โฆเซลู ลงสำรองกลายเป็นซูเปอร์ซัพทำประตูชัยพา “กระทิงดุ” สเปน เฉือนเอาชนะ “อัซซูรี่” อิตาลี 2-1 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2022-23 พบกับโครเอเชีย
โดยในเกมนี้เล่นกันที่สนาม เดอ โกรลช์ เวสเต้ ประเทศเนเธอร์แลนด์ “กระทิงดุ” สเปน เปลี่ยนกุนซือใช้ หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ คุมทัพ ส่วน อิตาลี ที่ไม่ได้เล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2 ครั้งสุด ยังไว้วางใจ โรแบร์โต้ มันชินี่ ทำหน้าที่กุนซือเหมือนเดิม
เริ่มเกมมาเพียงแค่ 3 นาที สเปน ได้ประตูออกนำ 1-0 จากจังหวะความผิดพลาดของแนวรับอิตาลี เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ เสียบอลหน้าปากประตูของตัวเอง โดน เยเรมี่ ปีโน่ ฉกเข้าไปยิงไม่เหลือ
แต่นาทีที่ 10 อิตาลี มาได้จุดโทษ โรบิน เลอ นอร์มองด์ ไปทำแฮนด์บอล เป็น ชิโร่ อิมโมบิเล่ ที่รับหน้าที่สังหารเข้าไปในนาทีที่ 11 ให้ อิตาลี ไล่ตามตีเสมอ 1-1
นาทีที่ 21 กลายเป็น อิตาลี เกือบได้ประตูแซงนำจากจังหวะการวางบอลทะลุอย่างแม่นยำของ จอร์จินโญ่ ให้กับ ดาวิเด้ ฟรัตเตซี่ หลุดเดี่ยวเข้าไปซัดไม่เหลือ แต่พอเช็ค VAR กลับเป็นจังหวะล้ำหน้า ทำให้ยังเสมอกันอยู่ 1-1
จากนั้นรูปเกมทั้งสองทีมเปิดแลกเข้าใส่กันอย่างสนุก ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีโอกาสทำประตู แต่ยังไม่เฉียบคม ทำให้จบครึ่งแรกเสมอกันไป 1-1
กลับมาเล่นครึ่งหลัง สเปน เป็นฝ่ายที่เดินหน้าบุกเข้าใส่ ก่อนได้ประตูขึ้นนำอยู่หลายครั้ง แต่ก็จบสกอร์ไม่แม่นยำกันเอง ส่วน อิตาลี ค่อยตั้งเกมของพวกเขามองหาจังหวะสวนกลับ
ทีม “กระทิงดุ” เป็นฝ่ายครองบอลบุกเข้าใส่ แต่การจะเจาะแนวรับของอิตาลีถือว่าเป็นเรื่องยากสุด ๆ แม้ว่าจะมีการแก้เกมปรับแท็คติกต่าง ๆ
ความพยายามของ สเปน มาประสบผลสำเร็จในนาทีที่ 88 เมื่อพวกเขามาได้ประตูขึ้นนำ 2-1 จากจังหวะยิงไกลของ โรดรี้ บอลแฉลบหลายต่อ แต่มาเข้าทางปืนของตัวสำรองอย่าง โฆเซลู ที่เพิ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมาซ้ำเข้าไปง่าย ๆ
ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรกันได้ ทำให้จบเกม สเปน เฉือนเอาชนะ อิตาลี 2-1 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปพบกับ “ตราหมากรุก” โครเอเชีย ส่วน อิตาลี ไปชิงอันดับสามกับ เนเธอร์แลนด์ ในวันเดียวกันคือวันอาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน
11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
สเปน (4-2-3-1): อูไน ซิม่อน, เฆซุส นาบาส, โรบิน เลอ นอร์มองด์, อายเมริค ลาปอร์ก, ฆอร์ดี้ อัลบา, โรดรี้, มิเกล เมริโน่, กาบี้, โรดริโก้, เยเรมี่ ปีโน่ และอัลบาโร่ โมราต้า
อิตาลี (3-5-2): จานลุยจิ ดอนนารุมม่า, ราฟาเอล โตลอย, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, ฟรานเชสโก้ อแซร์บี้, โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่, นิโกโล่ บาเรลล่า, จอร์จินโญ่, ดาวิเด้ ฟรัตเตซี่, เลโอนาร์โด้ สปีนาซโซล่า, นิโกโล่ ซานิโอโล่ และชิโร่ อิมโมบิเล่
