจ้าตัวย้ายจาก สงขลา เอฟซี มาค้าแข้งในถิ่น แพท สเตเดี้ยม เมื่อปี 2017 นักเตะเลือดกระทิงดุวัย 33 ปี ยิงไปแล้ว 41 ประตู จากการลงสนาม 90 เกมรวมทุกรายการ ให้กับ การท่าเรือ เอฟซี

 

 

 

เน้นเกมรับ 4-3-3

 

ผู้รักษาประตู : วรวุฒิ ศรีสุภา

นายด่านวัย 28 ปี คือหนึ่งในผู้รักษาประตูซึ่งโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นตลอดซีซั่น 2019 จนทำให้เจ้าตัวเคยมีชื่อติดทีมชาติไทย ช่วงที่ “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย คุมทีมชั่วคราวมาแล้ว วรวุฒิ ศรีสุภา ถือเป็นมือกาวที่มีความเหนียวแน่นและช่วยทีมเซฟจังหวะสำคัญๆ อยู่บ่อยครั้ง แน่นอนว่าหาก การท่าเรือ ต้องการนายทวารที่สามารถฝากความหวังไว้ได้ วรวุฒิ คงเป็นช้อยส์ที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว

 

แบ็กขวา : ทิตาวีร์ อักษรศรี

แบ็กขวาหากมองหานักเตะซึ่งมีความเหนียวแน่นมากที่สุดในถิ่น แพท สเตเดี้ยม ณ เวลานี้ ทิตาวีร์ อักษรศรี ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียว โดย “ปาแปง” ถือเป็นกองหลังสารพัดประโยชน์สามารถเล่นได้ทั้งตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กและฟูลแบ็ก มีความนิ่งและอ่านเกมได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนั้นเจ้าตัวยังเคยพิสูจน์ตัวเองกับการลงเล่นให้ทีมชาติไทย ชุด U23 มาแล้วด้วย

 

เซ็นเตอร์แบ็ก : เอเลียส ดอเลาะ

แน่นอนว่า เอเลียส ดอเลาะ น่าจะเป็นตัวเลือกแรกของ “เซอร์เด็จ” แน่นอน เพราะแนวรับลูกครึ่งไทย-สวีเดน มีทั้งความหนักแน่น, อ่านเกมเฉียบคม และเล่นลูกกลางอากาศได้อย่างยอดเยี่ยม ดูแล้วหาก “สิงห์ท่าเรือ” เน้นเกมรับเป็นพิเศษ เอเลียส น่าจะต้องถูกเลือกลงสนามแบบไม่ต้องสงสัย

 

เซ็นเตอร์แบ็ก : ดาบิด โรเชล่า

ส่วนคู่เซ็นเตอร์แบ็กอีกคนที่จะมายืนเคียงข้างกับ เอเลียส ดอเลาะ ก็คงต้องเป็น ดาบิด โรเชล่า เขาเป็นแนวรับที่อ่านทางบอลดีและเล่นลูกกลางอากาศได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน เพราะฉะนั้นหากฝ่ายตรงข้ามพยายามที่จะใช้ลูกกลางอากาศเล่นงานทั้ง โรเชล่า และ เอเลียส ต้องบอกเลยว่าเป็นทางเลือกที่ไม่เวิร์คแน่นอน

 

แบ็กซ้าย : ทิตาวีร์ อักษรศรี

ขณะที่แนวรับทางฝั่งริมเส้นด้านซ้าย ทิตาวีร์ อักษรศรี อาจมีโอกาสได้ลงสนามเป็นตัวจริง หาก จเด็จ มีลาภ ต้องการนักเตะซึ่งเล่นเกมรับได้ดีเป็นพิเศษ นอกจากนั้น “ปาแปง” ยังเป็นผู้เล่นที่มีทั้งความขยันและแข็งแกร่งไม่แพ้ฝาแฝดคนพี่อย่าง ทิตาวีร์ อักษรศรี เลยก็ว่าได้

 

กองกลางตัวรับ : ธนบูรณ์ เกษารัตน์

มิดฟิดล์ตัวกลางแน่นอนว่าต้องเป็นผู้เล่นที่เน้นเกมรับเป็นหลัก ซึ่ง ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ถือเป็นนักเตะที่ตรงสเปคมากสุด นอกจากนั้นเจ้าตัวยังสามารถถอยลงมาเล่นกองหลังร่วมกับคู่เซ็นเตอร์อีก 2 คน ได้ด้วย หากทีมต้องการเล่นเกมรับด้วยการใช้แผงหลัง 3 คน ระหว่างเกม

 

กองกลาง : ชาริล ชับปุยส์

คู่มิดฟิลด์กลางสนามคนแรกมีโอกาสสูงมากที่ ชาริล ชับปุยส์ น่าจะได้ลงสนามเป็นตัวจริง เนื่องจากแข้งลูกครึ่งไทย-สวิตเซอร์แลนด์ เป็นนักเตะที่เล่นได้ทั้งจังหวะรุกและรับ, อ่านเกมได้ดี และออกบอลได้อย่างแม่นยำ ดังนั้นเจ้าตัวน่าจะมีประโยชน์ไม่น้อยแน่นอนกับทีม “สิงห์เจ้าท่า”

 

กองกลาง : โก ซุล กิ

มิดฟิลด์กลางสนามอีกคนที่จะมายืนคู่กับ ชาริล ชับปุยส์ อาจจะต้องเป็น โก ซุล กิ คนเดิม เนื่องจากอดีตแข้งดีกรีแชมป์ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ อุลซาน ฮุนได ถือเป็นผู้เล่นที่มีทั้งความขยันและเล่นเกมรับยอดเยี่ยม นอกจากนั้นการวางบอลยาวจังหวะเล่นลูกสวนกลับเร็วเรียกได้ว่าเป็นอีกไม้เด็ดของดาวเตะชาวเกาหลีใต้ เลยก็ว่าได้

 

ปีกซ้าย : ธนาสิทธิ์ ศิริผลา

ส่วนแนวรุกทางริมเส้นด้านซ้าย ธนาสิทธิ์ ศิริผลา เป็นช้อยส์ที่น่าสนใจพอสมควร เพราะเขาเป็นผู้เล่นที่สามารถเก็บบอลไว้กับตัวได้ดีและยังมีความเร็วสำหรับเล่นจังหวะโต้กลับอีกด้วย อย่างไรก็ตามการจะเบียดแย่งตำแหน่งกับเพื่อนร่วมทีมอย่าง บดินทร์ ผาลา คงไม่ใช่งานง่ายแน่นอน

 

ปีกขวา : ปกรณ์ เปรมภักดิ์

ขณะที่ ปกรณ์ เปรมภักดิ์ น่าจะยังคงเป็นตัวเลือกเบอร์หนึ่งของ การท่าเรือ เหมือนเดิม เนื่องด้วยเจ้าตัวยังมีจังหวะทีเด็ดจากลูกตั้งเตะซึ่งน่าจะสร้างประโยชน์ให้ทีมได้ไม่น้อย อย่างไรก็ตำแหน่งดังกล่าวยังมีผู้เล่นฝีเท้าดีอีกหลายคนที่พร้อมจะลงสนามเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ณัฐวุฒิ สมบัติโยธา, เจนรบ สำเภาดี และ ปรัชญา เกตุทิพย์

 

กองหน้า : อดิศักดิ์ ไกรษร

มาถึงกันที่ตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้า อดิศักดิ์ ไกรษร น่าจะเหมาะกับการเล่นสไตล์เกมรับมากที่สุด เนื่องจากเขาเป็นกองหน้าซึ่งไปกับบอลได้ดี, สร้างสรรค์โอกาสให้กับตัวเองได้ และจบสกอร์เฉียบคม เพราะฉะนั้นหากทีมของ “มาเซอร์จเด็จ” ต้องการหัวหอกสำหรับเน้นเล่นเกมรุก อดิศักดิ์ คงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย