โหดเกินใครในรุ่นเดียวกัน : ย้อนรอยการกด 9 ประตูในเกมเดียวของฮาแลนด์

 

ปัจจุบัน เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ คือนักเตะดาวรุ่งที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ บวกกับฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรง ไม่แปลกที่ไม่มีใครไม่รู้จักเขาในตอนนี้ แต่น่าหลือเชื่อไม่น้อยที่เขามาไกลได้ขนาดนี้ หากย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน

 

ฮาแลนด์ ถูกพูดถึงในหน้าสื่อทั่วโลกครั้งแรกช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 2019 ในฐานะลูกชายของ อัลฟ์-อิงเก้ ฮาแลนด์ อดีตนักเตะลีดส์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเกิดใน ลีดส์ และเป็นแฟนบอลทีม นกยูงทอง พร้อมทำผลงานได้น่าประทับในกับ โมลด์ ภายใต้การดูแลของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

 

ลีดส์ เคยยื่นข้อเสนอไปแล้ว แต่พวกเขาก็โดย ยอดทีมจาก ออสเตรีย อย่าง เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก คว้าลายเซ็น ฮาแลนด์ ไปครอง ในซัมเมอร์ปี 2018 และย้ายไปร่วมทีมอย่างเป็นทางการ ช่วงเดือนมกราคมปี 2019

 

ฮาแลนด์ เฉิดฉายสุด ๆ กับ ซัลซ์บวร์ก ด้วยการซัดไป 29 ประตูจาก 27 นัด รวมถึง 8 ลูกในแชมเปี้ยนส์ลีก ปีแรกด้วย แต่หนแรกจริง ๆ ที่เขาทำให้แฟนบอลทั่วโลกสนใจ ก็คือช่วงที่เขาเล่นทีมชาติชุดเล็กต่างหาก

 

การกดไป 9 ประตู ช่วยให้ นอร์เวย์ ถล่ม ฮอนดูรัส แบบสิ้นสภาพ 12-0 ในบอลโลกรุ่น U-20 ที่โปแลนด์ กลายเป็นจุดแรกที่ ฮาแลนด์ สร้างชื่อของตนในวงการลูกหนัง

 

#1 (1-0)

 

 

เริ่มเกมมาได้ 7 นาที นอร์เวย์ ก็ยิงประตูขึ้นนำไปก่อน และฮาแลนด์ ก็แสดงให้เห็นถึงสัญชาติญานในกรอบ 6 หลา ซึ่งจะกลายเป็นฝันร้ายของแนวรับบุนเดสลีกในเวลาต่อมา ด้วยการโฉบตัดหน้าแนวรับ ฮอนดูรัส แปด้วยซ้ายเข้าไปนิ่ม ๆ

 

ส่วนคนที่แอสซิสต์ในฮาแลนด์ เบิกสกอร์แรก ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เยนส์ เพตเตอร์ เฮาเก้ วันเดอร์คิดที่โด่งดังกับ โบโด กลิมท์ และพาทีมคว้าแชมป์ลีกนอร์เวย์ได้อย่างเหลือเชื่อในฤดูกาล 2019-20 ก่อนจะย้ายมาสร้างชื่อกับ เอซี มิลาน ในฤดูกาลปัจจุบัน

 

 

#2 (2-0)

 

 

บอลได้โยนจากแดนกลางของ นอร์เวย์ ทะลุผ่านผู้เล่นของ ฮอนดูรัส กว่า 10 คน ให้กับ ฮาแลนด์ ที่หาช่องได้อย่างยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับการรักษาไลน์ไม่ให้ล้ำหน้าด้วย

 

แม้จะจับบอลห่างตัวไปเล็กน้อย แต่หอกวัย 18 ปีในตอนนั้น ก็วิ่งตามไปเล่นได้ทัน ก่อนซัดด้วยซ้ายเต็มข้อ บอลเรียดลอดขานายทวารคู่แข่งเข้าไปตุงตาข่าย

 

 

#3 (4-0)

 

 

หลังบอลยาวหลุดมาถึงกรอบ 18 หลา โจเซ่ โอมาร์ การ์เซีย มาริน พยายามวิ่งปรี่เข้ามาหวังเล่นบอล ก่อนเข้าพรวดคว้าขาของ ฮาแลนด์ ที่แตะบอลหลบไปแล้วแทน จนทำให้ทีมเสียจุดโทษแทน

 

อดีตดาวยิงโมลด์ ลุกขึ้นมายิ่งจุดโทษ และกดไปฝั่งเซ้ายมุมซ้ายล่างช่วยให้ นอร์เวย์ หนีห่างเป็น 4-0 ในนาทีที่ 33

 

 

#4 (5-0)

 

 

หากจะมองว่าประตูไหนทำให้ ฮาแลนด์ ถูกมองว่าจะก้าวขึ้นไปเป็นสตาร์คนใหม่ในวงการลูกหนัง ต้องยกให้ประตูที่ 4 ของเขาในเกมนี้เลย

 

บอลถูกเปิดยัดมาจากฝั่งซ้ายให้กับ ฮาแลนด์ ที่ยืนอยู่ในระยะ 12 หลา แม้จะแรงไปหน่อย แต่ก็ยังแตะบอลได้หนึ่งจังหวะ และวอลเลย์ด้วยซ้าย ก่อนที่แนวรับ ฮอนดูรัส จะเข้ามาป้องกันได้ทัน ซึ่งบอลพุ่งเร็วแรงทะลุนรกเข้าไป จนนายทวารฝั่งตรงข้ามทำได้แค่ใช้สายตาปัดป้องเท่านั้น

 

 

#5 (7-0)

 

 

แม้กดไปแล้ว 4 ลูก อีกทั้งทีมนำห่างไปไกล 6-0 แต่ดูเหมือน ฮาแลนด์ ยังไม่พอใจเท่าไหร่กับประตูที่ตนทำได้ในเกมนี้ จึงกดเพิ่มอีกลูก หลังผ่านไป 5 นาทีของครึ่งหลัง

 

ฮาแลนด์ที่ยืนอยู่นอกกรอบชั่วขณะ ก็วิ่งปรี่เข้าไปในเขต 18 หลา รับบอลจากเพื่อนร่วมทีม ก่อนลากบอลไปหนึ่งจังหวะเพื่อหาช่องหลบแนวรับฮอนดูรัส และกดด้วยซ้ายข้างถนัดเข้าไปไม่เหลือซาก

 

 

#6 (8-0)

 

 

ณ ตอนนี้เอง ฮอนดูรัส เหลือผู้เล่นเพียง 10 คนในสนาม ด้วยผู้เล่นที่น้อยกว่ายิ่งทำให้พวกเขาโดน แข้ง นอร์เวย์ เล่นสนุกบุกถลุงอยู่ฝ่ายเดียว และที่แย่กว่าหลังจากนี้คือการที่บอลมักจะเข้าทางปืนของ ฮาแลนด์ เกือบทุกคร้้ง

 

ฮาแลนด์ ได้รับบอลตัดหลังจาก คริสเตียน ธอร์สต์เวดต์ กองหน้าคู่หูที่ยิงไม่ได้เลยในเกมนั้น แต่การที่เขาถลำไปเล็กน้อย ทำให้บอลย้อนหลังไป และพยายามจับบอลเล่น แต่โชคดีที่บอลกลับลอยค่อย ๆ หมุน ข้ามแนวรับ ฮอนดูรัส ที่พยายามกระโดดสะกัด เข้าไปเป็นประตูที่ 8 ในเกมนั้น

 

 

#7 (9-0)

 

 

นี่เป็นอีกครั้งที่ ฮาแลนด์ สังหารประตูจากระยะ 6 หลา ในนาทีที่ 77 ท่ามกลางการประกบตัวผู้เล่นที่หละหลวมของแนวรับฮอนดูรัสที่มีผู้เล่นน้อยกว่า

 

บอลถูกเปิดมาจากกราบซ้ายระยะลำตัวให้ ฮาแลนด์ แปด้วยซ้ายเพื่อทำประตู แม้ มาริม พยายามปัดป้องลูกยิงนั้น แต่เขาก็ทำได้ไม่ดีพอจนบอลทะลักผ่านเส้นประตูเข้าไป

 

 

#8 (11-0)

 

 

เกมนี้คงกลายเป็นฝันร้ายสำหรับ มาริม ไปอีกนาน เนื่องจากนี่ไม่ใช้วันที่เขาโชว์ฟอร์ดีเลยแม้แต่นิดเดียว และมีส่วนทำให้ทีมเสียไปถึง 3 ประตูจากทั้งหมด 12 ลูก

 

ดาวยิงหมายเลข 19 ฝ่าแนวรับ ฮอนดูรัส 2 คนในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนยิงด้วยซ้ายดื้อ ๆ แม้จะตรงตัวและไม่หนีมือ คาริม นัก แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาป้องกันไม่อยู่จนทำให้บอลทะลักเข้าประตูไป

 

 

#9 (12-0)

 

 

ไม่กี่นาทีหลังประตูที่ 11 ในเกม ฮอนดูรัส ก็เหลือผู้เล่นในสนามเพียง 9 คน หลัง เอเวอร์สัน โลเปซ โดนใบแดงตรงไล่ออก เนื่องจากฟาวล์รุนแรงใส่ เอมาน มาร์โควิช แข้งเบอร์ 10 ของนอร์เวย์ ซึ่งการฟาวล์นี้นำไปสู่ประตูที่ 12 ในเวลาต่อมา

 

นอร์เวย์ เล่นลูกฟรีคิกเร็ว ด้วยการยกบอลข้ามแนวรับ ฮอนดูรัส แม้บอลจะกั๊ก ๆ กับ เพื่อนอยู๋ แต่สุดท้าย ฮาแลนด์ ก็เป็นคนเล่นเอง ก่อนแตะบอลเล็กน้อยให้ได้จังหวะ และซัดด้วยซ้ายแสกหน้านายทวารเข้าไป ปิดกล่องประตูที่ 9 ของเขาในนาทีที่ 90

 

 

สัตว์ประหลาดถือกำเนิด

 

FIFA U20 World Cup: Erling Haland scores nine goals vs Honduras, video,  reaction

 

โซเช่ หลุยส์ โรดริเกซ เอเย่นต์ฟุตบอล ได้กล่าวกับ VG สื่อจากนอร์เวย์ ในช่วงนั้นว่า เป็นความพ่ายแพ้ที่เจ็บปวด และไม่มีแข้งดาวรุ่งฮอนดูรัส คนไหนเลย อยากจะพบประสบการณ์ความพ่ายแพ่แบบยับเยินนี้อีก

 

“สำหรับผู้เล่น มันเป็นสิ่งที่เลวร้ายเลย พวกเขาร้องไห้หนักมากหลังจากนั้น พวกเขาโกรธเคือง เมื่อกลับไปที่บ้านเกิด ทั้งประเทศพูดถึงเรื่องแย่ ๆ ของพวกเขา มันเป็นความกดดันนที่รุนแรงมาก หลายคนถึงขั้นกล่าวว่านี่เป็นเรื่องแย่ที่สุดที่พวกเขาเคยพบมาในชีวิตเลย”

 

อีกทั้งหลังเกมนั้น โรดริเกซ ได้วิ่งเข้าไปหา ฮาแลนด์ ดาวเด่นในการแข่งขัน และอดไม่ได้ที่ขอ เซลฟี่ ด้วยกับผู้เล่นที่โนเนมที่กำลังกลายเป็นที่รู้จักโด่งดังในชั่วข้ามคืน

 

 “ผมบอกว่า ‘นายทำให้เด็กของผมดูแย่นะ’ ฮาแลนด์ กลับตอบมาว่า ‘ผมหงุดหงิดจัง เพราะผมน่าจะยิงได้ 11 ประตูด้วยซ้ำ’ เขาแม่งโคตรเครื่องจักรสังหารเลย ผมคิดในตอนนั้นว่า ‘โอ้พระเจ้าช่วย’”

 

เกมยิงกระจายแบบนี้ก็เพิ่งเกิดขึ้นในการแข่งขันระดับมหาวิทยาลัยบ้านเราเหมือนกัน ในศึกการแข่งขันฟุตบอล ไทยแลนด์ ยูนิเวอร์ซิตี้ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม โซนกรุงเทพ เมื่อ มหาวิทยาลัย นอร์ทกรุงเทพ ยิงถล่มเอาชนะ สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา ถึง 32 -0 เละเทะกว่าที่ ฮอนดูรัส โดนเสียอีก 

 

นักเตะชื่อว่า ลิฟท์ คือคนที่ทำประตูมากที่สุดในเกม หลังกดไป 6 ประตู จากการรายงานผลใน Facbook ของสโมสร แต่ก็ยังห่างจากที่ ฮาแลนด์ ทำไว้ในเกมเดียวถึง 3 ประตูในปี 2019

 

สิ่งที่เกิดขึ้นในอีก 3 ปีต่อมา เขากดไป 49 ประตูจาก 49 นัดให้กับ ซัลซ์บวร์ก และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ นับตั้งแต่เริ่มฤดูกาลก่อน, กลายเป็นนนักเตะที่ยิงครบ 20 ลูกในแชมเปี้ยนส์ลีกเร็วที่สุด ด้วยการลงเล่นเพียง 14 นัด นี่จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเขาเพียงคนเดียวถึงเล่นงาน ฮอนดูรัสชุดเล็ก ได้ทั้งทีม

 

ไม่ว่าจะใช้มาตรฐานอะไรมาชี้วัด ฮาแลนด์ ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า เขามีความสามารถและศักยภาพมากพอ ในการก้าวขึ้นไปเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของโลก และเป็นว่าที่กองหน้าที่อันตรายที่สุดเท่าที่วงการลูกหนังเคยมีมาในอนาคตด้วย