ใครว่าเจ็บเเล้วจบ! 8 เเข้งเจ็บหนักเเต่กลับมาประสบความสำเร็จ

 

หลัง อังเดร โกเมส เเข้งเอฟเวอร์ตัน ได้รับบาดเจ็บเเบบสยดสยองข้อเท้าหักผิดรูปจากการปะทะกับ ซน เฮือง มิน นักเตะสเปอร์ส ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าเข้าจะกลับมาได้เหมือนเดิมหรือไม่

 

ในอดีตมีนักเตะหลายคนที่เจ็บเเล้วกลับมาประสบความสำเร็จได้อีกครั้ง จะมีใครบ้างไปดูกัน

 

1. โรนัลโด้ (อินเตอร์ มิลาน)

 

ตำนานกองหน้าทีมชาติบราซิล ที่ถูกยกย่องว่าเป็นหน้าเป้าที่ดีที่สุดในโลก เเต่หารู้ไม่ว่าก่อนจะก้าวขึ้นมาระดับนี้ได้ โรนัลโด้ (บราซิล) มีอาการบาดเจ็บ ชนิดที่เรียกได้ว่าเกือบเเขวนสตั๊ดมาเเล้ว

 

โรนัลโด้ มีอาการบาดเจ็บที่เรียกว่า “ทร็อคเคลียร์ ดิสพลาเซีย” หรือปัญหาการทำงานร่วมกันของกระดูกสะบ้าและกระดูกต้นขาไม่ปกติ สมัยที่ค้าเเข้งกับอินเตอร์ มิลาน ในปี 1999 เเละต้องรักษามาอย่างยาวนาน ขนาดที่ว่าในฤดูกาล 2000-2001 เขาต้องพักทั้งฤดูกาล

 

อย่างไรก็ตาม เเม้ว่าจะเป็นอาการบาดเจ็บที่หาได้ยากเเละโหดร้าย เเต่ด้วยจิตใจที่เป็นนักสู้ โรนัลโด้ หายกลับมาด้วยสภาพความเร็วที่หายไปพอสมควร อย่างไรก็ตาม 1 ปีหลังจากหายเจ็บเเทนที่ฟอร์มจะตกเเต่บางคนบอกว่าเป็นช่วงที่ดีที่สุดของเขา ลงสนามให้ อินเตอร์ มิลาน ยิงไป 7 ประตู จาก 10 เกม ก่อนพาทีมชาติบราซิล คว้าเเชมป์โลกปี 2002 พร้อมกับตำเเหน่งดาวซัลโว เเละรางวัลบัลลงดอร์ สมัยที่ 3 ก่อนจะย้ายไปโกยเเชมป์มากมายกับเรอัล มาดริดด้วยประตูที่ทำได้กว่า 83 ลูกด้วย

 

2. ฌิบริล ซิสเซ่ (ลิเวอร์พูล)

 

อดีตกองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสของ ลิเวอร์พูล เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เเฟนบอลไม่เคยลืม หลังจากเจ้าตัวลงสนามให้กับต้นสังกัด ในเกมลีก พบกับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ปี 2004 จากการเข้าปะทะกับ เจมส์ แม็คอีฟลี่ย์ ทำให้เขาถึงขั้นขาหักทะลุหน้าเเข้งออกมา แต่เขาก็สามารถกลับมาลงสนามได้ในอีก 7 เดือนต่อมา ทั้งๆที่หลายคนคาดว่า ซิสเซ่อาจต้องพักยาว 6 – 9 เดือน นอกจากนี้ในปี 2005 ซิสเซ่ ยังสามารถกลับมาคว้า 2 แชมป์ใหญ่ ทั้งยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เเละ ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ ส่วนในปีต่อมาก็ยังคว้าเเชมป์ เอฟเอ คัพ กับทีมหงส์เเดงได้อีกด้วย ก่อนย้ายออกจาก แอนฟิลด์ ไปเมื่อปี 2006 โดยยิงไปทั้งหมด 13 ประตู จาก 49 แมตช์ แต่ไม่นานหลังจากนั้น ซิสเซ่ ก็ต้องโชคร้ายได้รับบาดเจ็บขาหักอีกครั้งจากการเล่นอุ่นเครื่องให้ทีมชาติฝรั่งเศส พบกับจีน ถึงขั้นข้อเท้าบิดเบี้ยว สร้างความสยดสยองให้กับผู้ที่ได้เห็นภาพนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้

 

3. อันโตนิโอ วาเลนเซีย (เเมนฯยู)

 

กัปตันทีม เเมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กว่าจะก้าวมาถึงตอนนี้ ดาวเตะเอกวาดอร์ต้องผ่านอะไรมาอย่างมากมาย รวมถึงอาการบาดเจ็บที่สุดทนใน เกมยูฟา แชมเปียนส์ ลีก เมื่อปี 2010 หลังจากปะทะกับนักเตะ เรนเจอร์ส และเสียหลักล้มผิดท่าจนข้อเท้าหักเบี้ยวผิดรูปเเละต้องพักยาวตลอดทั้งฤดูกาล เรียกได้ว่าเป็นภาพที่น่ากลัวอย่างมาก

 

หลังจากหายเจ็บสถานการณ์ของเจ้าตัวก็ยังไม่ดีเท่าไหรนัก จนมาถึงช่วงเปลี่ยนเเปลง หลังทีมปีศาจเเดงได้ หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือผู้มอบตำแหน่งแบ็คขวาอาชีพให้กับเขา จากปีกสู่เเบ็ค ทำให้ดาวเตะผิวสี เเจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวเพราะมีความเร็วเป็นทุนเดิมอยู่เเล้ว บวกกับความเเข็งเเกร่ง ทำให้เขาถูกยกย่องเป็นเเบ็คขวาที่ดีที่สุดคนหนึ่งตั้งเเต่ทีมปีศาจเเดงมีมา นอกจากนั้นเจ้าตัวยังพาทีมประสบความสำเร็จมากมาย เเชมป์ ลีก 2 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัยเเละ ยูฟ่า เเชมป์เปี้ยน ลีก 1 สมัย รวมถึงการถูกเเต่งตั้งเป็นกัปตันทีมปีศาจเเดงในตอนนี้ เรียกได้ว่าเจ้าตัวคงลืมอาการบาดเจ็บในครั้งนั้นไปเเล้วเเน่นอน

 

4. รุด ฟาน นิสเตลรอย (พีเอสวีฯ)

 

เป็นดาวยิงที่ร้อนเเรงที่สุดคนหนึ่งของทีมปีศาจเเดง สร้างชื่อเสียงสมัยเล่นกับ พีเอสวี ไอน์โฮเฟ่น ซัดไป 70 ประตู กับการลงสนาม 79 เกม เเต่เส้นทางที่กำลังจะรุ่ง ดูเหมือนจะมีปัญหา หลังเจ้าตัวมีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าอย่างรุ่นแรง

 

ในปี 2000 เเละต้องพักรักษาตัวกว่า 1 ปีเต็ม เเต่อาการเจ็บของเขาก็ไม่ทำให้ เเมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลังเลที่จะคว้าตัวเขาไปร่วมทีม ซึ่ง ฟาน นิสเตลรอย ก็ตอบเเทนความไว้ใจของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้อย่างหมดจด ยิงไปถึง150 ประตูจากการลงสนาม 219 นัด พาทีมคว้าเเชมป์มากมาย จนถูกยกย่องเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดของทีมปีศาจเเดงในยุคนั้น

 

5. โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ (เเมนฯ ยู)

 

อดีตกองหน้าที่เป็นจอมเจ็บอยู่เเล้ว ย้ายมาอยู่กับอาร์เซน่อลตั้งเเต่อายุ 19 ปี ต้องใช้เวลาพอสมควรในการปรับตัวกับสไตล์การเล่นหนักหน่วงในลีกอังกฤษ เพราะเป็นกองหน้าที่ค่อยข้างร่างบางเเละมักเป็นเป้าหมายของกองหลังจอมโหดอยู่เเล้ว

 

ในฤดูกาล 2009-10 ฟาน เพอร์ซี่ มีอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า เเละได้ลงสนามไปเพียง 20 เกมเท่านั้น รวมทุกรายการตลอดทั้งซีซั่น ทำให้หลายคนคิดว่าคงถึงจุดจบของดาวยิงรายนี้เเล้ว อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น ยิงกลายเป็นจุดพีคของเจ้าตัว ในฤดูกาลต่อมา ระเบิดฟอร์มยิงไป 22 ประตู จากการลงสนาม 33 เกม ต่อไปถึงฤดูกาล 2011–12 ที่ยิงไปถึง 37 ประตูรวมทุกรายการ เเละ 30 ประตูในลีกคว้าตำเเหน่งดาวซัลโวทีม จนทีมปีศาจเเดงคว้าตัวไปร่วมทีม เเละก็ยังคงฟอร์มที่ยอดเยี่ยม ซัดไป 30 ประตูจากการลงสนาม 48 นัด พาทีมคว้าเเชมป์ พรีเมียร์ ลีก พร้อมรางวัลส่วนตัวทั้ง คว้าดาวซัลโว เเละ นักเตะยอดเยี่ยม

 

6.อลัน เชียเรอร์ (นิวคาสเซิล)

 

ระเบิดฟอร์มเเละสร้างชื่อสมัยที่เล่นกับ แบล็คเบิร์น ในฤดูกาล 1994–95 ระเบิดฟอร์มยิง 34 ประตูในลีก พาทีมผงาดคว้าเเชมป์ลีกได้อย่างยิ่งใหญ่ จน นิวคาสเซิล ทุ่มเงินถึง 15 ล้านปอนด์คว้าตัวเขาไปร่วมทีม ในปี 1996-97 ฟอร์มของ เชียเรอร์ ยังคงยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง จนถึงฤดูกาล 1997-98 เจ้าตัวได้รับบาดเจ็บรุนเเรงที่ข้อเท้า ต้องร้างสนามไปนาน ลงเล่นไปเพียง 23 เกม รวมทุกรายการ ยิงไปเพียง 7 ประตู เเละ 2 ลูกในลีกเท่านั้น เเต่หลังจากนั้น เจ้าตัวก็กลับมาระเบิดฟอร์มอีกครั้ง เเละได้ชื่อว่าเป็นคนเเบกทีมมาตลอด ถึงเเม้ว่าเขากับ นิวคาสเซิล จะไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องของเเชมป์ เเต่ฟอร์มในการทำประตูของ เชียเรอร์ ยังคงยอดเยี่ยม ตลอด 10 ฤดูกาลกับทีม มีเพียง 2 ฤดูกาลที่เขายิงไม่ถึงเลข 2 หลัก

 

7.อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ (ยูเวนตุส)

 

ตำนานดาวยิงทีมชาติอิตาลีเเละยูเวนตุส ค่าเเข้งอยู่กับทีมม้าลายอย่างยาวนาน เเละดีมาตลอดจนถึงฤดูกาล 1998–99 เจ้าตัวมามีอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้องพักนาน 3-4 เดือน ทำให้ได้ลงเล่นให้ทีมไปเพียง 14 เกมตลอดทั้งฤดูกาล เเละฟอรืมเก่งที่เคยมีก็หายไปด้วย อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวยังได้รับการหนุนหลังจากเพื่อนร่วมทีม รวมถึงได้รับมอบปลอกเเขนกัปตันทีม ทำให้เจ้าตัวกลับมามีฟอร์มที่ยอดเยี่ยมอีกครั้ง เเม้ความเร็วเเละความฟิตจะหายไปพอสมควร เเต่เขาก็ยังเป็นกำลังสำคัญของยูเว่ ในการพาทีมคว้าเเชมป์ ลีก ถึง 5 สมัย ขณะเดียวกันกับเเข้งตลอดกับทีมม้าลาย ลงสนามไปทั้งสิ้น 705 นัด ซัดไป 290 ประตู

 

8.ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ (โรม่า)

 

เจ้าของฉายา “เจ้าชายหมาป่า” เป้นนักเตะที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดคนหนึ่งของวงการฟุตบอลอิตาลี เป็นกองกลางพันธ์ดุ ที่มีจุดเด่นในการทำประตู ได้ชื่อว่าเป็นกัปตันทีมโรม่าที่อายุน้อยที่สุดด้วยวัย 20 ปี เเต่ในปี 1998 เจ้าตัวที่กำลังฟอร์มดีมาตลอดทั้งฤดูกาล มีอาการบาดเจ็บที่เข่าจนชวดติดทีมชาติลุยศึกฟุตบอลโลก เเละต้องพักรักษาตัวเป็นเวลานาน

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยจิตใจที่เเข็งเเกร่ง เจ้าตัวสลัดความผิดหวังทั้งหมด หลังจากนั้นเเค่ 2 ปี เจ้าตัวก็ผงาดพาโรม่า คว้าเเชมป์ลีกอิตาลีได้อย่างยิ่งใหญ่ เเละคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของลีกด้วย เเละเจ้าตัวก็ยังรักษามาตราฐานของตัวเองได้อย่างดี ในฤดูกาล 2006-07 เจ้าตัวที่ถูกดันขึ้นมาเล่นกองหน้า ซัดไปถึง 32 ประตูคว้ารางวัลดาวซัลโวไปครองอีกด้วย ก่อนจะประกาศเเขวนสตั๊ดในฤดูกาล 2016-17 ปิดตำนานเจ้าชายหมาป่าอย่างยิ่งใหญ่