เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา นิตยสารฟรองซ์ ฟุตบอล ประกาศรายชื่อ 30 นักเตะผู้เข้าชิงรางวัล บัลลงดอร์ ประจำปี 2019 ออกมาให้แฟนบอลทั่วโลกได้เห็นเป็นที่เรียบร้อย
ผลปรากฏว่าขุนพลจาก ลิเวอร์พูล แห่งอังกฤษ ที่ผงาดแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลล่าสุด ติดโผเข้ามามากสุดถึง 7 ราย ตามมาด้วยผู้เล่นจากเมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มี 5 ราย และ บาร์เซโลน่า 4 ราย
ขณะที่ขาประจำในรางวัลนี้อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ 2 แข้งดังแห่งยุคก็โผล่มาเป็นปกติอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า เจ้าของรางวัลปีก่อน อย่าง ลูก้า โมดริช กลับหลุดโผไปไม่มีชื่อเข้าชิงในครั้งนี้
โดยผู้ชนะจะได้รับการประกาศชื่อในงานเลี้ยงที่โรงละครชาเตอเลย์ กรุงปารีส ของฝรั่งเศส วันที่ 2 ธันวาคมนี้
ด้วยโอกาสนี้ ทาง UFA ARENA จึงถือโอกาสพาแฟนบอลทั้งรุ่นเก๋าและรุ่นใหม่ไปย้อนดูนักเตะบางคนที่หลายคนอาจจะลืมไปแล้วว่าครั้งหนึ่ง พวกเขาเหล่านั้นก็เคยโชว์ฟอร์มแจ่มจนมีชื่อเข้าชิงรางวัลอันทรงเกียรตินี้เช่นกัน
อาเดรียน มูตู (2003)
ณ เวลานั้นคงมีแฟนบอลไม่กี่คนหรอกที่ไม่เห็นด้วยกับการที่ มูตู มีชื่อเข้ารางวัลนี้ในปี 2003 เพราะช่วงที่ค้าแข้งกับปาร์ม่า หัวหอกชาวโรมาเนียก็ถล่มประตูจนกลายกองหน้าเบอร์ต้นๆของยุโรป ร่วมกับ อาเดรียโน่ คู่หูของเขา และในช่วงแรกที่ค้าแข้งกับเชลซี (ยิง 4 ประตูจาก 3 เกม) ก็เป็นตัวบ่งบอกว่าเรื่องดีๆน่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
แต่ความจริงแล้ว มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย หลังมูตูถูกตรวจพบโคเคนตกค้างในร่างกายจนทำให้ถูกแบนไปนาน 7 เดือน แถม หลังจากย้ายไปร่วมทีม ยูเวนตุส และ ฟิออเรนติน่า แข้งแดนผีดิบกลับกลายเป็นส่วนหนึ่งในคดีกัลโช่โปลีอันอื้อฉาวอีกในปี 2006
เนวิลล์ เซาธอลล์ (1988)
การที่ เนวิลล์ เซาธอลล์ มีชื่อเข้าชิงในปีนั้นถือเป็นเรื่องยากที่ใครหลายคนจะไม่เห็นด้วย หลังเขาอยู่ในช่วงที่เอฟเวอร์ตันรุ่งเรืองสุดๆ และช่วยให้ทีมเสียประตูน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ของดิวิชั่น 1 ในฤดูกาล 19877-88 เป็นรองเพียงลิเวอร์พูลเท่านั้น แต่ด้วยฟุตบอลสมัยใหม่ที่แฟนๆมักจะเห็นนายทวารพัฒนาการเล่นมาเป็น สวีปเปอร์ คีปเปอร์ แล้ว ไม่แปลกใจที่แฟนบอลรุ่นใหม่จะลืมไปหรือไม่รู้ว่า นายทวารจากทีมท็อฟฟี่เคยยอดเยี่ยมขนาดไหน
อดีตมือกาวชาวเวลส์ที่ดูจะชื่นชอบการเล่นทวิตเตอร์เป็นชีวิตจิตใจ ไม่ได้เป็นนายทวารคนเดียวที่มีเข้าชิงบัลลงดอร์ในตอนนั้น แต่ยังมีทั้ง มิเชล พรูดอม, รินาต ดาซาเยฟ และ วอลเตอร์ เซงก้า เข้าร่วมด้วย น่าเศร้าที่ บิ๊กเนฟได้รับคะแนนโหวตแค่ 1 เสียงเท่านั้น และรางวัลในปีนั้นก็ตกเป็นของ มาร์โก ฟาน บาสเทน อย่างเอกฉันท์
ดีน ซอนเดอร์ส (1991)
2 ปีหลังจากที่ ปีเตอร์ ชิลตัน พาทีมจบอันดับที่ 5 ดาร์บี้ก็พบว่าพวกเขาได้สร้างนักเตะที่เป็นตัวแทนเข้าชิงบัลลงดอร์แบบไม่น่าเชื่อ แม้ว่าทีมแกะเขาเหล็กจะตกชั้นจากลีกสูงสุดในอังกฤษ ด้วยชัยชนะเพียง 5 นัดเท่านั้น
ซึ่งคนๆนั้นก็คือ ดีน ซอนเดอร์ส ที่มีชื่อเข้าชิงร่วมกับแข้งดังแห่งยุคมากมายทั้ง ฌอง-ปิแอร์ ปาแปง, โลธาร์ มัธเทอุส และ มาร์โก ฟาน บาสเทน หลังซัดไป 17 ประตูให้ดาร์บี้ จนทำให้เขาได้ย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูลในเวลาต่อมาด้วยค่าตัว 2.9 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติของเกาะอังกฤษในเวลานั้น และด้วยฟอร์มอันร้องแรงในช่วงแรกที่ย้ายมาหงส์แดง ส่งผลให้กองหน้าชาวเวลส์คว้าอันดับที่ 13 จากรายชื่อผู้เข้าชิงบัลลงดอร์ในปี 1991
เจนนาโร่ กัตตูโซ่ (2006)
แม้จะเป็นกองกลางตัวรับ แต่เจนนาโร่ กัตตูโซ่ ก็มีชื่อเข้าชิงในปี 2006 ด้วยดีกรีที่ไม่ธรรมดา หลังคว้าแชมป์บอลโลกกับ อิตาลี, อยู่ค้าแข้งกับ เอซี มิลานมานานถึง 6 ปีครึ่ง (จากทั้งหมด 13 ปี) และในปีต่อมาเขายังคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนนส์ลีก เป็นสมัยที่ 2 อีก
แต่ฉายาที่สื่อแดนมักกะโรนีตั้งให้เขาว่า Ringhio หรือแปลว่าคำราม กัตจังก็รู้ดีกว่ามันไม่ฉายาที่บ่งบอกว่าเป็นผู้เล่นมากพรสวรรค์เช่นคนอื่นๆเลย แต่กลับทำให้ภาพอารมณ์ร้อน, การเข้าบอลหนักๆใส่คู่แข่งในสนาม กลายเป็นภาพจำของแฟนๆ ยามนึกถึงเขาไปโดยปริยาย
โทมัส โบรลิน (1994)
หนึ่งในนักเตะยอดแย่ที่สุดที่เคยค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก โทมัส โบรลิน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกแฟนบอลล้อเลียนเรื่องน้ำหนักตัว หลังย้ายมาค้าแข้งกับลีดส์ในปี 1995 ส่วนสาเหตุที่แข้งชาวสวีดิชต้องตกต่ำขนาดนั้นเป็นความดื้อรั้นทะนงตัว, มีความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่กับ ฮาเวิร์ด วิลกินนสัน และ จอร์จ แกรแฮม 2 กุนซือของสโมสร รวมไปถึงความอยากอาหารที่เพิ่มมากขึ้นด้วย
ทว่าก่อนหน้าที่เขาจะย้ายมาล้มเหลวในถิ่น เอลแลนด์ โร้ด ครั้งหนึ่ง โบรลินเคยถูกยกย่องให้เป็นกองกลางพรสวรรค์สูงที่ช่วยให้ทีมในบ้านเกิดและ ปาร์ม่า ประสบความสำเร็จในทิศทางที่ควรจะเป็น และเกือบติด 3 คนสุดท้ายของรางวัลบัลลงดอร์ในปี 1994 โดยมีคะแนนโหวตตามหลังแค่ ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ, โรแบร์โต้ บัจโจ้ และ เปาโล มัลดินี่ เท่านั้น
จอห์น เจนเซ่น (1992)
เจนเซ่นเป็นอีกหนึ่งนักเตะที่พาทีมชาติเดนมาร์กคว้าแชมป์ยูโรปี 1992 แต่ฟอร์มเก่งกลับหายไปหลังย้ายมาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก เมื่อกองกลางหน้าหนวดต้องใช้เวลากว่า 98 นัด กว่าจะทำประตูแรกให้อาร์เซน่อลได้
แต่แน่นอนว่าผลงานของเขาที่ทีมแดนโคนมพลิกล็อคเอาชนะเยอรมันไปได้ 2-0 ในนัดชิงยูโร ก็ทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าจะเป็นกองกลางดาวเด่นในยุโรปคนต่อไป แถมยังเข้าชิงบัลลงดอร์ในปี 1992 และได้รับคะแนนโหวตเท่ากับ เปาโล มัลดินี่ กองหลังระดับท็อปของเอซี มิลาน อีกต่างหาก แม้จะเป็นเพียงแค่ 3 คะแนนก็ตาม
แฮร์รี่ คีเวลล์ (2001)
ไม่เหมือนกับ โบรลิน แฮร์รี่ คีเวลล์ มีชีวิตค้าแข้งที่สวยงามในถิ่น เอลแลนด์ โร้ด ซึ่งในช่วงที่เขาลาทีมไปในปี 2003 มิลาน และ บาร์เซโลน่า ต่างแย่งชิงกันเพื่อคว้าตัวเขาไปร่วมทีมให้ได้ หลัง 2 ปีก่อนหน้านี้ ฟอร์มการเล่นของแข้งชาวออสซี่ช่วยให้นกยูงทองทะลุเข้าไปเล่นถึงรอบตัดเชือกในแชมเปี้ยนส์ลีกได้ ทำให้เขามีชื่อเข้าชิรางวัลบัลลงดอร์ในปีนั้นร่วมกับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ เพื่อนร่วมสโมสรในปีเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เฟอร์ดินานด์ผู้พี่ที่ย้ายไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถรักษาฟอร์มการเล่นและก้าวไปเป็นกองหลังระดับโลกได้ ผิดกับคีเวลล์ที่ประสบปัญหาฟอร์มตกในลิเวอร์พูล เนื่องจากอาการบาดเจ็บ และความมั่นใจที่หายหด
ยูริ ซีร์คอฟ (2008)
ซีร์คอฟก็เป็นดาวดังจากทวีปยุโรปอีกคนที่สร้างความประทับใจได้ไม่มากนักหลังย้ายมาค้าแข้งในแดนผู้ดีด้วยค่าตัว 18 ล้านปอนด์กับเชลซีในปี 2009 แต่ก่อนที่อาการบาดเจ็บและปัญหาฟอร์มการเล่นจะทำให้เขาดับสนิทในพรีเมียร์ลีก ลีลาการเล่นของแข้งชาวรัสเซียถือว่าน่าดูชมไม่เบา
ผลงานของเขาในการพาทีมหมีขาวทะลุเข้าไปเล่นในรอบรอบชนะเลิศของศึกยูโร 2008 นั้นน่าประทับใจมาก จนทำให้เขามีชื่อเข้าชิงบัลลงดอร์ในปีเดียวกัน น่าเสียดายที่เขาไม่ได้รับคะแนนโหวตที่ท้วมท้นเหมือนกับที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้ในปีนั้น
ตริฟอน อิวานอฟ (1996)
หากมีการมอบรางวัลนักเตะที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือน วูล์ฟเวอรีน ซุปเปอร์ฮีโร่ชื่อดังจากมาร์เวล ในช่วงยุค 90 ตริฟอน อิวานอฟ ผู้ล่วงลับคงคว้ารางวัลดังกล่าวนี้ไปครองแน่นอน โดยในช่วงที่กองหลังชาวบัลแกเรียค้าแข้งอยู่นั้นแฟนบอลจดจำเขาได้ดีจาก ทรงผมที่ยาวสลวยกว่านักเตะทั่วไป และ ทีเด็ดการสังหารลูกนิ่งในระยะไกล
หลังจากศึกยูโร 1996 สตาร์ดังจากทีมราปิด เวียนนา ก็ได้รับการโหวตมากมายในรางวัลบัลลงดอร์ มากกว่า หลุยส์ ฟิโก้, ลุย คอสต้า และ ซีเนอดีน ซีดาน ซะอีก แต่ก็ยังไม่มากที่เบียดขึ้นไปอันดับหนึ่งแซงหน้า ดาวดังจากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อย่าง มัทธีอัส ซามเมอร์ ได้
เทรอานอส เดลลาส (2004)
ทีมชาติกรีซสร้างประวัติศาสตร์ที่ไม่มีใครคาดิดว่าจะเกิดขึ้นได้ หลังคว้าแชมป์ยูโร 2004 ไปแบบหักปากกาเซียน แต่แนวทางการเล่นที่เน้นเกมรับแบบสุดขั้วและตีหัวเข้าบ้านก็ทำให้นักเตะแดนเทพนิยายได้ลุ้นรางวัลระดับโลกเหมือนกัน
นักเตะชาวกรีก 4 คน มีชื่อเข้าชิงรางวัลบัลลงดอร์ในปีนั้น ซึ่งประกอบไปด้วย ธีโอโดรอส ซาโกราคิส กัปตันทีม, นายทวารอย่าง อันโตนิออส นิโคโปลิดิส, อันเจรอส คาริสเตอาส ผู้ยิงประตูชัยในนัดชิง และ กองหลังร่างยักษ์ เทรอานอส เดลลาส ที่เคยย้ายมาเล่นกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดในช่วงสั้นๆ
5 คะแนนโหวตช่วยให้ เดลลาส มีอันดับสูงกว่าทั้ง ซีดาน และ ฟีโก้ แต่ก็ยังห่างชั้นกับผู้ชนะในปีนั้นอย่าง อังเดร เชฟเชนโก้ อยู่ดี