โดนลักพาตัว! 6 เเข้งฟอร์มดีกับสโมสร เเต่เเย่กับทีมชาติ

 

ช่วงฟุตบอลลีกปิดฤดูกาลก็เป็นคิวของโปรเเกรมทีมชาติ ที่เเต่ละคนต้องไปรับใช้บ้านเกิดเมืองนอนทำการเเข่งขันรายการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ยูโร รอบคัดเลือก, แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ หรือ โคปา อเมริกา ซึ่งก็มีหลายคนที่ทำผลงานได้ดีกับสโมสรถึงขนาดที่เเฟนๆคาดหวังไว้มาก เเต่เมื่อมารับใช้ชาติเหมือนเป็นคนละคนราวกับโดนลักพาตัวไประหว่างเดินทาง วันนี้ UfaArena จะพาไปทำความรู้จักกับ 6 เเข้งฟอร์มดีกับสโมสร เเต่เเย่กับทีมชาติ

 

 

ลิโอเนล เมสซี่ (อาร์เจนตินา)

 

เเม้จะยังเป็นคำถามโลกเเต่ที่ว่า โรนัลโด้ กับ เมสซี่ ใครเก่งกว่ากัน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครตอบได้ เเต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า ถ้าพูดถึงนักเตะที่ดีที่สุดในโลก ต้องมีคนเอ๋ยชื่อ เมสซี่ การันดีด้วยตำเเหน่งนักเตะยอดเยี่ยม บัลลงดอร์ 5 สมัย รวมถึงการพา บาร์เซโลน่า ต้นสังกัดคว้าเเชมป์มากมาย ประกอบด้วยเเชมป์ลีก 10 สมัย, บอลถ้วยสเปน 6 สมัย เเละ ยูฟ่า เเชมเปี้ยนส์ ลีก อีกถึง 4 สมัย

 

อย่างไรก็ตาม พอมาเล่นให้กับทีมชาติใครก็ต้องคิดว่าการมีนักเตะระดับโลกอยู่ในทีมจะยกระดับไปอีกขั้น เเต่ไม่ใช่กับ เมสซี่ ยามที่เขาเล่นให้กับ อาร์เจนตินา ฟอร์มของเขากลับดร็อปไปอย่างน่าใจหาย เเละไม่เคยประสบความสำเร็จรายการใหญ่ๆระดับชาติได้เลย (ดีที่สุดคือ เหรียญทอง โอลิมปิก 2008) เเม้กระทั้งตำนานกุนซืออย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังเคยเเอบเเซวว่า ” เมสซี่ ไม่สามารถเเยกกับบาร์เซโลน่าได้” ทั้งที่ในทีมชาติอาร์เจนติน่า อุดมไปด้วยนักเตะระดับเเถวหน้าของโลกมารวมกัน เเต่เอาเข้าจริงกลับไม่สามารถเล่นด้วยกันได้ เเม้จะมี เมสซี่ อยู่ในทีมด้วยก็ตาม

 

เปาโล ดิบาล่า (อาร์เจนตินา)

 

หนึ่งในนักเตะที่ใครหลายต้องการตัวในตอนนี้ ดิบาล่า โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นตั้งเเต่ย้ายจาก ปาแลร์โม่ มาอยู่กับ ยูเวนตุส ตลอด 4 ฤดูกาลเขายิงไปรวมกกว่า 78 ประตู พาทีมคว้าเเชมป์ลีก อิตาลี ได้ 4 สมัย รวมถึงบอลถ้วยในประเทศอีก 3 ครั้ง ในปี 2017 มีชื่อติดลุ้นรางวัล บัลลงดอร์ (อันดับ 15) ด้วย เเม้ว่าในฤดูกาลล่าสุด เขาจะมีปัญหากับ มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี ทำให้ตกเป็นตัวสำรองบ่อยครั้งก็ตาม

 

อย่างไรก็ตาม พอมาเล่นให้กับทีมชาติ ดิบาล่า เเทบไม่มีบทบาทอะไรเลย โอกาสลงสนามก็เเทบไม่มี ด้วยเหตุผลที่ว่า ตำเเหน่งของเขาดันไปทับกับ เมสซี่ ทำให้สื่อเล่นข่าวกันสนุกปากว่า ที่ ดิบาล่า ไม่ได้ลงสนามเป็นเพราะ เมสซี่ ไม่ชอบเขา ดูอย่างศึกฟุตบอลโลก 2018 ครั้งที่ผ่านมา ที่รัสเซีย เจ้าตัวได้โอกาสลงสนามไปเพียง 22 นาที จาก 360 นาที (4 เกม)

 

ซาดิโอ มาเน่ (เซเนกัล)

 

ดาวเตะเจ้าของเเชมป์ ยูฟ่า เเชมเปี้ยนส์ ลีก กับ ลิเวอร์พูล ปีล่าสุด ตอนนี้ไม่มีใครที่ไม่รู้จักพิษสงของดาวเตะผิวสี ที่ฤดูกาลล่าสุดครองตำเเหน่งดาวซัลโวพรีเมียร์ ลีก ร่วมกับอีก 2 เเข้งคือ โม ซาลาห์ เพื่อนร่วมทีม เเละ โอบาเมยอง ดาวยิงอาร์เซน่อล

 

มาเน่ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตั้งเเต่ย้ายจากเซาแธมป์ตันเเละพัฒนาตัวเองจนเป็นปีกที่ถูกยกย่องมากที่สุดคนหนึ่งของยุโรป เเละเเน่นอน เมื่อเก่งเขาย่อมต้องได้รับความคาดหวังว่าจะเป็นผู้เเบกทีมชาติเซเนกัล ให้ขึ้นมารุ่งโรจน์

 

อย่างไรก็ตาม ฟอร์มในทีมชาติของเขาสวนทางกับในสโมสร เขาไม่สามารถพา เซเนกัล ไปได้ไกลในเวธีใหญ่ๆได้เลย ศึกฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดพาทีมตกรอบเเรกไปอย่างน่าเสียดาย 1 ประตูที่ มาเน่ ทำได้ไม่ได้ตอบเเทนความหวังที่เเฟนๆตั้งไว้เลยสักนิด เเม้จะมีกูรู ออกมาปกป้องว่า องค์ประกอบของเซเนกัล ต่างจากที่ ลิเวอร์พูลก็ตาม

 

ล่าสุดในการเเข่งขัน แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ รอบคัดเลือก ที่เซเนกัลบุกชนะอีเควทอเรียลกินี 1-0 เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เจ้าตัวถึงกับหลั่งน้ำตาหลังโดนเเฟนบอลตัวเองโห่ใส่ ที่ฟอร์มกับทีมชาติไม่ดีเหมือนเล่นกับหงส์เเดง

 

ลีรอย ซาเน่ (เยอรมัน)

 

ในการเเข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ชื่อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคงหนีไม่พ้น ลีรอย ซาเน่ ปีกตัวเก่งของ เเมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมให้ต้นสังกัดพาทีมเก็บ 100 คะเเนน คว้าเเชมป์ไปครองอย่างยิ่งใหญ่ การันตีด้วยตำเเหน่งนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของ PFA ทั้งยิงทั้งจ่ายชนิดที่เรียกว่ามีส่วนร่วมกับทีมอย่างมาก

 

อย่างไรก็ตามในทีมชาติ โยอัคคิม เลิฟ เลือกที่จะไม่หนีบเอา ซาเน่ ติดทีมไปด้วยเเบบมึนงง จนเเฟนบอลออกมาวิจารณ์ต่างๆนาๆ เจ้าตัวมีโอกาสติดทีมชาติไป 21 นัดยิง 5 ประตู เเต่ เลิฟ ให้เหตุผลว่า ซาเน่ เล่นไม่เข้ากับระบบที่เขาวางไว้ เเต่สุดท้ายการตกรอบเเรกเเบบจมบ๋วยทำให้ กุนซือเยอรมันยอมรับเองว่าคิดผิดที่ไม่เอา ซาเน่ ติดทีมมาด้วย

 

เชส ฟาเบรกาส (เยอรมัน)

 

ต้องบอกว่าเป็นเเข้งที่อาภัพคนหนึ่งก็ว่าได้ เเม้ว่าจะถูกยกย่องเป็นกลางกลางที่ดีที่สุดในโลกคนหนึ่งสมัยที่ยังค้าเเข้งกับอาร์เซน่อล เเต่หลังจากย้ายไปเล่นกับบาร์เซโลน่า โอกาสโชว์ฝีเท้าของเขาก็ลดลง เพราะตำเเหน่งดันไปทับกับ อันเดรส อิเนียสตา-ชาบี เอร์นานเดซ 2 สุดยอดมิดฟิลด์ของโลกในเวลานั้น

 

เช่นเดียวกับในนามทีมชาติ ฟาเบรกาส อยู่ในยุคที่ทีมชาติสเปนอุดมไปด้วยกองกลางระดับเทพ เเม้จะมีโอกาสได้สอดเเทรกอยู่บ้าง เเต่ก็ไม่เคยการันตีตำเเหน่งตัวจริงได้เท่าไหรนัก เเละเมื่อมีโอกาสก็จะเป็นพวกเกมอุ่นเครื่องหรือการเเข่งขันรอบคัดเลือก เเต่พอได้เล่นรายการใหญ่ๆ ทำให้เขาโชว์ฟอร์มไม่ออก เป็นเพราะกดดันตัวเอง ที่ต้องเเย่งชิงกับคู่เเข่งหลายราย

 

 

รัดย่า เนียงโกลัน (เบลเยี่ยม)

 

เป็นอีกหนึ่งกองกลางที่ระเบิดฟอร์มกับต้นสังกัดอย่าง โรม่า ในอิตาลี ถึงขนาดพาทีมผ่านเข้าถึงรองรองชนะเลิศ ยูฟ่า เเชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาล 2017-18 จนเเฟนๆเชื่อว่านี้ละ คือนักเตะที่จะพา เบลเยี่ยม ไปได้ไกล

 

เเต่ฟอร์มของเขาในทีมชาติกลับสวนทางกัน ตลอด 9 ปีในระดับชาติ เจ้าตัวเข้าๆออกๆทีมชาติเป็นว่าเล่น ได้ลงสนามไปเพียง 30 นัด ยิง 6 ประตู ถูกวิจารณ์บ่อยครั้งยามที่ทีมเเพ้ เพราะดูเหมือนจะไม่มีจุดเด่นอะไรเลย ต่างจากความดุดันที่มียามลงเล่นให้โรม่า จนกระทั้งถึงศึก ฟุตบอลโลก 2018 โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ กุนซือทีมชาติเบลเยียม ตัดสินใจที่จะตัดเข้าออกจากทีม ด้วยการให้เหตุผลว่า

 

“มันเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก เขาเป็นนักเตะฝีเท้าดี และได้รับการโหวตให้เป็นนักเตะยอดยี่ยมของโรมา แต่เหตุผลที่ตัดออก คือ เหตุผล ด้านแท็คติค ผมไม่อยากให้เนียงโกลันเป็นตัวสำรอง”

 

ก่อนที่เจ้าตัวจะออกลูกงอล ตัดสินใจอำลาทีมชาติในที่สุด