วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และสุดสัปดาห์นี้ 5 ลีกใหญ่ของยุโรป ก็จะเดินทางมาถึงฉากสุดท้ายของฤดูกาลแล้ว โดยเวลานี้บางลีกแม้จะได้ทีมแชมป์ไปแล้ว แต่สถานการณ์อื่นๆ ยังน่าจับตาไม่เหลือเกิน
อย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แม้จะได้ทีมแชมป์ และทีมที่ตกชั้นครบองค์ไปแล้ว แต่การฟาดฟันในถ้วยยุโรปยังต้องลุ้นกันแบบนาทีต่อนาที ขณะที่ ลาลีกา สเปน การลุ้นแชมป์ระหว่าง 2 ทีมแห่งเมืองมาดริด ยังคงระทึกกันแบบสุดๆ รวมไปถึง ลีกเอิง ฝรั่งเศส ที่แชมป์เก่าอย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง นั้นต้องสู้กับ ลีลล์ จ่าฝูงของตาราง
มาดูกันเลย กับสถานการณ์ชี้ชะตา 5 ลีกยุโรปในบทส่งท้ายแห่งฤดูกาลในสุดสัปดาห์นี้
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
เวลาแข่งขัน : วันอาทิตย์ที่ 23 พ.ค. เวลา 22.00 น. (เตะพร้อมกันทุกคู่)
ทีมแชมป์ : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผงาดคว้าแชมป์ฤดูกาลนี้ไปครองเรียบร้อยแล้วด้วยการมี 83 คะแนน อย่างไรก็ตาม ในนัดสุดท้ายที่จะลงเล่นนั้นจะยังมีผลต่อทีมอื่น เนื่องจาก เอฟเวอร์ตัน ที่เวลานี้รั้งอันดับ 8 ยังมีลุ้นไปเตะ ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ลีก รายการใหม่ที่จะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในฤดูกาลหน้า ซึ่งในพรีเมียร์ลีก นั้นจะเอาทีมอันดับ 7 ไปเล่นนั่นเอง
ลุ้นโควต้ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก : แมนฯซิตี้ และ แมนฯยูไนเต็ด แชมป์และรองแชมป์ คือ 2 ทีมที่การันตีควั๋าตั๋ว UCL ฤดูกาลหน้าแน่นอนแล้ว อย่างไรก็ตามทีมอันดับ 3 เชลซี ,อันดับ 4 ลิเวอร์พูล และ อันดับ 5 เลสเตอร์ นั้นยังต้องลุ้นกันจนนาทีสุดท้าย
เริ่มจาก เชลซี อันดับ 3 เวลานี้มี 67 คะแนน นัดสุดท้ายพวกเขาต้องบุกไปเยือน แอสตัน วิลล่า ทีมอันดับ 11 ของตาราง ซึ่งหากชนะก็การันตีอันดับ 3 แน่นอน แต่หากเสมอ หรือ แพ้ ก็ต้องลุ้นให้ ลิเวอร์พูล หรือ เลสเตอร์ อย่างน้อยทีมใดทีมนึงไม่ชนะคู่แข่งในนัดสุดท้าย หรืออีกหนึ่งทางคือพวกเขาต้องคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่จะพบกับ แมนฯ ซิตี้ มาครองให้ได้
ส่วน ลิเวอร์พูล ที่รั้งอันดับ 4 จากการมี 66 คะแนน จะเปิดแอนฟิลด์ ดวลกับ คริสตัล พาเลซ ซึ่งหากชนะ ก็ติดท็อปโฟร์แน่นอน แต่หากไม่ชนะต้องลุ้นให้ เลสเตอร์ ทีมอันดับ 5 ไม่ชนะ สเปอร์ส ด้วยสถานเดียวเท่านั้น
ขณะที่ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ร่วงมาเป็นอันดับ 5 มีแต้มเท่ากับ ลิเวอร์พูล ที่ 66 คะแนน แต่ประตูได้เสียน้อยกว่า 4 ลูก จะเปิดคิงเพาเวอร์ ดวลกับ ท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ ทางเดียวที่ทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส จะจบท็อปโฟร์ ได้นั่นคือพวกเขาต้องเอาชนะ สเปอร์ส เท่านั้น และก็ต้องลุ้นให้ หงส์แดง หรือ สิงห์บลูส์ พร้อมใจสะดุดไม่ชนะในเกมสุดท้าย หรือหนทางสุดท้ายก็คือต้องถล่ม สเปอร์ส ให้ได้มากที่สุดจนแซงประตูได้เสีย ที่ตาม ลิเวอร์พูล อยู่ 4 ลูกเป็นอย่างน้อยนั่นเอง
ลุ้นโควต้า ยูโรป้า ลีก : เวลานี้ เลสเตอร์ ซิตี้ อันดับ 5 มี 66 แต้ม กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่มี 62 แต้ม นั้นแทบจะแบเบอร์แล้ว แต่หากปาฏิหารย์จะเกิดขึ้นก็คือ นัดสุดท้าย เวสต์แฮม จะต้องแพ้ เซาธ์แฮมป์ตัน คาบ้าน ขณะที่ ท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ ทีมอันดับ 7 ต้องบุกไปชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ ให้ได้สถานนเดียว ถึงจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ตรงนี้ได้
ลุ้นโควต้า ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ลีก : รายการใหม่ของ ยูฟ่า ซึ่งทีมที่ได้อันดับ 7 ของพรีเมียร์ลีกจะได้ไปเล่นรายการนี้ สถานการณ์เวลานี้ มี สเปอร์ส (อันดับ7 59 ตะแนน) ,เอฟเวอร์ตัน (อันดับ 8 59 คะแนน) และ อาร์เซน่อล (อันดับ 9 58 คะแนนที่ยังมีลุ้น) ซึ่งตรงนี้หากมองจาก การที่ สเปอร์ส ต้องบุกไปเยือน เลสเตอร์ และ เอฟเวอร์ตัน ต้องบุกไปเยือน แมนฯซิตี้ ทำให้ อาร์เซน่อล ที่จะได้เปิดบ้านดวล ไบรท์ตัน มีลุ้นคืนชีพทันที เพราะหากพวกเขาชนะ และสองทีมข้างต้นไม่ชนะคู่แข่ง ไอ้ปืนใหญ่ จะพลิกขึ้นมารั้งอันดับ 7 และคว้าตั๋วยุโรปได้แบบเหลือเชื่อทันที
ลุ้นหนีตกชั้น : ไม่ต้องลุ้นอะไรแล้ว เพราะได้ครบ 3 ทีมแล้วจ้า คือ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (อันดับ 20) ,เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน (อันดับ 19) และ ฟูแล่ม (อันดับ18)
ลุ้นดาวซัลโว : จะเป็นการดวลกันระหว่าง แฮร์รี่ เคน ดาวยิง สเปอร์ส กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แนวรุกลิเวอร์พูล ที่ซัดไป 22 ประตูเท่ากัน ขณะที่อันดับ 2 ตามมาห่างๆนั้นเป็น บรูโน่ แฟร์นานเดส จอมทัพจาก แมนฯยูไนเต็ด ที่ยิงไป 18 ประตู
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ลาลีกา สเปน
เวลาแข่งขัน : เตะวันศุกร์ ที่ 21 พ.ค. 1 คู่ เวลา 02.00น. (เลบานเต้ – กาดิซ) , วันเสาร์ที่ 22 พ.ค เตะพร้อมกันในเวลา 23.00น. 8 คู่ และเตะในเวลา 02.00 น. 1 คู่ (เซบีญ่า – อลาเบส)
ลุ้นแชมป์ : สถานการณ์ของ ลีก กระทิงดุ ตอนนี้มีทีมลุ้นแชมป์อยู่ 2 ทีมก็คือสองแข้งจากเมืองหลวง “ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด ที่มีอยู่ 83 คะแนน และ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ที่มีอยู่ 81 คะแนน หากว่า แอตฯมาดริด ได้แชมป์จะเป็นสมัยที่ 11 และเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2014 ส่วน เรอัล มาดริด ลุ้นป้องกันแชมป์ และแชมป์สมัยที่ 35
แอตเลติโก มาดริด นัดสุดท้ายจะบุกไปเยือน ทีมลุ้นหนีตกชั้นอันดับ 19 อย่าง เรอัล บายาโดลิด หากบุกไปชนะก็คือแชมป์ทันที แต่หากเสมอ จะทำให้พวกเขามี 84 คะแนน และถ้าหาก เรอัล มาดริด ที่จะเปิดบ้านดวลกับ บีญาร์เรอัล ทีมอันดับ 7 หากชนะพวกเขาจะมี 84 คะแนนเท่ากัน ดังนั้นการตัดสินแชมป์จะไปวัดกันที่การตัดสินแบบเจอกันโดยตรง หรือว่า Head to Head
ซึ่งนั่นจะทำให้ เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ทันที เพราะการเจอกันโดยตรงของคู่นี้ เริ่มจากนัดแรก วันที่ 12 ธันวาคม 2020 เรอัล มาดริด ชนะที่ซานดิอาโก้ เบอร์นาเบว 2-0 จากนั้นพบกันในนัดที่ 2 ของฤดูกาล เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2021 เสมอกัน 1-1 ที่ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่
ลุ้นโควต้ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก : ได้ครบแล้ว 4 ทีม แอตเลติโก มาดริด (83คะแนน) ,เรอัล มาดริด (81คะแนน) ,บาร์เซโลน่า (76 คะแนน) ,เซบีญ่า 74 (คะแนน)
ลุ้นหนีตกชั้น : ลุ้นหนีตายเหลือลุ้นอยู่ 2 จาก 3 ที่ เนื่องจาก เออิบาร์ ตกชั้นไปแล้วเรียบร้อยหนึ่งทีม โดยที่ลุ้นอยู่คือ อันดับ 17 อ้วยส์ก้า มี 33 คะแนน, อันดับ 18 เอลเช่ 33 คะแนน และอันดับ 19 บายาโดลิด 31 คะแนน ซึ่งการเตะนัดสุดท้ายของทั้ง 3 ทีมนั้น อ้วยส์ก้า เปิดบ้านพบกับ บาเลนเซีย, เอลเช่ เล่นในบ้านพบกับ แอธเลติค บิลเบา และบายาโดลิด เปิดบ้านเจอกับ แอตเลติโก มาดริด ซึ่งหาก บายาโดลิด ชนะจะมี 34 คะแนน พร้อมกับ อ้วยส์ก้า และ เอลเช่ เสมอทั้งคู่ จะทำให้ทั้ง 3 ทีมมี 34 คะแนนเท่ากัน จะเป็น อ้วยส์ก้า ที่อยู่รอด เนื่องจากสถิติการพบกันโดยตรงนั้น อ้วยส์ก้า เสมอ บายาโดลิด 2-2 และ บายาโดลิด แพ้ อ้วยส์ก้า 1-3
ลุ้นดาวซัลโว : แทบจะแบเบอร์แล้วสำหรับ ลีโอเนล เมสซี่ ดาวเตะบาร์ซ่า ที่ยิงไป 30 ประตู ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง เกราร์ด โมเรโน่ ดาวยิง บีญาร์เรอัล ที่ซัดไปเพียง 23 ประตูเท่านั้น
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี
เวลาแข่งขัน : วันเสาร์มีลงสนาม 3 คู่ ในเวลา 01.45 น. ขณะที่วันอาทิตย์ อินเตอร์ มิลาน แชมป์ฤดูกาลนี้จะดวลกับ อูดิเนเซ่ ในเวลา 20.00 น. ส่วนอีก 6 คู่ที่เหลือจะฟาดแข้งพร้อมกันในเวลา 01.45 น.
ทีมแชมป์ : อินเตอร์ มิลาน ผงาดคว้าแชมป์ฤดูกาลนี้ไปแล้ว นับเป็นแชมป์สมัยแรกในรอบ 11 ปีของสโมสร ด้วยการมี 88 คะแนน
ลุ้นโควต้ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก : ดุเดือดแน่นอน ไล่ตั้งแต่ อันดับ 2 อตาลันต้า (78 คะแนน) ,อันดับ 3 เอซี มิลาน (76 คะแนน) ,อันดับ 4 นาโปลี (76 คะแนน) และอันดับ 5 ยูเวนตุส (75 คะแนน)
อตาลันต้า รองจ่าฝูง จะรับการมาเยือนของ เอซี มิลาน เวลานี้ อตาลันต้า นั้นการันตีติดท็อปโฟร์แน่นอนแล้ว ขณะที่ เอซี มิลาน ไม่ชนะ ต้องลุ้นหนัก เนื่องจาก ยูเวนตุส ทีมอันดับ 5จะบุกไปเยือน โบโลญ่า ทีมอันดับ 11 และหาก ยูเวนตุส ชนะจะมีเพิ่มเป็น 78 คะแนน จะแซง มิลาน ขึ้นมาคว้าตั๋วท็อปโฟร์ทันที
ทั้งนี้ หาก มิลาน ไม่ชนะจริงๆ ก็ต้องลุ้นให้ อันดับ 4 อย่าง นาโปลี ที่จะเปิดบ้านดวลกับ เวโรน่า ทีมอันดับ 10 ต้องไม่ชนะเช่นกัน จะได้ตั๋วUCL ด้วยผลเฮดทูเฮดที่ดีกว่า
ลุ้นยูโรป้าลีก : เวลานี้ ลาซิโอ อันดับ 6 นั้นการันตีไปเตะถ้วยนี้ในฤดูกาลหน้าแน่นอนแล้ว ส่วนอีกทีม ต้องลุ้นกันระหว่าง ยูเวนตุส อันดับ 5 (75 คะแนน) ,นาโปลี อันดับ 4 (76 คะแนน) และ เอซี มิลาน อันดับ 3 (76 คะแนน)
ลุ้นหนีกตกชั้น : เวลานี้ได้ 3 ทีมร่วงตกชั้นครบเรียบร้อยแล้วคือ ปาร์ม่า อันดับ 20 ,โครโตเน่ อันดับ 19 และ เบเนเวนโต้ อันดับ 18
ลุ้นดาวซัลโว : คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ดาวยิงยูเวนตุส ซัดไปแล้ว 29 ประตู นำหน้า โรเมลู ลูกากู กองหน้า อินเตอร์ มิลาน แบบสุดกู่ ที่ยิงไป 23 ประตู ทำให้จะไม่มีอะไรพลิกโผเช่นกัน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บุนเดสลีกา เยอรมนี
เวลาแข่งขัน : ลงสนามพร้อมกันทุกคู่ ในวันที่เสาร์ที่ 22 พ.ค. ในเวลา 20.30น. เป็นต้นไป
ทีมแชมป์ : “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ยังคงไร้เทียมทาน คว้าแชมป์บุนเดสลีกา เป็นสมัยที่ 9 ติดต่อกัน ด้วยการมี 75 คะแนน ทิ้งห่าง แอร์เบ ไลป์ซิก รองจ่าฝูง ที่มี 65 คะแนนแบบสุดกู่
ลุ้นโควต้ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก : เวลานี้ได้ 4 ทีมที่จะไปเล่นถ้วย UCL ฤดูกาลหน้าแล้ว ประกอบด้วย บาเยิร์น มิวนิค (75คะแนน) ,แอร์เบ ไลป์ซิก (65 คะแนน) ,โบรุสเซียร์ ดอร์ทมุนด์ (61 คะแนน) และ โวล์ฟบวร์ก (61 คะแนน)
ลุ้นยูโรป้า ลีก : ไอทรัค แฟรงค์เฟิร์ต อันดับ 5 ของตาราง มี 57 คะแนน และ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น อันดับ 6 ที่มี่ 52 คะแนน จะคว้าโควต้านี้แน่นอนแล้วเช่นกัน
ลุ้นหนีตกชั้น : อาร์เมเนีย บีเลเฟลด์ อันดับ 15 เวลานี้มี 32 คะแนน นำ แวร์เดอร์ เบรเมน ทีมอันดับ 16 ที่มี 31 คะแนน และ เอฟซี โคโลญจน์ อันดับ 17 ที่มี 30 คะแนน ทำให้นัดสุดท้ายได้ลุ้นกันอย่างสนุกแน่นอน
เริ่มจาก บีเลเฟลด์ ที่ต้องบุกไปเยือน สตุ๊ตการ์ท อันดับ 9 หากชนะก็การันตีอยู่ต่อ แต่หากเสมอ ก็ต้องลุ้นให้ เบรเมน เอาชนะ โบรุสเซียร์ มึนเช่น กลัดบัด ไม่ได้ ขณะเดียวกัน เอฟซี โคโลญจน์ ทีมอันดับ 17 ความหวังเดียวคือต้องเปิดบ้านเอาชนะ ชาลเก้ ในเกมนัดสุดท้าย และลุ้นให้ บีเลเฟลด์ แพ้ และ แวร์เดอร์ เบรเมน ไม่ชนะด้วย
ลุ้นดาวซัลโว : ไม่ต้องลุ้นอะไรแล้วเพราะ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดาวยิง บาเยิร์น กดไป 40 ประตู ทิ้งอันดับ 2 อย่าง อันเดร ซิลวา จาก ไอทรัค แฟรงค์เฟิร์ต ที่ซัดไป 27 ประตู แบบสุดกู่
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ลีกเอิง ฝรั่งเศส
เวลาแข่งขัน : ลงสนามคืนวันอาทิตย์ ในเวลา 02.00น. พร้อมกันทุกคู่
ลุ้นแชมป์ : จะเป็นการชิงชัยกันระหว่าง ลีลล์ จ่าฝูงของตารางที่มี 80 คะแนน กับแชมป์เก่า ที่เวลานี้มี 79 คะแนน โดยนัดสุดท้าย ลีลล์ จะต้องบุกไปเยือน อองเชร์ ทีมอันดับ 12 ซึ่งหากชนะพวกเขาจะคว้าแชมป์ฤดูกาลนี้ไปครองทันที แต่หากเสมอ หรือ แพ้ ก็ต้องลุ้นให้ เปแอสเช บุกไปเอาชนะ แบรสต์ ทีมอันดับ 16 ของตารางไม่ได้
หรือหาก ลีลล์ บุกไปแพ้ อองเชร์ แล้ว เปแอสเช บุกไปเสมอ จะกลายเป็น เปแอสเช ที่จะแซงคว้าแชมป์ฤดูกาลนี้ไปครองทันที ด้วยกฏเฮดทูเฮด และประตูได้เสีย
ลุ้นโควต้ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก : โมนาโก เวลานี้รั้งอันดับ 3 มี 77 คะแนน ตามมาด้วย โอลิมปิก มาร์กเซย์ รั้งอันดับ 4 มี 76 คะแนน ซึ่ง ลีกเอิง นั้นจะเอาทีมไปเตะ UCL 3 ทีมเท่านั้น ทำให้ โมนาโก ที่จะบุกไปเยือน ล็องส์ หากชนะจะการันตีตั๋ว UCL ทันที แต่หากเสมอและ โอลิมปิก มาร์กเซย์ บุกชนะ เม็ตซ์ ก็จะโดนแซงเช่นกัน
ลุ้นหนีตกชั้น : เวลานี้มี 2 ทีมที่ตกชั้นไปแล้วคือ ดิฌง อันดับ 20 มี 18 คะแนน และ นีมส์ อันดับ 19 มี 35 คะแนน ส่วนที่ยังต้อง ลุ้นหนีตายจะต้องไล่ตั้งแต่อันดับ 13 แร็งส์ ที่มี 42 คะแนน บอร์กโดซ์ อันดับ 14 มี 42 คะแนน ,อันดับ 15 สตาร์บรูก์ มี 41 คะแนน , อันดับ 16 แบรสต์ มี 41 คะแนน ,อันดับ 17 ลอริยองต์ มี 41 คะแนน ,และ อันดับ 18 น็องต์ส มี 40 คะแนน
ลุ้นดาวซัลโว : คีเลียน เอ็มบั๊ปเป้ ดาวยิง ปารีส แซงต์แชร์กแมง ยิงไปแล้ว 26 ประตู แทบการันตีดาวซัลโวฤดูกาลนี้ หลังนำอันดับ 2 อย่าง วิสซาม เบน เยดแดร์ ดาวยิง โมนาโก ที่ซัดไป 20 ประตู
DaboyG
