โหดไม่แพ้กัน : รวม 11 แข้งชวดติดทีมยอดเยี่ยมตลอดกาล UCL

 

ในโลกของฟุตบอลเต็มไปด้วยประเด็นต่าง ๆ มากมายหลายหลากให้ถกเถียงกันว่าใครเป็นนักเตะยอดเยี่ยมที่สุด ไม่ว่าจะเป็นระดับสโมสร, ลีก, ทีมชาติ หรือระดับโลกก็ตาม

 

และ ยูฟ่า ได้จุดประเด็นการสนทนาสุดร้อนในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เมื่อพวกเขาได้จัดทีมยอดเยี่ยมตลอดกาลในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โดยใช้ชื่อว่า Ultimate team of the year

 

แน่นอนว่าในบรรดาผู้เล่นจากทีมเหล่านั้น ย่อมมียอดแข้งหลายคนรวมอยู่ด้วย ทั้ง ลิโอเนล เมสซี่, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และอีกมากมาย แต่ก็มีนักเตะจำนวนไม่น้อยที่แฟนบอลมองว่าถูกมองข้ามและน่าเหลือเชื่อที่ไม่มีติดทีมยอดเยี่ยมในรายการนี้

 

ด้วย UFA ARENA จึงขอจัดทีมสุดแกร่งที่ไม่ติดอยู่ในทีมยอดเยี่ยมของ แชมเปี้ยนส์ลีก ในรูปแบบของเราดูบ้าง โดยมีเงื่อนไขว่านักเตะทุกคนในทีมนี้ต้องเคยสัมผัสถ้วยบิ๊กเอียร์มาแล้ว และขอบอกว่าโหดไม่แพ้ทีมที่ยูฟ่าจัดมาเลย

 

 

โอลิเวอร์ คาห์น (แชมป์ปี 2001)

 

 

เป็นเรื่องยากไม่น้อยในการเลือกระหว่าง โอลิเวอร์ คาห์น และ จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน แต่สุดท้ายเราก็ตัดสินใจเลือกผู้ที่เคยคว้าแชมป์รายการนี้มาครอง นั่นก็คือ ‘คิง คาห์น’ นั่นเอง

 

อดีตนายทวารทีมเยอรมัน เคยชูถ้วยบิ๊กเอียร์กับ บาเยิร์น มิวนิค ในฤดูกาล 2000-01 หลังสวมบทเป็นฮีโร่เซฟ 3 จุดโทษ ในช่วงยิงจุดโทษขี้ขาดกับเกมนัดชิงดำพบ บาเลนเซีย

 

 

ดานี่ อัลเวส (แชมป์ 3 สมัย : 2009, 2011, 2015)

 

 

แบ็คขวาชาวบราซิลเลี่ยน เป็นนักเตะคนสำคัญของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในบาร์เซโลน่า และช่วยให้ทีมกวาดแชมป์มาครองมากมาย ซึ่ง ถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เขาเคยคว้ามาครองถึง 3 ครั้งกับสโมสรแคว้นกาตาลัน

 

อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากโทรฟี่ทั้งหมดที่ อัลเวส คว้ามาครองได้กว่า 36 รายการในอาชีพค้าแข้ง ก็เป็นเรื่องยากที่เราจะเมินเขาจากทีมชุดนี้ไปได้

 

 

เปาโล มัลดินี่ (แชมป์ 5 สมัย : 1989, 1990, 1994, 2003, 2007)

 

 

ยูฟ่า อาจจะเลือก เปาโล มัลดินี่ ติดทีมยอดเยี่ยมของพวกเขาในแชมเปี้ยนส์ลีก แต่ไม่มีทางที่เราจะทำผิดพลาดแบบนั้นซ้ำรอยเดิม

 

ไม่ว่าจะเป็น ยูโรเปี้ยน คัพ ชื่อเก่า หรือ ยุุคใหม่ในชื่อแชมป์เปี้ยนส์ลีก ตำนานกองหลังทีมชาติอิตาลีก็คว้าแชมป์ถ้วยสโมสรยุโรปมาครองถึง 5 ครั้งกับ เอซี มิลาน จนได้รับยกย่องจากแฟนบอลทั่วโลกว่าเป็นหนึ่งในกองหลังสมบูรณ์แบบและยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล 

 

 

อเลสซานโดร เนสต้า  (แชมป์ 2 สมัย : 2003, 2007)

 

 

อิตาลีคือชาติที่สร้างยอดนักเตะตัวรับมาประดับวงการมากมาย และอีกคนที่ขาดไปไม่ได้ก็คือ อเลสซานโดร เนสต้า ปราการหลังคู่หูของ มัลดินี่ ทั้งในทีมชาติอิตาลี และสโมสร

 

นอกจากโดดเด่นสุด ๆ ในการพา ลาซิโอ คว้าแชมป์ เซเรียอา ในปี 2000 เนสต้า ยังยกระดับตัวเองขึ้นไปอีกหลังย้ายมาเล่นกับ เอซี มิลาน พร้อมกับคว้าแชมป์ยุโรปไปครองถึง 2 ครั้งด้วยกัน

 

 

โรแบร์โต้ คาร์ลอส  (แชมป์ 3 สมัย : 1998, 2000, 2002)

 

 

แบ็คซ้ายเท้าหนักที่แฟนบอลยุค 90 และ 2000 จดจำได้ขึ้นใจ และไม่มีทางลืมกับลูกยิงฟรีคิกไซด์ก้อยบรรลือโลกทั้งในทีมชาติหรือระดับสโมสร

 

คาร์ลอส เป็นนักเคะอีกทั้งที่ประสบความสำเร็จทั้งในทีมชาติ หลังพาบราซิลคว้าแชมป์โลก 1 สมัย และ โคปา อเมริกา 2 สมัย ขณะที่สโมสร เรอัล มาดริด คือทีมที่เขาทำผลงานได้โดดเด่นที่สุด ด้วยการพา ‘ราชันชุดขาว’ เป็นเจ้ายุโรปถึง 3 สมัย กับ 7 ปีในถิ่นเบอร์นาเบว

  

 

อันเดรีย ปีร์โล่  (แชมป์ 2 สมัย : 2003, 2007)

 

 

ในตำแหน่งกองกลางตัวโฮลบอล มีนักเตะมากมายที่สร้างชื่อในรายการนี้ และหลายคนอาจเลือก โคล้ด มากาเลเล่ ตัวตัดเกมชาวฝรั่งเศส แต่เราขอเลือกสายคลาสสิคอย่าง อันเดรีย ปีร์โล่ มาแทนแล้วกัน

 

แน่นอนกว่า อดีตกองกลางทีมชาติอิตาลี ไม่ได้ปราดเปรียว รวดเร็ว หรือตัดเกมได้แบบอยู่หมัด แต่วิสัยทัศน์การวางบอลลที่เฉียบคมและแม่นยำ หรืออ่านเกมที่ยอดเยี่ยม ไม่แปลกที่เขาจะพา เอซี มิลาน คว้าถ้วยบิ๊กเอียร์ได้ถึง 2 สมัย โดยปัจจุบัน ปีร์โล่ กำลังไล่ล่าแชมป์ยุโรปในฐานะกุนซือของ ยูเวนตุส

 

 

คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ  (แชมป์ 4 สมัย : 1995, 1998, 2003, 2007)

 

 

คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ เป็นนักเตะอาแจ็กซ์ชุดวัยคะนองที่คว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาล 1994-95 และเขาคือนักเตะไม่กี่คนในชุดนั้นที่ประสบความสำเร็จหลังย้ายจากยอดทีมแดนกังหัน โดยคว้าแชมป์รายการนี้ได้อีก 1 สมัยกับ เรอัล มาดริด และ 2 สมัยกับ เอซี มิลาน

 

มากไปกว่านั้น อดีตกองกลางทีมชาติฮอลแลนด์ ยังเป็นนักเตะคนเดียวกับคว้าแชมป์ยุโรปกับ 3 สโมสรแตกต่างกัน ดังนั้นจึงน่าแปลกใจไม่น้อยที่ไม่เห็น เซดอร์ฟ ติดทีมยอดเยี่ยมของ ยูฟ่า

 

 

ซีเนดีน ซีดาน (แชมป์ปี 2002)

 

 

ลีลาที่พริ้วไหว, การสัมผัสบอลที่นิ่มนวล และลูกวอลเลย์สุดสวยในเกมนัดชิงพบ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น คือคำนิยามสั้น ๆ ที่น่าจะอธิบายความเก่งกาจของ ซีเนดีน ซีดาน ได้ในสมัยที่เป็นนักเตะอาชีพ

 

ซูซิ เป็นหนึ่งในนักเตะยุคทองของทีมชาติฝรั่งเศสที่คว้าแชมป์โลกสมัยแรก และแชมป์ยูโร ปี 2000 รวมถึงระดับสโมสรทั้งกับ ยูเวนตุส หรือ เรอัล มาดริด ด้วย ขณะที่เส้นทางสายกุนซือก็ประสบความสำเร็จไม่แพ้กัน ด้วยการพา ‘โลส บลังโกส’ คว้าแชมป์ลาลีก้า 2 สมัย และบอลยุโรปถึง 3 สมัยติดต่อกัน

 

 

โรนัลดินโญ่ (แชมป์ปี 2006)

 

 

ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ดีหรือร้ายแค่ไหนบนฟลอร์หญ้า รอยยิ้มก็ไม่เคยหายไปจากใบหน้าของชายที่ชื่อว่า โรนัลดินโญ่ อีกทั้งลีลาการลากเลื้อยหลบคู่แข่ง หรือ ทำประตู ก็สุดยอดไม่แพ้ใคร

 

เจ้าของฉายา ‘เหยินเล็ก’ ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะเบอร์หนึ่งของโลกถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาแค่ ไม่กี่ปีก็ตาม ณ ตอนที่เขาค้าแข้งกับ บาร์เซโลน่า ซึ่งคว้ารางวัลบัลลงดอร์ในปี 2005 และ ถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกในปี 2006 

 

 

ราอูล กอนซาเลซ (แชมป์ 3 สมัย : 1998, 2000, 2002)

 

 

กองหน้าลูกหม้อของ เรอัล มาดริด แท้ ๆ พร้อมสร้างชื่อตั้งแต่ปีแรก ๆ ที่ขึ้นมาเล่นในชุดใหญ่ของ ‘โลส บลังโกส’ จนกลายมาตำนานของทีมในเวลาต่อมากวาดแชมป์มาประดับตู้สโมสรมากมาย

 

ราอูล เคยคว้าตำแหน่งดาวซัลโวของ แชมเปี้ยนส์ลีก ถึง 2 ฤดูกาลติด เคยคว้าแชมป์ยุโรปถึง 3 ครั้ง อีกทั้งยังครองตำแหน่งดาวยิงตลอดกาลของรายการนี้ด้วยจำนวน 71 ประตู ด้วย ก่อนที่จะโดน คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ลิโอเนล เมสซี่ แซงหน้าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

 

 

คาริม เบนเซม่า  (แชมป์ 4 สมัย : 2014, 2016, 2017, 2018)

 

 

ไม่ผิดนักหากจะบอกว่า คาริม เบนเซม่า คือกองหน้าที่ถูกมองข้ามมากที่สุดในช่วง 10 ปีหลังสุดของวงการลูกหนัง ทั้ง ๆ ที่เขามีส่วนสำคัญที่ทำให้ เรอัล มาดริด ประสบความสำเร็จมากมายก็ตาม หนึ่งในนั้นคือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ถึง 4 สมัย

 

เหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะช่วงหนึ่ง ‘โลส บลังโกส’ มีนักเตะอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อยู่ในทีม แต่หากพูดถึงความสม่ำเสมอก็ไม่กองหน้าคนไหนในราชันชุดขาวทำได้ยอดเยี่ยมเช่น ดาวยิงชาวฝรั่งเศส อีกแล้ว ณ เวลานี้