โซบอสซ์ไลเบอร์ 8 คนใหม่แห่งแอนฟิลด์

โซบอสซ์ไลเบอร์ 8 คนใหม่แห่งแอนฟิลด์

ข่าวดีของแฟนบอล “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ในช่วงเปิดตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์อย่างเป็นทางการ เมื่อ โดมินิค โซบอสซ์ไล มิดฟิลด์เชิงรุกจาก แอร์เบ ไลป์ซิก ตัดสินย้ายมาร่วมทีมด้วยค่าฉีกสัญญา 60.1 ล้านปอนด์ 

ถือว่าเป็นการเจรจาที่รวดเร็วมีข่าวไม่นานก็สามารถปิดดีลได้ทันที ทั้งที่จริงแล้ว “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ทีมเศรษฐีใหม่นั้นมีข่าวด่อมๆ มองๆ มาก่อนตั้งแต่ในช่วงปิดฤดูกาลใหม่ๆ

การยอมปล่อย ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ ไปให้กับ แอร์เบ ไลป์ซิก ยืมตัว ถือจุดสำคัญที่ทำให้ดีลนี้ง่ายขึ้นสำหรับ “หงส์แดง” บวกกับทุนเดิมที่พวกเขานั้นมีความสัมพันธ์ในทางธุรกิจที่ดีกับ แอร์เบ ไลป์ซิก อยู่แล้ว ตั้งแต่การซื้อ นาบี เกอิต้า และอิบราฮิม่า โกนาเต้ 

วันนี้ UfaArena จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ โดมินิค โซบอสซ์ไล แข้งใหม่ของ “หงส์แดง” ให้มากยิ่งขึ้น ว่าเขาเป็นใคร ควรเล่นตรงไหน และทำไมถึงหาญกล้าเลือกสวมหมายเลข 8 

๐ Who Are You?

สำหรับ โดมินิค โซบอสซ์ไล เกิดวันที่ 25 ตุลาคม ปี 2000 ที่เมืองเซเกสเฟแฮร์วาร์ ห่างจากบูดาเปสต์ เมืองหลวงของ ประเทศฮังการี ประมาณ 64.5 กิโลเมตร เขาเป็นบุตรของ โซลท์ โซโบอไล (คุณพ่อ) และซาเน็ต เนเม็ธ (คุณแม่) 

เขาได้รับการดูแลและสนับสนุนเรื่องของฟุตบอลเป็นอย่างดี เหตุผลส่วนหนึ่งคือคุณพ่อของเขาเคยเล่นฟุตบอลอาชีพมาก่อนในตำแหน่งศูนย์หน้า 

ตัวของ โซบอสซ์ไล เริ่มต้นเล่นฟุตบอลในทีมอคาเดมี่ของ วิเดโอตอน ทีมเก่าของพ่อเขาตอนเป็นแข้งอาชีพ และยังเป็นทีมในเมืองที่เขาเกิด ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ เขาอยู่กับทีมได้แค่ปีเดียว ก่อนที่คุณพ่อของเขาจะรู้สึกว่าลูกต้องพัฒนาไปมากกว่านี้ จึงได้ก่อตั้งอคาเดมี่ ฟุตบอลที่มีชื่อว่า โฟนิค-โกลด์ ขึ้นมา 

แถมยังรับบทเป็นโค้ชได้ดูแลลูกชายของตัวเองกับมือ เขาอยู่ในอคาเดมี่แห่งนี้ยาวถึง 8 ปี ในระหว่างนั้นก็มีการถูกยืมตัวไปเล่นให้กับ อูเปสต์ ในระดับเยาวชน เมื่อพร้อมแล้วสำหรับการเติบโตเขาจึงย้ายไปอยู่กับ เอ็มทีเค บูดาเปสต์ ซึ่งถือว่าเป็นสโมสรสุดท้ายที่เขาลงเล่นในประเทศฮังการี 

“พ่อของผมคือปัจจัยสำคัญในการพัฒนาฝีเท้าให้ดีขึ้น ผมยังจดจำทุกชั่วโมงที่เขาคอยฝึกฝนให้ผมคอยให้คำปรึกษาต่างๆ นั่นคือสิ่งที่ผมไม่เคยลืม เขาเข้มงวดกับผมมาก หลังการฝึกซ้อมเด็กๆ คนอื่นจะกลับไปพัก แต่ผมต้องทำมากกว่านั้นต้องอยู่ต่อ และพัฒนาให้มากกว่าคนอื่นๆ”

ในตอนที่เขาอายุย่างเข้าสู่วัย 16 ปีก็ย้ายประเทศกว่า 400 กิโลเมตร ไปค้าแข้งกับ ลีเฟอริ่ง ทีมสำรองของเรด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก ที่อยู่ในลีกา 2 ออสเตรีย ในช่วงแรกเขาประสบปัญหาอาการบาดเจ็บจนทำให้การก้าวไปสู่ระดับท็อปนั้นช้าลง  แต่ในปี 2017 ก็ได้โอกาสลงประเดิมในทีมชุดใหญ่ 

ฉายแววยอดแข้งจน มาร์โก โรเซ่อ ที่ตอนนั้นรับบทเป็นกุนซือของ ซัลซ์บวร์ก เรียกขึ้นไปอยู่ในทีมชุดใหญ่ ก้าวไปสัมผัสเกมระดับลีกสูงสุดในออสเตรีย บุนเดสลีกา ได้ประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมอย่าง เออร์ลิ่ง เบร้าท์ ฮาลันด์, ทาคุมิ มินามิโนะ รวมไปถึง ควาง ฮี-ชาน จนในปี 2020 เขามีชื่อติดอยู่ใน 30 นักเตะดาวรุ่งที่ดีที่สุดในโลก คว้าแชมป์ลีกได้ 4 สมัย และบอลถ้วยอีก 3 สมัย

ในช่วงเดือนธันวาคมปี 2020 แอร์เบ ไลป์ซิก ในบุนเดสลีกา เยอรมัน ซึ่งเป็นทีมในเครือข่ายของ เรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก จัดการคว้าตัวเขามาร่วมทีมด้วยราคา 20 ล้านปอนด์ กลายเป็นนักเตะชาวฮังกาเรี่ยนที่มีค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถลงช่วยทีมในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2020-21 เนื่องจากบาดเจ็บหนักต้องพักยาว

เขาได้เริ่มสตาร์ทกับทีมจริงๆ คือฤดูกาล 2021-22 ยิงไป 10 ประตู และ 9 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 45 เกมในทุกรายการ ส่วนซีซั่นที่เพิ่งจบลงไปผลงานของเขาโดดเด่นกว่าเดิมยิงไป 10 ประตู 13 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 46 เกม ซึ่ง 2 ฤดูกาลที่กล่าวมามีแชมป์ติดมือคือ เดเอฟเบ โพคาล ทั้ง 2 ปี

๐ บทบาทในทีมชาติ

ชื่อของ โดมินิค โซบอสซ์ไล นั้นโด่งดังสุดๆ ในตอนที่เล่นทีมชาติ เขาติดทีมชาติฮังการี มาตั้งแต่รุ่นอายุไม่เกิน 17 ไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ แถมยังเป็นกัปตันทีมด้วย ซึ่งในปี 2018 ที่ตอนนี้อายุยังไม่เต็ม 18 ดี ถูกเรียกติดทีมชุดใหญ่และติดมาตลอด 

มีส่วนสำคัญเป็นคนยิงประตูชัยในช่วงทดเจ็บ 90+2 พาฮังการีเอาชนะไอซ์แลนด์ ในการเพลย์ออฟ ฟุตบอล ยูโร 2020 ได้เข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย แต่หลังจากนั้นเขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนักบริเวณขาหนีบต้องพักยาว 6 เดือนเศษ น่าเสียดายที่เขาเป็นคนยิงประตูชัย แต่ไม่ได้มีส่วนร่วมในรอบสุดท้ายของทัวร์นาเมนท์ดังกล่าว 

หลังจากที่ อดัม ซาไล ได้อำลาทีมชาติไป บวกกับตัวเก๋าอย่าง เปตาร์ กูลาคซี่ ก็มีปัญหาอาการบาดเจ็บต้องพักยาวไม่ได้เล่นให้กับ แอร์เบ ไลป์ซิก ในฤดูกาลที่ผ่านมา โดมินิค โซบอสซ์ไล ได้ก้าวขึ้นมาเป็นกัปตันทีมชาติด้วยวัยเพียง 22 ปี จากการมอบหมายของกุนซือ มาร์โก รอสซี่ ด้วยเหตุผลที่ว่า เขาจะกลายเป็นผู้เล่นระดับท็อปในไม่ช้า 

๐ ตำแหน่งการเล่น 

หากย้อนกลับไปสัก 10-20 ปี นักเตะในแบบฉบับเขา มักจะถูกเรียกว่าเป็นเพลย์เมกเกอร์ แต่สมัยนี้ฟุตบอลได้พัฒนามากขึ้นกว่าเดิม ตำแหน่งเบอร์ 10 หลังกองหน้าไม่ได้นิยมเหมือนเดิม นักเตะต้องแอดวานส์มากขึ้น เล่นได้อย่างหลากหลาย ซึ่งตัวของ โดมินิค โซบอสซ์ไล สามารถเล่นได้ทุกหมุดตำแหน่งตัวรุกที่ไม่ใช่กองหน้าตัวเป้า แถมยังสามารถถอยตัวเองมาเล่นในแบบฉบับมิดฟิลด์ตัวกลาง ทั้งฝั่งซ้ายและขวาแบบ บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ เพลย์ ได้เช่นกัน 

สถิติในเส้นทางค้าแข้งอาชีพ 64 ประตู และ 73 แอสซิสต์ บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาเป็นพวกที่ชอบสร้างสรรค์เกม อีกหนึ่งสถิติที่น่าสนใจในฤดูกาลที่ผ่านมา เขาสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้ถึง 161 ครั้ง แถมยังมีทีเด็ดที่ลูกยิงไกลอันทรงพลัง เลี้ยงบอลไปกับบอลได้อย่างยอดเยี่ยม ไล่เพรสกดดันคู่แข่ง รวมไปถึงลูกตั้งเตะที่เป็นจุดแข็ง เรียกได้ว่าเป็นผู้เล่นที่มีความครบเครื่อง

การย้ายมาเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ทำให้หลายคนอาจจะต้องข้อสงสัยว่าเขาเหมาะที่จะยืนตรงไหน เมื่อมองดูจากแผนการเล่นของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่ใช้ระบบ 4-3-3 เป็นหลัก มีช่วงหลังที่ขยับเทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เข้ามาเป็นอินเวิร์ต ฟูลแบ็ค ทำให้การยืนอาจจะเปลี่ยนจาก 4-3-3 เป็น 3-5-2 หรือ 3-4-3 ถูกปรับไปแล้วแต่สถานการณ์ 

ทำให้ โซบอสซ์ไล อาจจะต้องเล่นในตำแหน่งของกัปตันทีมอย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ต้องฉีกตัวเองออกไปทางริมเส้นฝั่งขวา เพื่อประสานงานกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับตำแหน่งที่เขาเล่นให้กับ แอร์เบ ไลป์ซิก ในฤดูกาลที่ผ่านมา จาก 46 เกม เจ้าตัวเล่นตำแหน่งนี้ไปถึง 24 นัด

แน่นอนว่าเกมรุกแฟน “หงส์” สามารถคาดหวังอะไรจากเขาได้มากมาย แต่ก็มีสิ่งที่อาจจะรู้สึกกังวลเล็กๆ คือเกมรับ ที่ต้องคอยวิ่งขึ้นลง ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เฉพาะของตัวเองเหมือนที่เคยได้อิสระในการเล่นกับแอร์เบ ไลป์ซิก 

อย่างไรก็ตามเชื่อว่าเขาน่าจะสามารถปรับตัวได้ไม่ยาก เพราะอย่างที่เคยกล่าวไปว่าเจ้าตัวเล่นมาทุกตำแหน่งในสมัยที่เป็นเยาวชน ปรับแค่เรื่องเกมรับนิดหน่อยรับรองอร่อยแน่ 

๐ ทำไมถึงเลือกเบอร์ 8 

หลังจากย้ายมาร่วมทีม แข้งวัย 22 ปี เซ็นสัญญากับทีมจนถึงปี 2028 พร้อมสวมเสื้อหมายเลข 8 เบอร์เก่าของ นาบี เกอิต้า และตำนานอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด แฟนบอลหลายคนต่างตั้งข้อสงสัยว่าทำไมเจ้าตัวถึงเรื่องเบอร์นี้ เพราะต้องแบกรับความกดดันและความคาดหวังจากแฟนบอล

เขาได้เผยถึงสาเหตุที่เลือกเบอร์นี้เพราะรอยสักตามร่างกายของเขามีคำพูดของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานของทีมที่สวมเสื้อหมายเลข 8 อยู่ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นแรงบันดาลใจสำหรับให้กับเขา

“มันไม่ใช่เหตุผลที่พิเศษหรอก แต่แน่นอนว่ามันเป็นตัวเลขที่ยอดเยี่ยม ยอดนักเตะหลายคนก็สวมเสื้อเบอร์นี้ ผมเองก็มีรอยสักของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ด้วย ผมยังเด็กจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเขาพูดอะไร ตอนนั้นผมก็สงสัยว่าทำไม”

“ในตอนที่ผมยังเด็ก บอกตามตรงว่าผมไม่ค่อยได้ดูฟุตบอลมากนัก แต่แน่นอนว่าเกมใหญ่อย่างนัดชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ผมได้เห็น ลิเวอร์พูล ได้เห็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่”

สำหรับรอยสักที่อยู่บนแขนของ โดนินิค โซบอสซ์ไล เป็นคำพูดของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่เคยกล่าวไว้ว่า “พรสวรรค์คือพรที่พระเจ้าประทานมา แต่หากปราศจากซึ่งความตั้งใจมันก็ไร้ค่า”

นี่คือผู้เล่นฮังกาเรี่ยน ที่ย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล รายที่ 9 ก่อนหน้านี้แทบจะไม่มีใครที่ประสบความสำเร็จเลย ไล่ตั้งแต่ อิสวาน คอซม่า, คริสเตียน เนเม็ธ, อันดราส ไซม่อน, เปตาร์ กูลาคซี่, คริสเตียน อดอร์ยาน, โซล์ท โพโลสเก, พาทริค โพออร์ และอดัม บ็อกดาน 

ซึ่งก็ต้องรอติดตามดูกันต่อไป สำหรับแข้งใหม่อย่าง โดมินิค โซบอสซ์ไล ว่าจะสามารถเฉิดฉายในฐานะเบอร์ 8 คนใหม่ของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ได้หรือไม่ เชื่อว่าแฟนบอลน่าจะคาดหวังจากเขาน้อยลงเพราะคนก่อนอย่าง นาบี เกอิต้า ทำได้ไม่ดีพอ 

อย่างไรก็การเสริมทัพในตลาดรอบนี้ของ ลิเวอร์พูล ถือว่าน่าสนใจสุด ๆ การเติมเต็มมิดฟิลด์ทางฝั่งซ้ายและขวาเข้ามา ทำให้แดนกลางของพวกเขามีมิติมากยิ่งขึ้น 

ว่าแล้วก็อยากให้ฤดูกาลใหม่เปิดเร็วๆ จัง