วันวานยังหวาน! 8 โมเม้นท์สุดยอดโมเม้นท์โรนัลโด้สมัยค้าเเข้งกับเเมนยู 

 

วันวานยังหวาน! 8 โมเม้นท์สุดยอดโมเม้นท์โรนัลโด้สมัยค้าเเข้งกับเเมนยู 

 

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กลับคืนสู่ทีมที่เขาเเจ้งเกิดมาอย่างเเมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดตั้งเเต่ที่เขาย้ายออกไปอยู่กับเรอัล มาดริด เป็นเวลาถึง 12 ปี เเม้อายุจะปาเข้าไป 36 ปีเเล้ว เเละไม่ได้อยู่ในช่วงที่ดีที่สุดเเต่เเฟนบอลปีศาจเเดงต้องคิดถึงเขาเเน่นอน 

 

บางคนยังไม่เกิด : แข้งปีศาจแดงชุดปัจจุบันทำอะไรตอนโด้ร่วมทัพครั้งแรก

 

 

สมัยที่ค้าเเข้งกับยูไนเต็ดเเข้งโปรตุกีสสร้างความประทับใจให้เเฟนบอลรวมถึงสถิติต่างๆมากมายวันนี้ ufaarena ย้อนความหลังอันชื่นมื่นสมัยค้าเเข้งกับปีศาจเเดงครั้งเเรก 

 

 

ได้รับเสื้อเบอร์ 7 

 

ย้อนไปเมื่อปี 2003 เกมอุ่นเครื่องที่เเมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเพบกับสปอร์ติ่ง ลิสบอน นักเตะทีมปีศาจเเดงหลายคนถูกใจฟอร์มของเเข้งโนเนมที่มีชื่อว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ถึงกับรวมตัวกันไปบอก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตกุนซือให้คว้านักเตะคนนี้มาร่วมทีม 

 

เเมนยูควักเงิน 12.24 ล้านปอนด์ คว้าเเข้งรายนี้มาร่วมทีม เเละเป็นเวลาเดียวกับที่ เดวิด เบ็คแฮม ตำนานเท้าชั่งทองย้ายไปอยู่กับเรอัล มาดริด ทำให้เบอร์ 7 ซึ่งเป็นเบอร์ตำนานว่างอยู่ ขณะเดียวกันเซอร์ อเล็กซ์ก็ทำสิ่งที่ใครหลายคนไม่คาดคิด โดยมอบเบอร์ตำนานนี้ให้กับนักเตะใหม่ที่ยังไม่ได้พิสูจน์อะไรเลยในตอนนั้น เเต่ใครจะรู้ว่านั้นคือจุดเริ่มต้นของ “CR7”

 

 

คว้าเเชมป์เเรกกับทีม

 

เเชมป์เเรกของ โรนัลโด้ ไม่ต้องรอนานหลังย้ายมาอยู่กับเเมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเมื่อปี 2003 เเม้จะถูกวิจารณ์เยอะในช่วงเเรกว่ามีเเต่ความหวือหวา เเต่ยังไม่เด็ดขาดในจังหวะยิงประตู เเต่จากสถิติมันก็จริงเพราะยิงได้เเค่ 6 ประตูจาก 40 เกม 

 

อย่างไรก็ตาม เขายังมีชื่อเป็นตัวจริงในเกมสำคัญอย่างเอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ โดยเจอกับทีมม้ามืดอย่าง มิลวอลล์ ซึ่งเจ้าตัวก็ตอบรับความไว้ใจที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มอบให้เขา ด้วยการยิงประตูเปิดร่องก่อนที่สุดท้าย รุด ฟาน นิสเตลรอย จะมาซัดอีก 2 ตุง พาปีศาจเเดงคว้าเเชมป์ไปครองเเละเป็นเเชมป์เเรกในสีเสื้อปีศาจเเดงของ “ซีอาร์ 7”

 

 

ดาวจรัสแสง

 

หลังคว้าเเชมป์เเรกกับเเมนยู ฤดูกาลต่อมาโรนัลโด้ต้องพบกับความผิดหวังไม่สามารถพาทีมคว้าเเชมป์อะไรได้เลย เเม้จะมาเเก้ตัวได้ด้วยการคว้าเเชมป์ลีกคัพในปีต่อมา เเต่ฟอร์มส่วนตัวของโรนัลโด้ก็ยังไม่เด่นเท่าไหร่นัก 

 

จนมาถึงฤดูกาล 2006/07 เป็นปีที่เเข้งโปรตุกีสฉายเเสงเเบบสุดๆ ยิงเกินเลข 2 หลักเป็นครั้งเเรก ด้วยการซัดไป 17 ประตูกับ 16 แอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีก กวาดทั้งรางวัลเเข้งยอดเยี่ยมเเละดาวรุ่งยอดเยี่ยมของ  PFA รวมถึงเเชมป์พรีเมียร์ ลีก กับต้นสังกัดด้วย 

 

 

แฮตทริกเเรกเเละแฮตทริกเดียวในอังกฤษ 

 

น่าจะเป็นเรื่องประหลาดใจไม่น้อยที่ โรนัลโด้ สามารถทำแฮตทริกได้เเค่ครั้งเดียวกับการเล่นให้กับเเมนฯ ยูไนเต็ด

 

เกมดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2008 นัดที่ทีมปีศาจเเดงถล่ม นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 6-0 ลูกเเรกได้จากลูกฟรีคิก ลูกที่สองต่อบอลกันอย่างสวยงาม เเละ ปิดท้ายด้วยการหลอก คาคาป้า ชนิดหลังหักก่อนจะซัดด้วยซ้ายเข้าไป เป็นครั้งเเรกเเละครั้งเดียวของเขา

 

 

ฟรีคิกนัคเกิ้ลบอล

 

ช่วงยุค 20 เเฟนบอลหลายคนคงคุ้นชินกับการยิงฟรีคิกประเภทปั่นโค้งจากนักเตะดังทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น เดวิด เบ็คแฮม, โรนัลดินโญ่ หรือ จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่ เเต่สิ่งที่โรนัลโด้ทำนั้นต่างกัน 

 

ความสำคัญของดาวเตะโปรตุกีสถูกยกระดับมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการสังหารจุดโทษมาจนถึงการยิงฟรีคิก เเต่ลูกยิงของเขาไม่เหมือนใคร ในเกมที่พบกับ พอร์ทสมัธ เจ้าตัวมีโอกาสได้ซัดฟรีคิกไกลระยะกว่า 25 หลา ซึ่งตอนเเรกหลายคนมองว่ายากที่บอลจะเข้าเพราะลูกยิงพุ่งตรงเหมือนจะไปเข้าซองของ เดวิด เจมส์ เเต่มันกลับตรงกันข้าม บอลทั้งซ้ายเเละโค้งเเหวกอากาศเข้าไปซุกก้นตาข่าย

 

หลังจากนั้นลูกยิงเเบบนี้ถูกเรียกว่า นัคเกิ้ลบอล (Knuckleball)ซึ่งนักเตะเเละเเฟนบอลหลายคนนำไปฝึกเเละพยายามทำตาม

 

 

ทำลายสถิติจอร์จ เบสต์

 

ฤดูกาล 2007–08 เป็นปีที่ดีที่สุดในสีเสื้อเเมนยูของโรนัลโด้ ช่วง 2 เดือนสุดท้ายก่อนที่ฤดูกาลจะปิดลง เจ้าตัวกำลังลุ้นทำลายสถิติยิงประตูของตำนานอย่าง จอร์จ เบสต์

 

ในที่สุดเกมที่พบกับ โบลตัน วันเดอเรอร์ส เจ้าตัวซัดคนเดียว 2 ประตู เป็นประตูที่ 32 เเละ 33 ของเขา เเละนั้นเป็นการทำลายสถิติเดิมของเบสต์ที่เคยทำไว้ที่ 32 ประตูระหว่างปี 1967-68

 

 

คว้าเเชมป์ ยูฟ่า เเชมเปี้ยนส์ ลีก

 

รอบ 9 ปีที่เเมนยูทะลุเข้าชิงชนะเลิศ โดยพบกับคู่อริร่วมลีกอย่างเชลซี ซึ่งปีนั้นคือปีที่โรนัลโด้ฟอร์มเเรงมากเเถมยังเป็นผู้ทำประตูเเรกในเกมนั้นด้วย ก่อนจะมาโดนแฟรงค์ แลมพาร์ดยิงตีเสมอครบ 90 นาทีเสมอ 1-1 ต่อเวลาอีก 30 นาทีก็ยังเสมอ 1-1 ต้องไปยิงจุดโทษหาผู้ชนะ 

 

เเชมป์อยู่ในมือของสิงห์บลูส์ไปเเล้วหนึ่งข้างโดย 4 คนเเรกของทั้งสองทีม โรนัลโด้เป็นคนเดียวที่ยิงไม่เข้า ถ้าคนสุดท้ายของเชลซียิงเข้าจากฮีโร่จะเป็นซีโร่ทันที เเต่เหมือนบุญพาวาสนาส่ง จอห์น เทอร์รี่ 

 

กลับลื่นล้มตูดจ้ำเบ้า บอลออกไปเเบบไม่ได้ลุ้น สรุปคือ 5 คนเเรกยิงเข้า 4 คนทั้งสองทีมต้องไปตัดสินกันต่อในช่วง ซัดเดนเดท เเละเป็นฝั่งสิงห์บลูส์ที่ นิโคลา อเนลก้า ยิงไม่เข้า ทำให้เเมนยูผงาดคว้าเเชมป์ไปครองอย่างยิ่งใหญ่ 

 

หนึ่งในไฮไลท์ก็คือหลัง เอ็นวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ เชพจุดโทษได้ ทุกคนต่างวิ่งไปยินดี เเต่มีเเค่ โรนัลโด้ ที่หยุดเเละล้มลงร้องไห้กลางสนามด้วยความปลื้มใจ 

 

 

คว้าบัลลงดอร์

 

จากผลงานที่ยอดเยี่ยมพาเเมนยูคว้าทั้งเเชมป์พรีเมียร์ลีกเเละโดยเฉพาะอย่างยิ่งยูฟ่า เเชมเปี้ยนส์ ลีก บวกกับ 42 ประตูใน 49 เกม รวมทุกรายการที่ลงสนามทำให้ปีนั้น โรนัลโด้ ถูกยกเป็นเเข้งที่ดีที่สุดในโลก

 

ความยอดเยี่ยมการันตีด้วยการคว้ารางวัลบัลลงดอร์เป็นครั้งเเรกของเขา เเละเป็นเเข้งปีศาจเเดงคนที่ 4 ที่คว้ารางวัลลูกบอลทองคำต่อจาก เดนิส ลอว์, บ็อบบี้ ชาร์ลตัน เเละ จอร์จ เบสต์ เเถมยังเอาชนะอันดับสอง คู่เเข่งอย่างลิโอเนล เมสซี่ สตาร์บาร์เซโลน่า ขาดลอยถึง 150 คะเเนน