ใครว่าไม่เปลี่ยน : 7 ลูกเล่นเพิ่มเติมใหม่สุดน่าสนใจใน FIFA 21

 

หลังจากรอมาเนิ่นนานหลายเดือน ในที่สุดคอเกมทั่วโลกก็จะได้จับจอยเพื่อดวลแข้งกันใน FIFA 21 แล้ว

 

แม้ว่าเกมจะปล่อยให้เล่นอย่างเป็นทางการในวันศุกร์นี้ (เริ่มตั้งแต่ 00:00 น. ตามเวลาประเทศไทย) แต่สำหรับคนที่กดพรีออเดอร์ในเวอร์ชั่นที่แพงกว่า Standard Edition ขึ้นไป พวกเขาต่างได้โอกาสลองเล่นเกมลูกหนังภาคใหม่ล่าสุด EA ตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา

 

ไม่ว่าคุณจะเล่น Career Mode, Ultimate Team, Pro Clubs หรือ Volta มีเรื่องให้ตื่นเต้นมากมาย ทั้งสำหรับผู้เล่นที่ประเดิมเกมนี้ไปแล้วหรือผู้ที่ตั้งตารอคอยตั้งแต่วันศุกร์เป็นต้นไป

 

บ่อยครั้งที่ FIFA ภาคใหม่ที่ออกมาแต่ละปี มักจะมีการบ่นว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากภาคเก่ามากนัก แต่สำหรับคนที่ได้ลองไปแล้ว เรามั่นใจว่าพวกเขาจะรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในภาคนี้แน่นอน

 

และนี่คือ 7 ลูกเล่นใหม่เพิ่มเติมที่น่าสนใจใน FIFA ภาคล่าสุดประจำปีนี้

 

 

จังหวะได้เปรียบที่เลือกเองได้

 

 

จังหวะได้เปรียบคือส่วนสำคัญในฟุตบอล และเมื่อผู้ตัดสินเห็นว่าฝ่ายครองบอลได้เปรียบอยู่ ก็จะปล่อยให้เล่นต่อไป แต่บ่อยครั้งที่ทีมต่างที่ต้องการลูกฟรีคิกจะเลือกโดยการหยุดเล่นในจังหวะนั้นๆ ซึ่งเป็นการเล่นที่ไม่ได้เปรียบ และเชิ้ตดำก็จะเป่าฟาวล์ให้ในที่สุด

 

แย่หน่อยที่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ถูกนำมาใส่ใน FIFA บางครั้งการหยุดเล่นก็ได้ผลในการได้ฟาวล์จากจังหวะที่ไม่ได้เปรียบ แต่ว่ามันก็ไม่เช่นนั้นเสมอไป และอาจทำให้คุณเสียโอกาสในการเล่นไปเลย

 

แต่ EA ได้แก้ไขมันแล้วในภาคใหม่นี้ เมื่อได้เปรียบอยู่ คุณมีตัวเลือกกดยกเลิกมันได้ด้วยการกดปุ่มที่ขึ้นอยู่ขวาบนของจอ (ปุ่ม L2+R2 สำหรับ Playstaion และ LT+RT สำหรับ Xbox) โดยคุณสามารถยกเลิกได้เพียงระยะเวลาที่เกมระบุซึ่งจะมีแถบสีแดงนับถอยหลังเวลาในการเลือกยกเลิก 

 

คราวนี้คุณจะไม่หงิดหงุดกับจังหวะได้เปรียบที่ไม่ต้องการ โดยเฉพาะกับผู้เล่นที่มีทีเด็ดในการเล่นลูกฟรีคิก

 

 

กำหนดทิศคนวิ่งทำทาง

 

 

อีกสิ่งใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในภาคนี้คือการกำหนดทิศทางในการวิ่งของนักเตะ ใน FIFA ภาคก่อน คุณสามารถทำชิ่ง 1-2 ได้ แต่ก็ควบคุมได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นในจังหวะที่นักเตะคนแรกปล่อยบอลออกไป

 

แต่ตอนนี้ คุณสามารถกำหนดได้เต็มที่ว่าอยากให้พวกเขาวิ่งไปทางไหน เมื่อจ่ายบอลให้ โดยกดปุ่มอนาล็อกขวาค้างไว้ไปในทิศทางใดก็ได้ และนักเตะที่จ่ายบอลก็จะเคลื่อนที่ไปตามนั้น

 

และนี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นทำได้แค่การชิ่ง 1-2 เท่านั้น เพราะแข้งฝีเท้ายอดจะถูกใช้วิ่งทำทางเพื่อดึงกองหลังออกจากกรอบเขตโทษ หรือเปิดพื้นที่ให้กับผู้เล่นคนอื่นๆ อีกทั้งยังสามารถควบคุมคนวิ่งทำได้มากกว่าคนครองบอลด้วย แต่ถ้าคุณไม่ใช้ผู้เล่นมือโปรก็อาจปวดหัวกับการใช้มันพอสมควร

 

ตัวบอกทิศทางการวิ่งจะปรากฏขึ้นก็ต่อเมื่อคุณเปิด On ในตัวเลือก FIFA Trainer แต่คุณสามารถปรับเปลี่ยนการตั้งค่าให้แสดงแค่ทิศทางเพียงอย่างเดียวเพื่อหลีกเลี่ยงการช่วยเหลือที่น่ารำคาญได้

 

 

Interactive Match Sim ในโหมดอาชีพ

 

 

หากคุณเป็นคอเกมรุ่นเก๋าซักหน่อยอาจจะทราบว่า การควบคุมผลลัพธ์การแข่งขันด้วย Match Sim ไม่ใช่ของใหม่ใน FIFA เพราะมันมีมาแล้วในคอนโซลรุ่นที่ 6 (PS2, Xbox และอื่นๆ) แต่มันก็หายไปนานหลายปีก่อนจะกลับมาอีกครั้งในภาคใหม่นี้ และได้รับการอัพเกรดอย่างมาก

 

การจำลองการแข่งขันในภาคก่อน (ไม่ใช่การกดข้ามแมตช์ หรือ Skip) จะมีแค่ข้อความบอกเหตุการณ์สำคัญ เช่น ประตู, จังหวะบาดเจ็บ, ใบเหลือง ใบแดง หรือการเปลี่ยนตัว ทว่าในภาคนี้พอจะบอกได้ว่าดูใกล้เคียงกับ Football Manager ในยุคก่อนเลย

 

จากข้อความสรุปสั้นๆ คุณสามารถเห็นกราฟฟิค 2D วงกลมวิ่งไปมาพร้อมลูกบอลในสนาม เพื่อเห็นรูปเกมต่างๆได้ อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนแผน, เล่นเกมรุกรับแบบไหน หรือดูค่าความฟิตหรือค่าเฉลี่ยผลงานในเกมของนักเตะทั้ง 2 ฝั่งได้ด้วย

 

นอกจากนี้ยังสามารถ Jump In เข้าไปควบคุมนักเตะแบบปกติตอนไหนที่คุณต้องการก็ได้ และกระโดดกลับมาหน้า Match Sim ได้เหมือนเดิมก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน  

 

 

เกมเพลย์

 

 

แม้ว่าภาพรวมจะดูเหมือนเดิมไม่มีอะไรแตกต่างเท่าไหร่ แต่จริงๆแล้วในส่วนของ เกมเพลย์ FIFA 21 นั้นดูลื่นไหลกว่า FIFA 20 มากพอสมควรเลย โดย ‘Agile Dribbling’ เป็นฟีเจอร์ชูโรง ซึ่งมีลักษณะการเลี้ยงบอลติดเท้าอย่างรวดเร็ว หักหลบหรือหมุนหลบการเข้าสกัดของกองหลังได้คล่องขึ้น

 

อีกทั้ง EA ยังได้ปรับปรุงการครอสบอล และจังหวะการเล่นลูกกลางอากาศให้ดีขึ้นด้วย โดยในภาคก่อน แทบเป็นไปไม่ได้เลย และไม่คุ้มค่าที่จะทำประตูจากลูกครอสหรือลูกเตะมุม หลังเคยทำประตูจากจังหวะได้ง่ายดายเกินไปใน FIFA 19 แต่ในภาคนี้ พวกเขาได้ปรับมันให้สามารถทำประตูได้ง่ายขึ้น แต่ก็ยังความสนุกและท้าทายไว้ด้วย 

 

ระบบการป้องกันเป็นอีกจุดที่สังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย หลังภาคก่อน กองหลังค่าความเร็วต่ำมักจะโดนตัวรุกสปีดจัดจ้านวิ่งฉีกทิ้งเป็นทุ่ง แต่ภาคนี้กองหลังความเร็วไม่มากก็สามารถทำความเร็วได้พอสมควร รวมถึงอนิเมชั่นการสกัดที่เพิ่มเติมเข้ามา และสมจริงมากขึ้น

 

อีกหนึ่งสิ่งที่ปรับปรุงเรื่องฟิสิกส์คือระบบ Natural Collisions ปรับของเดิมที่กองหลังวิ่งไม่ดูทาง สะดุดทีมเดียวกันล้ม ปรับให้หลีกเลี่ยงการล้มได้ดีขึ้น ไม่มั่วชุลมุนในกรอบเขตโทษจนโดนคู่แข่งแย่งไปยิงประตูจนหัวร้อนเหมือนในภาคก่อน

 

 

แข้งลูกหม้อจากทีมเยาวชนในโหมดอาชีพ

 

 

ย้อนกลับไปในโหมดอาชีพ และอีกการพัฒนาสุดแจ่มที่เพิ่มเข้ามาใน FIFA 21 คือการอัพเดททีมเยาวชน ในขณะที่เกมยังให้ความสำคัญในการจัดตั้งทีมแมวมองว่าจะหาดาวรุ่งที่ไหนในแต่ละฤดูกาล แข้งลูกหม้อในทีมเยาวชนก็มีให้ผู้เล่นเลือกใช้งานแบบเสร็จสรรพ

 

สิ่งนี้ทำให้เกมมีความสมจริงมากขึ้นตามแบบฉบับโลกลูกหนังของจริง เพราะสโมสรต่างๆล้วนมีทีมเยาวชนของตัวเองอยู่แล้ว อีกทั้งยังทำให้คุณสามารถทำภารกิจที่บอร์ดต้องการได้ง่ายขึ้นด้วย

 

นอกจากนี้ ระบบพัฒนานักเตะ ยกเครื่องใหม่ให้ดูสะดวกง่ายขึ้นและสมจริงยิ่งขึ้น เรื่องของ บทบาท และ ตำแหน่ง มีความสำคัญมากขึ้น ซึ่งสามารถปรับแต่งให้นักเตะเน้นบทบาทไหน หรือตำแหน่งใหม่ก็ทำได้

 

 

Skill move ที่เปลี่ยนไป

 

 

ทักษะคือสิ่งที่กลับมีประโยชน์อีกครั้งใน FIFA 21 แตก็มีการเปลี่ยนแปลงที่น่าจะสนใจอีกด้วย

 

ในภาคก่อนๆ ผู้เล่นสามารถใช้ Skill move นั้นๆได้ ถ้านักเตะมีค่า Skill ตามที่ต้องการ เพราะฉะนั้น ท่า Skill move 4 ดาว ก็ทำได้เฉพาะนักเตะที่มีค่านี้ 4 ดาวขึ้นไป หรือคนที่มีค่า Skill 5 ดาว ก็สามารถทำท่าพิเศษได้ แต่ในฟุตบอลจริงๆมันไม่ใช่แบบนั้น

 

ไม่ว่าคุณจะมีทักษะดีน้อยแค่ไหน ผู้เล่นทุกคนบนโลกก็สามารถพยายามโชว์ทักษะต่างๆในสนามได้ตามที่พวกเขาต้องการ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเขาว่าจะทำมันออกได้สมบูรณ์แบบขนาดไหน

 

และตอนนี้สิ่งนั้นก็เกิดขึ้นใน FIFA 21 ผู้เล่นทุกคน แม้แต่ผู้รักษาประตู สามารถลองใช้ทักษะใดก็ได้ แต่ความสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับค่า Skill ของผู้เล่นในเกมมีด้วย

 

 

สิ้นสุดยุคคู่หูพากย์ ไทเลอร์-สมิธ 

 

 

การเปลี่ยนแปลงนี้อาจน่าเศร้าพอสมควร สำหรับคนที่ติดตาม FIFA มาหลายปี รวมถึงแฟนบอลที่รู้จักนักพากย์คู่หู มาร์ติน ไทเลอร์ และ อลัน สมิธ

 

นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2005 ที่คอเกม FIFA จะไม่ได้ยินเสียงของ ไทเลอร์ และ สมิธ หลังในช่วงหลายปีก่อน เราสามารถเปลี่ยนไปมาระหว่างคู่ของ ไทเลอร์-สมิธ กับคู่ของ เดเร็ค เรย์ และ ลี ดิ๊กสัน ได้

 

ในตอนนี้เหลือเพียงคู่พากย์ เรย์-ดิ๊กสัน เท่านั้น ซึ่งการเปลี่ยนนักพากษ์เคยเกิดขึ้นมาแล้วในซี่รีย์ FIFA โดย จอห์น ม็อตสัน คือคนแรกที่ให้เสียงพากษ์ในเกมนี้ และได้ลงเสียงร่วมกับ อัลลี่ แม็คคอยส์ และ แอนดี้ เกรย์ จากนั้นก็ถูกแทนที่ด้วย ไคลฟ์ ไทล์สลีย์ ก่อนที่ ไทเลอร์ จะรับช่วงต่อตั้งแต่ ภาค 06 จนถึง ภาค 20

 

สำหรับบางคนที่ชื่นชอบการฟังเสียงพากษ์บอลอยู่ อาจรู้สึกเศร้ากับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเปลี่ยนครั้งนี้จะนำความสดใหม่ให้กับเกมอีกครั้ง 

 

เชื่อว่าหลายคนก็เบื่อไม่น้อยกับการได้ยินว่า อลัน สมิธ ย้ายไปเล่นกับ เลสเตอร์ แบบยืมตัวเมื่อไหร่ และเคยลงเล่นเจอกับ อาร์เซน่อล ต้นสังกัดของเขา เช่นกัน