โอเล่ กุนนาร์ โซลชา น่าจะเป็นดาวยิงที่มีชื่อเสียงในฐานะซุปเปอร์ซับมากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก แต่เขากลับไม่ใช่คนที่ยิงประตูมากสุดจากม้านั่งข้างสนาม หรือมีค่าเฉลี่ยยิงประตูต่อนาทีดีสุดในฐานะตัวสำรอง
นี่เป็นอีกเรื่องในวงการฟุตบอลที่ยากเกินจะทำความเข้าใจกับการทำประตูจากการเป็นตัวสำรอง เพราะทั้ง ๆ ผู้เล่นสามารถยิงประตูได้เรื่อย ๆ จากม้านั่งสำรอง กลับไม่ได้รับโอกาสเป็นตัวจริงเท่าที่ควร หรืออาจได้ลงสนามแต่กลับไม่โดดเด่นเท่ากับตอนเป็นตัวสำรอง
UFA ARENA จึงขอพาไปพบกับ 10 ดาวยิงจากพรีเมียร์ลีกที่แม้จะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงบ่อยครั้ง แต่ผลงานได้ในฐานะตัวสำรองก็โดดเด่นไม่แพ้กัน (หรือบางคนอาจจะดีกว่าด้วย) พร้อมค่าเฉลี่ยสุดยอดเยี่ยม นับตั้งแต่ปี 1992 จนถึงปัจจุบัน
10.ดาร์เรน เบนท์ | 13 ประตู (107.8 นาทีต่อลูก)
“ภรรยาผมก็ทำประตูลูกนั้นได้” นี่คือประโยคสุดคลาสสิคของ แฮร์รี่ เร้ดแนปป์ ที่กล่าวถึง ดาร์เรน เบนท์ หลังพลาดโอกาสทองทำประตูให้ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์
แต่ถึงอย่างนั้น เบนท์ ก็เป็นดาวยิงที่ไว้ใจได้กว่าที่ อดีตกุนซือไก่เดือยทอง คิดไว้แน่นอนกับการกดไปมากกว่า 100 ประตูในพรีเมียร์ลีก และถึงแม้จะกลายเป็นตัวหลักในสเปอร์สไม่ได้อย่างเช่น ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ หรือ ร็อบบี้ คีน แต่หอกชาวอังกฤษกก็เป็นดาวซัลโวของสโมสรในฤดูกาล 2008-09
เบนท์ ใช้เวลา 60 นัดในการเล่นเป็นตัวสำรองบนเวทีพรีเมียร์ลีก พร้อมกดไป 13 ประตู มีค่าเฉลี่ยยิงประตูทุก ๆ 107.8 นาที ซึ่งดูดีกว่า แอนดี้ โคล, โทเร่ อังเดร-โฟร และ ไมเคิล โอเว่น ที่ยิงได้ 13 ประตูจากตัวสำรองเช่นกัน
9.เอดิน เชโก้ | 13 ประตู (89.1 นาทีต่อลูก)
นักเตะหลายคนที่อยู่ในลิสต์นี้มักจะถูกมองข้ามเรื่องความสามารถ และถูกมองว่ามีประโยช์นแค่ประตูเพียงอย่างเดียวราวกับว่านี่เป็นเรื่องแย่ และ เชโก้ ก็เป็นหนึ่งในนั้น
โนล กัลลาเกอร์ ศิลปินชื่อดังผู้เป็นแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แบบสุดลิ่มทิ่มประตู เคยอธิบายถึงหอกทีมชาติบอสเนีย ที่เล่นบอลได้ห่วยแตก แต่ยอดเยี่ยมมากในด้านการจบสกอร์ ซึ่งเขาแสดงให้เห็นถึงด้านนี้ยามเป็นตัวสำรองเสมอ ยกตัวอย่างเช่นเกมที่กด 2 ประตูในช่วงท้ายให้ ซิตี้ ถล่ม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 6-1 ถึงโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในฤดูกาล 2011-12
8.วิคเตอร์ อนิเชเบ้ | 14 ประตู (147.4 นาทีต่อลูก)
น่าประหลาดใจไม่น้อยที่มี วิคเตอร์ อนิเชเบ้ อยู่ในลิสต์นี้ เนื่องจากเขาทำประตูเพียง 27 ลูกในพรีเมียร์ลีกเท่านั้น ทว่ามากกว่าครึ่งในจำนวนเหล่านั้นมาจากการยิงในฐานะตัวสำรอง
107 นัด คือจำนวนที่ หอกชาวไนจีเรีย ลงเล่นเป็นตัวสำรองให้กับ เอฟเวอร์ตัน, เวสต์บรอม และ ซันเดอร์แลนด์ โดยทำไป 14 ประตู กับอีก 7 แอสซิสต์
7.ปีเตอร์ เคร้าช์ | 16 ประตู (178.1 นาทีต่อลูก)
เคร้าช์ ไม่ใช่ดาวยิงจอมถล่มประตู อีกทั้งยังไม่เคยยิงได้ถึง15 ประตูแม้แต่ฤดูกาลเดียวในพรีเมียร์ลีก แต่เขาเป็นผู้เล่นที่ผู้จัดการทีมชื่นชอบเสมอในฐานะตัวสำรองหรือแผนสองของทีม
ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่กว่า 2 เมตร ไม่แปลกที่ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษจะกลายเป็นทีเด็ดชั้นดีในการเล่นลูกกลางอากาศหรือบอลแบบไดเรกต์เพื่อทำประตูหวังผล ซึ่งเขาทำไป 16 ประตูจากตัวสำรอง
6.เอ็นวานโก้ คานู | 17 ประตู (159.1 นาทีต่อลูก)
หาก เคร้าช์ คือเจ้าเวหาของพรีเมียร์ลีกยุค 2000 เอ็นวานโก้ คานู ก็คือราชาลูกกลางอากาสคนก่อนในยุค 90 ตอนปลาย ที่คอบอลอังกฤษจำได้ไม่รู้ลืม
หลายคนพอเข้าใจได้ว่าทำไม อดีตหอกทีมชาติไนจีเรีย ถึงกลายเป็นตัวเลือกสำรองในแดนหน้าต่อจาก เธียร์รี่ อองรี และ เดนนิส เบิร์กแคมป์ ของอาร์เซน่อล แต่ในหลาย ๆ นัด คานู สามารถลงมาผลิกเกมได้อย่างยอดเยี่ยม จนสาารถทำประตูในฐานะตัวสำรองได้ถึง 17 ตุง
5.ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ | 17 ประตู (106.7 นาทีต่อลูก)
หลังไม่สามารถเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงใน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ เชลซี ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ก็เปล่งประกายอยู่ช่วงหนึ่งกับ ลิเวอร์พูล จนมีลุ้นคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาล 2013-14 ก่อนจะกลับไปเป็นตัวสำรองที่เขาคุ้นเคยอีกครั้ง
หากพูดถึงความสามารถในการยิงประตูแล้ว ดาวยิงจอมเซิ้ง ทำได้ดีไม่แพ้ใคร แต่ด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บทีี่รบกวนตลอด ทำให้เขาไม่สามารถกลายเป็นตัวจริงในต้นสังกัดที่เขาเล่นได้แบบระยะยาว
4.โอเล่ กุนนาร์ โซลชา | 17 ประตู (92.9 นาทีต่อลูก)
โซลชา คือซุปเปอร์ซับรายแรก ๆ ที่แฟนบอลนึกถึง กับผลงานเป็นฮีโร่ลงมายิงพา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผลิกนรก ชนะ บาเยิร์น มิวนิค และ คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกในปี 1999
จริงอยู่ที่ อดีตกองหน้าทีมชาตินอร์เวย์ ได้ลงเป็นตัวจริงอยู่ไม่น้อย แต่บทบาทจากม้านั่งข้ามสนามกลับดูเข้ากับ โชลซา แบบปฏิเสธไม่ได้ แถมนัดแรกกับนัดสุดท้ายของเขาในปีศาจแดง ก็สามารถทำประตูได้ในฐานะตัวสำรองอีก
3.ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ | 19 ประตู (93.4 นาทีต่อลูก)
ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ ย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2010 หรือ 3 ปีหลังจากที่ โซลชา แขวนสตั๊ด และกลายเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งซุปเปอร์ซับในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในเวลาต่อมา และทำแบบเดียวกันยามย้ายไปเล่นให้ เรอัล มาดริด ด้วย
จริง ๆ แล้ว ชิชาร์ริโต้ เป็นมากกว่าแค่จอมถล่มประตูจากม้านั่งสำรอง ไม่ว่าจะเป็นการดาวซัลโวตลอดกาลของทีมชาติเม็กซิโก สร้างสถิติยิงประตูดีที่สุดในอาชีพกับ 2 ปีในไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาก็ทำได้ดีในการออกสตาร์ทเป็นตัวจริง แม้จะกลับมาเป็นตัวสำรองเหมือนเดิมก็ตาม หลังย้ายมาเล่นกับ เวสต์แฮม
2.โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ | 20 ลูก (94.6 นาทีต่อลูก)
ชิรูด์ ไม่ได้ลงสนามในฐานะซุปเปอร์ซับตลอด แต่เขาทำหน้าที่ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งกับ อาร์เซน่อล ทีมแรกของเขาในอังกฤษ และ เชลซี ต้นสังกัดปัจจุบัน
ในทีมของ อาร์เซน เวนเกอร์ กุนซือปืนใหญ่ เลือกใช้ อเล็กซิส ซานเชซ บ่อยสุด ขณะที่ หอกทีมชาติฝรั่งเศส ได้ลงเล่นเพียง 18 นัดในฐานะตัวสำรองจาก 28 นัดทั้งหมดในฤดูกาลสุดท้าย ณ เอมิเรสต์ สเตเดี้ยม และยิงได้ 5 ประตู จากม้านั่งข้างสนาม
เมื่อย้ายไปสวมเสื้อสิงห์บลู ชิรูด์ กลับมีบทบาทและสร้างผลกระทบให้ทีมได้มากในการเป็นตัวสำรอง แต่ถึงอย่างนั้นนับตั้งแต่ช่วงท้ายฤดูกาลก่อน เขาไม่ได้ทำประตูจากการเป็นตัวสำรองเลยจาก 11 นัดหลังสุดที่ลงสนาม
1.เจอร์เมน เดโฟ | 24 ประตู (128.8 นาทีต่อลูก)
เดโฟ เป็นนักเตะอีกคนที่ถูกมองข้ามและสมควรได้รับการยกย่องในฐานะดาวยิงระดับตำนานของพรีเมียร์ลีก ซึ่งมีเพียง 7 คนเท่านั้นที่ยิงประตูในลีกสูงสุดแดนผู้ดียุคใหม่ได้มากกว่าเขา
ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ลงเล่นให้ เวสต์แฮม, สเปอร์ส, พอร์ทสมัธ, ซันเดอร์แลนด์ หรือ บอร์นมัธ เดโฟ ก็ยังรักษามาตรฐานในการทำประตูได้ตลอด และน้อยมากที่ฟอร์มตกในด้านการจบสกอร์