โหดๆทั้งนั้น! 11 แข้งแพงสุดที่ย้ายทีมช่วงหน้าร้อนปี 2019

 

ในช่วงตลาดหน้าร้อนนี้สโมสรยักษใหญ่ในยุโรปหลายต่อหลายทีม ต่างเสริมทัพกันอย่างมากมาย เพื่อให้ทีมไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการที่จะทำทีมให้ประสบความสำเร็จ มันก็ต้องใช้เม็ดเงินในการลงทุนกันบ้าง มันถึงจะเห็นผล ซึ่งในส่วนของซัมเมอร์นี้ก็มีการใช้จ่ายเงินกันอย่างสูงเลยทีเดียวกับผู้เล่นฝีเท้าดีเป็นจำนวนไม่น้อย ซึ่งบางทีมก็ทุ่มอย่างหนักและบางทีมก็มากกว่านั้น  โดยในส่วนนี้มีผู้เล่นถึง 3 รายด้วยกันที่มีการย้ายตัวเกิน 100 ล้านปอนด์ และในวันนี้ทีมงาน UFA Arena.com จะพาไปดูกันว่า 11 แข้งหน้าไหนกันบ้างที่มีการย้ายทีมที่แพงที่สุดในช่วงตลาดหน้าร้อนนี้

 

ผู้รักษาประตู

เยสเปอร์ ซิลิสเซ่น (บาร์เซโลน่า ไป บาเลนเซีย  35 ล้านปอนด์)

 

 

ซิลิสเซ่น อยู่กับบาร์เซโลน่ามา 3 ฤดูกาล แต่ลงสนามไปเพียง 32 เกมเท่านั้น จากทุกถ้วยทุกรายการรวมทั้งใน 5 ลีกหลักของยุโรป อย่างไรก็ตามเขายังคงเป็นผู้รักษาประตูตัวเลือกอันดับหนึ่งของทีมชาติเนเธอร์แลนด์ในปัจจุบัน

 

มือกาววัย 30 ปีย้ายไปอยู่กับบาเลนเซียในช่วงหน้าร้อนนี้เพื่อหาโอกาสลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ โดยเขาจะเข้าไปแทนที่เนโต้นายด่านคนเก่า ที่ย้ายสลับขั้วไปอยู่กับบาร์ซ่า แม้ว่าช่วงหลายปีหลังมานี้ไอ้ค้างคาวจะมีจำนวนนัดให้เล่นไม่มากนัก แต่พวกเขาก็ยอมทุ่มเงิน 35 ยูโรในการคว้านายทวารรายนี้เพื่อให้มาเป็นตัวหลักที่ไว้ใจได้และนี่เองที่ทำให้เขากลายเป็นผู้รักษาประตูที่แพงที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลกรองจาก เคป้า อาร์ริซาบาลาก้า, อลิสซอน เบ็คเกอร์, จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน และ เอเดอร์สัน โมราเลส

 

ฟูลแบ็ค

เจา คันเซโร่ (ยูเวนตุส ไป แมนเชสเตอร์ซิตี้ 65 ล้านปอนด์)

 

 

โปรตุเกสมีแบ็กขวาฝีเท้าดีมากมายอยู่ตามสโมสรชั้นนำของยุโรปรวมถึงเนลสัน เซเมโด้และริคาร์โด้ เปเรร่า แต่เจา คันเซโร่ เป็นหนึ่งเดียวที่เป็นตัวหลักของทีมชาติอยู่ในเวลานี้

 

เด็กปั้นจากเบนฟิกาโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจมากระหว่างลงเล่นให้กับทั้งบาเลนเซีย,อินเตอร์มิลานและยูเวนตุสก่อนที่จะย้ายเข้าร่วมทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้ในช่วงฤดูร้อนนี้ ด้วยค่าตัว 27.4 ล้านปอนด์พร้อมกับดีลสลับตัวกับ ดานิโล่ ที่มีค่าตัวไม่ต่างกันมากทำให้ดีลนี้จึงกลายเป็นซื้อขายที่มีมูลค่าสูงถึง 65 ล้านปอนด์ นั่นทำให้คันเซโร่กลายเป็นแบ็คขวาที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์

 

ลูคัส เฮอร์นันเดช (แอตเลติโก มาดริด ไป บาเยิร์น มิวนิค 80ล้านปอนด์ )

 

 

ลูคัส เฮอร์นันเดช เป็นหนึ่งในขุนพลของทีมชาติฝรั่งเศสชุดที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2018 เขาตัดสินใจย้ายมาร่วมทีมบาเยิร์น มิวนิคในช่วงฤดูร้อนนี้ด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ ทำให้เขากลายเป็นกองหลังที่มีค่าตัวแพงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก และยังเป็นดาวเตะเมืองน้ำหอมที่แพงที่สุดตลอดกาลเป็นลำดับที่  5 ของประเทศอีกด้วย

ฟูลแบ็ควัย 23 ปีเป็นกองหลังที่มีความสามารถหลากหลาย โดยเล่นเป็นแบ็คซ้ายได้อย่างยอดเยี่ยมให้กับทัพตราไก่ ส่วนในทีมเสือใต้นั้นเขาอาจจะได้ลงเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ค

 

เซนเตอร์แบ็ค

แฮรี่ แม็คไกวร์ (เลสเตอร์ซิตี้ ไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดสำหรับ 87 ล้านปอนด์)

 

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจำเป็นต้องเสริมหลังบ้านหลังจบฤดูกาล 2018/19 เพื่อให้แนวรับของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น และนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ต้องเซ็นสัญญากับแบ็คขวาและปราการหลังตัวกลางในหน้าร้อนนี้

 

ปีศาจแดงต้องการแค่แฮร์รี่ แม็คไกวร์ของเลสเตอร์ ซิตี้เพียงรายเดียวเท่านั้นที่จะ มายืนเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟในแผงหลังให้กับทีม และในที่สุดพวกเขาก็จ่ายเงิน 87 ล้านปอนด์กระชากดาวเตะวัย 26 ปีมาในที่สุด ซึ่งนั่นเองทำให้เขากลายเป็นกองหลังที่แพงที่สุดในโลกและยังเป็นการย้ายตัวที่แพงที่สุดในอังกฤษแซงหน้าทั้ง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์คและ ราฮีม สเตอร์ลิง อีกด้วย

 

มัตไตจ์ส เดอ ลิกท์ (อาแจ็กซ์ ไป ยูเวนตุส  75 ล้านปอนด์)

 

 

เดอ ลิกท์นั้นมีข่าวเชื่อมโยงกับทั้งบาร์เซโลนา, ปารีสแซงต์แชร์กแมง, แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดและลิเวอร์พูลในช่วงตลาดซื้อขายภาคฤดูร้อน แต่ในที่สุดเขาก็ย้ายไปร่วมทีมยูเวนตุสด้วยค่าตัว 75 ล้านยูโร

 

ด้วยวัยเพียง 20 ปีเขากลายเป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองหลังที่แพงที่สุดในโลกเป็นอันดับที่ 4 แถมยังเป็นผู้เล่นชาวดัตช์ที่มีค่าตัวสูงที่สุดเป็นอันดับสองที่ย้ายมาเล่นในลีกกัลโช่เซเรียอาต่างหาก

 

มิดฟิลด์

 

แฟรงกี เดอ ยอง (อาแจ็กซ์ ไป บาร์เซโลน่า  75ล้านปอนด์)

 

 

เดอ ยอง ได้ตัดสินใจที่จะเซ็นสัญญาย้ายไปอยู่กับทางบาร์เซโลน่าตั้งแต่ช่วงตลาดหน้าหนาวเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และกองกลางวัย 22 ปีถูกคาดหมายว่าจะเข้ามาแทนที่ เซร์คิโอ บุสเกตส์ ในอนาคต

 

ดาวรุ่งพรสวรรค์รายนี้นั้นนับว่าเป็นการเสริมทัพที่แพงที่สุดเป็นลำดับที่ 5 ของเจ้าบุญทุ่มเลยทีเดียว นอกจากนี้เขายังเป็นผู้เล่นชาวดัตช์ที่แพงที่สุดเป็นอันดับสองและเป็นผู้เล่นที่แพงที่สุดที่โดนขายออกมาจากสโมสรจากลีกเอเรดิวิซี่ของฮอลแลนด์ ซึ่งอีกหนึ่งคนที่ย้ายออกมาและทุบสถิติค่าตัวตรงนี้ก็คือ เดอ ลิกท์

 

โรดรี้ (แอตเลติโก มาดริดไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 70ล้านปอนด์ )

 

 

ก่อนตลาดซื้อขายตัวผู้เล่นในช่วงหน้าร้อนนี้แมนเชสเตอร์ ซิตี้คือหนึ่งทีมที่ดีที่สุดในโลก และแม้ตลาดซื้อขายจะปิดตัวลงไปแล้ว พวกเขาก็ยังคงเป็นทีมที่ดีที่สุดในโลกอยู่ดี

 

ซิตี้ต้องการหามิดฟิลด์ตัวรับคนใหม่เพื่อมาเป็นตัวตายตัวแทนของเฟอร์นันดินโญ่ในระยะยาว และพวกเขาก็จัดการเซ็นสัญญาโรดรี้มาจากแอตเลติโก้ มาดริดในช่วงตลาดซื้อขายซัมเมอร์นี้

 

เรือใบสีฟ้าจ่ายค่าฉีกสัญญาให้ตราหมีในครั้งนี้ไปประมาณ 70 ล้านปอนด์เพื่อให้ได้กองกลางตัวนี้มาร่วมทีม ซึ่งนั่นเองทำให้ตัวตัดเกมชาวสเปนกลายเป็นผู้เล่นที่มีค่าตัวสูงที่สุดของสโมสรนอกจากนี้เขายังเป็นนักเตะจากแดนกระทิงดุที่มีค่าตัวแพงที่สุดติดเป็นอันดับที่สองรองจากเคป้า อาริซาร์บาลาก้า

 

ปีก 

 

เอเด็น อาซาร์ (เชลซี ไป เรอัล มาดริด 100 ล้านปอนด์)

 

 

ฤดูกาล 2018/19 ถือเป็นปีที่น่าผิดหวังอย่างมากกับราชันชุดขาว เมื่อพวกเขาไม่ได้ถ้วยอะไรติดไม้ติดมือมาเลย ซึ่งนั่นทำให้ทีมต้องปฏิวัติกันยกใหญ่เลยทีเดียว ซึ่งในช่วงซัมเมอร์นี้พวกเขาได้ลงทุนมหาศาลด้วยการเซ็นสัญญากับ เอเด็น อาซาร์ ด้วยค่าตัวเป็นสถิติของสโมสรด้วยจำนวนเงินที่ 100 ล้านปอนด์

 

ที่มาดริดยอมจ่ายเม็ดเงินก้อนโตในครั้งนี้ ก็เป็นเพราะสัญญาของปีกชาวเบลเยี่ยมเหลือกับทีมสิงห์บลูแค่ปีเดียวเท่านั้น และถ้าไม่ซื้อตอนนี้พวกเขาอาจจะเสียเงินไปมากกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งนั่นเองทำให้เขาก็กลายเป็นนักเตะรายที่แปดที่มีค่าตัวเป็นสถิติโลกแถมยังเป็นนักเตะเบลเยี่ยมคนแรกที่มีค่าตัวสูงขนาดนี้

 

นิโคลัส เปเป้ (ลีลล์ ไป อาร์เซนอล 80ล้านปอนด์)

 

 

อาร์เซน่อลทำผลงานไม่ค่อยดีนักในฤดูกาลที่แล้ว นั้นจึงเป็นเหตุทำให้พวกเขาต้องลงทุนกับผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาดซื้อขายช่วงซัมเมอร์นี้ ซึ่งนักเตะที่ไอ้ปืนใหญ่จัดการควักเงินมหาศาลจ่ายไปเป็นจำนวนเงินถึง 80 ล้านปอนด์นั่นก็คือนิโคลัส เปเป้ปีกตัวจี๊ดจากลีลล์ โดยเป็นการตัดหน้าทีมที่ให้ความสนใจหลายๆทีมด้วยกันรวมไปถึงทีมอย่างลิเวอร์พูลและอินเตอร์มิลาน

 

เปเป้ได้ทำลายสถิติการซื้อตัวของ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยองและ ริยาด มาห์เรซ แถมยังเป็นนักเตะที่ค่าตัวแพงที่สุดของอาร์เซน่อล นอกจากนี้ยังติดทำเนียบแข้งแอฟริกันที่แพงที่สุดของทวีปอีกด้วย

 

กองหน้า

 

เจา เฟลิกซ์ (เบนฟิก้า ไป แอตเลติโก้ มาดริด  126 ล้านปอนด์)

 

 

เจ้าหนูเฟลิกซ์นั้นเป็นผลผลิตจากสถาบันการศึกษาที่โด่งดังของเบนฟิก้า จนได้ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในครึ่งฤดูกาลหลังของปีที่ผ่านมา เขาเป็นที่หมายปองของเหล่าบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปเป็นจำนวนมากในช่วงตลาดหน้าร้อนนี้ แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็เลือกย้ายไปอยู่กับแอตเลติโก้ มาดริด

 

แอตฯมาดริด ต้องการหาตัวตายตัวแทนของ กรีซมันน์ นั่นทำให้พวกเขาต้องทุ่มเงินเป็นจำนวน 126 ล้านปอนด์เพื่อแลกกับลายเซ็นของดาวรุ่งรายนี้ และค่าตัวนี้เองทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่ทำเงินแพงที่สุดของสโมสรจากลีกโปรตุเกสแถมยังกลายเป็นแข้งที่แพงที่สุดของแดนฝอยทองแซงหน้าคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่อยู่ยงคงกระพันมาถึงหนึ่งทศวรรษ

 

อองตวน กรีซมันน์ (แอตเลติโก้ มาดริด  ไป บาร์เซโลน่า 120 ล้านปอนด์)

 

 

บาร์เซโลน่านั้นต้องการตัวของอองตวน กรีซมันน์ตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว แต่ดาวยิงเลือดเฟรนช์แมนเลือกที่จะอยู่กับแอตฯมาดริดต่อไป แต่ในช่วงหน้าร้อนนี้เขาโดนบีบให้ย้ายออกจากทีมจนกระทั่งได้มาร่วมถิ่นคัมป์นูในที่สุด ซึ่งเจ้าบุญทุ่มต้องจ่ายค่าฉีกสัญญากับกองหน้าแชมป์โลกผู้นี้ถึง 120 ล้านปอนด์เลยทีเดียว

 

และในตอนนี้กรีซมันน์ได้กลายเป็นผู้เล่นที่ถูกบันทึกว่าเป็นนักเตะที่แพงที่สุดในโลกเป็นอันดับที่ 4 แถมยังแพงที่สุดในบรรดาแข้งชาวฝรั่งเศสด้วยกันนอกจากนี้ยังมีค่าตัวแพงเป็นลำดับที่ 2 ของลีกลาลีกาสเปนอีกต่างหาก