ชนะแค่หนเดียว : ย้อนผลงานคุมทีม 6 นัดของโซลชาในเกมแดงเดือด

โซลชา

นับตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2018 โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ยังไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์เมเจอร์ได้แม้แต่รายการเดียวในช่วงเวลาเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา

ตัดภาพกลับไปที่ฝั่งคู่แค้นตลอดกาลอย่าง ลิเวอร์พูล ภายใต้การดูแลของ เจอร์เก้น คล็อปป์ พวกเขาคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และ แชมป์พรีเมียร์ลีก ไปครองได้อย่างละสมัย อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในทีมใหญ่ที่กุนซือชาวนอร์เวย์ที่ประสบปัญหาตลอดยามเผชิญหน้า

เหตุที่เป็นเช่นนั้นเนื่องจาก ‘ปีศาจแดง’ ในยุคของ โอเล่ ไม่เคยเอาชนะ ‘หงส์แดง’ ได้สักครั้งในเกมแดงเดือดฉบับพรีเมียร์ลีก หรือหากนับรวมทุกรายการที่พบกันก็ชนะเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

และก่อนเกมแดงเดือดครั้งที่ 208 จะเปิดฉากขึ้นในวันอาทิตย์นี้ UFA ARENA จึงขอพาไปพบกับผลงานคุมทีมของ โซลชา ในเกมดวลกับ ลิเวอร์พูล ทั้งหมด 6 นัดที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร และขอสปอยล์ว่าส่วนใหญ่ไม่ใช่เกมที่แฟนผีปลื้มเท่าไหร่

 

เกมลีก เสมอ 0-0 ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด | 24 ก.พ. 2019

นี่ถือเป็นเกมแดงเดือดนัดแรกในฐานะกุนซือ ‘ปีศาจแดง’ ของ โซลชา แต่เมื่อการแข่งขันเริ่มต้นขึ้น แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มีปัญหาเสียแล้ว เมื่อ อันเดร์ เอร์เรร่า กองกลางผึ้งงานคนสำคัญ ได้รับบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหวจนส่ง อันเดรส เปเรย์ร่า ลงมาแทน ก่อนที่ ฆวน มาต้า จะถูกอาการบาดเจ็บเล่นงานในนาทีที่ 25

เรื่องแย่จากการบาดเจ็บยังตามมาไม่หยุด เมื่อ เจสซี่ ลินการ์ด ตัวสำรองที่ลงมาแทน มาต้า ก็เจ็บจนต้องถอดออกในนาทีที่ 43 รวมถึง มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่เหมือนจะเจ็บเช่นกัน แต่ก็ต้องฝืนเล่นต่อไป เนื่องจากใช้โควต้าเปลี่ยนตัวครบหมดแล้ว 

อย่างไรก็ตาม ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ปกติมักจะเปิดเกมรุกแบบจัดเต็ม กลับเล่นแบบเกร็งใจเจ้าถิ่นในครึ่งหลัง ก่อนที่เกมจบลงด้วยผลเสมอแบบไร้สกอร์ และคงไม่ผิดนักหากบอกว่า ผลเสมอเกมนี้เป็นส่วนหนึ่งทำให้ ‘หงส์แดง’ ชวดแชมป์ลีกทั้งที่สะสมได้ถึง 97 แต้ม

 

เกมลีก เสมอ 1-1 ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด | 26 ต.ค. 2019

ลิเวอร์พูล เปิดฉากได้อย่างร้อนแรงในฤดูกาล 2019-20 ด้วยการกะซวกชัยในพรีเมียร์ลีก 8 เกมติดต่อกัน ผิดกับ แมนฯยูไนเต็ด ที่ฟอร์มกระท่อนกระแท่นพ่ายไปแล้ว 3 จาก 8 นัดแรกในลีก ทำให้หลายคนคาดว่าคงยากที่พลพรรค ‘ปีศาจแดง’ จะต้านยอดทีมจาก เมอร์ซี่ย์ไซด์ แม้เล่นในรังก็ตาม

ทว่ากลับเป็นฝ่าย ‘หงส์แดง’ ที่เกือบเอาชีวิตมาทิ้งที่โรงละครแห่งความฝัน เพราะ ทีมของ โอเล่ เล่นเกมรับได้อย่างยอดเยี่ยมและเหนี่ยวแน่นสุดๆ โดยเฉพาะการวางระบบหลัง 3 คน และได้ประตูขึ้นไปก่อนจาก มาร์คัส แรชฟอร์ด 

อย่างไรก็ตาม หลังขึ้นนำ ลูกทีมของคุณน้าลูกกอม เลือกถอยไปตั้งรับมากเกินไปจนถูกตีเสมอก่อนหมดเวลาแค่ 5 นาทีจากตัวสำรองอย่าง อดัม ลัลลาน่า ชวดชัยครั้งแรกในเกมแดงเดือดไปอย่างน่าเสียดาย

 

เกมลีก แพ้ 0-2 ที่ แอนฟิลด์ | 19 ม.ค. 2020

หลังดวลกันในเกมแดงเดือดช่วงเดือนตุลาคมปีก่อน แมนฯยูไนเต็ด ก็ยังฟอร์มแกว่งไปแกว่งมา ผิดกับ ลิเวอร์พูล ที่คว้าชัยมา 12 นัดติดในลีกนับตั้งแต่เสมอกันในนัดที่แล้ว และไม่แพ้ใครในลีก 21 นัดติด 

โซลชา กลับมาใช้ระบบกองหลัง 3 คนอีกครั้ง แต่ก็ต้านความร้อนแรงของ ‘หงส์แดง’ ที่เล่นเกมรุกแบบเฮฟวี่ เมทัล ไม่ไหว โดนขึ้นนำไปตั้งแต่นาทีที่ 14 จาก เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ก่อนที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะยิงตอกฝาโลงในช่วงทดเวลาท้ายเกมให้ทีมคว้าชัยเพิ่มเป็น 13 นัดติด

มากกว่าไปกว่านี่ยังเป็นฤดูกาลที่ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองเป็นครั้งแรก และเป็นแชมป์ลีกในรอบ 30 ปี ขณะที่ ยูไนเต็ด ก็ฟอร์มเป๋ไปมาเหมือนเดิมจนเกือบพลาดคว้าตั๋วไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก

 

เกมลีก เสมอ 0-0 ที่ แอนฟิลด์ | 17 ม.ค. 2021

ด้วยมาตรฐานที่สูงลิบลิ่วในฤดูกาลก่อน ไม่แปลกที่ ลิเวอร์พูล จะรักษาระดับการเล่นที่ยอดเยี่ยมของตัวเองไว้ไม่ได้ อีกทั้งยังเสีย เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค กองหลังตัวเก่งที่เจ็บยาวต้องพักร่วมเกือบปีไปอีก และช่วงก่อนปีใหม่ ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ดูระส่ำไม่น้อย หลังไม่ชนะใครมา 3 นัดติดแล้ว 

นั่นทำให้ แมนฯยูไนเต็ด ที่ชนะ 9 จาก 11 นัดหลังสุดในลีก ดูได้เปรียบพอสมควร ทั้งตัวนักเตะที่มีให้ใช้งานและฟอร์มการเล่น แต่ในสนามจริงๆ ‘หงส์แดง’ กลับตั้งรับได้แข็งแกร่ง จนคู่แข่งไม่สามารถยิงตรงกรอบแม้แต่ครั้งเดียวในครึ่งแรก

แม้ครึ่งหลัง ‘ปีศาจแดง’ ดูดีขึ้น แต่ก็ยังดีไม่พอที่จะเอาชนะคู่ปรับตลอดกาลได้ อีกทั้ง อลิสซอน เบ็คเกอร์ ยังโชว์ซูเปอร์เซฟป้องกันลูกยิงของ พอล ป็อกบา ช่วงท้ายเกม จนยื้อแบ่งแต้มไปได้

อย่างไรก็ดี หลังจากเกมนั้น ‘หงส์แดง’ ก็แหกโค้งด้วยการปราชัยคาบ้าน 6 นัดติดต่อกันแบบที่ เดอะ ค็อป ได้แต่ทำหน้าช็อกไปตามๆกัน

 

เอฟเอ คัพ ชนะ 3-2 ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด | 24 ม.ค. 2021

ผ่านมาไม่ถึงสัปดาห์หลังผลเสมอที่ แอนฟิลด์ แมนฯยูไนเต็ด ก็กลับมาโคจรพบกับ ลิเวอร์พูล อีกครั้ง โดยเปิดโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต้อนรับในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 4 

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงให้ ‘หงส์แดง’ ขึ้นนำไปก่อนในนาทีที่ 18 แต่ ‘ปีศาจแดง’ ก็ยิงแซง 2 ลูกรวดจาก เมสัน กรีนวู้ด และ มาร์คัส แรชฟอร์ด ก่อนที่ครึ่งหลัง บังโม จะยิงตีเสมอเป็น 2-2 ให้ทีมของ คล็อปป์ ยังอยู่ในเกม 

อย่างไรก็ตาม บรูโน่ แฟร์นานเดส ที่ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองก็เป็นตัวทีเด็ดของ โซลชา ซัดฟรีคิกสุดสวยในนาทีที่ 78 ให้ ยูไนเต็ด เบียดชนะ 3-2 ผ่านเข้ารอบต่อไป 

ทั้งนี้ นี่ถือเป็นชัยชนะในเกมแดงเดือดครั้งแรกของ ยูไนเต็ด นับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2018 รวมถึงเป็นหนึ่งในเกมบิ๊กแมตช์ไม่กี่นัดที่ บรูโน่ ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นอีกด้วย แต่สุดท้ายก็ถูก เลสเตอร์ ว่าที่แชมป์บอลถ้วยแดนผู้ดีในปีนั้นเขี่ยตกรอบในรอบ 8 ทีมสุดท้าย

 

เกมลีก แพ้ 2-4 ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด | 13 พ.ค. 2021

เดิมทีเกมนี้ต้องแข่งขันในวันที่ 2 พฤษภาคม แต่การประท้วงของแฟนๆ ‘ปีศาจแดง’ ในอังกฤษ ทำให้เกมถูกเลื่อนออกไป และวางโปรแกรมแข่งใหม่ในวันที่ 13 พฤษภาคมแทน แต่เป็นเจ้าถิ่นที่ดูเสียเปรียบไม่น้อย เมื่อไร้ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กองหลังกัปตันทีมที่บาดเจ็บในเกมพบ แอสตัน วิลล่า

บรูโน่ แฟร์นันเดส กดให้ ยูไนเต็ด ออกไปนำก่อน แต่หลังจากนั้นกลับถูกผู้มาเยือนยำใหญ่ใส่สารพัดจากทั้ง ดีโอโก้ โชต้า, การเหมา 2 ของ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และ ประตูปิดกล่องของ ซาลาห์ จนพ่ายแพ้แบบหมดสภาพนักศึกษา 

ถึงแม้พ่ายในเกมนัดดังกล่าว แต่ทีมของ โซลชา ก็ยึดตำแหน่งรองจ่าฝูงจนจบฤดูกาล แม้ โดย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพื่อนบ้านเจ้าของแชมป์ลีกทิ้งห่างถึง 12 แต้มก็ตาม ส่วนทีมของ คล็อปป์ ที่เครื่องสะดุดจนดูเหมือนหมดลุ้นไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลหน้า ก็คืนฟอร์มเก่งจนกลับมาคว้าอันดับ 3 ในลีกได้ 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ครบทุกรสชาติ : 10 เกมแดงเดือดโคตรมันส์ในความทรงจำผี-หงส์