ใครเห็นก็ว่าร่วง: 5 ทีม UCL รอบแรกร่อแร่แต่ทะลุถึงชิง

UCL

ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ฤดูกาลนี้ ทีมใหญ่บางทีมกลับทำผลงานไม่ดีเท่าไหร่ เมื่อพลาดท่าทำได้แค่เสมอกับคู่แข่ง หรือที่แย่ไปกว่านั้นคือการพ่ายให้คู่แข่งบ่อยๆครั้ง

ไม่ว่าจะเป็น แอตเลติโก้ มาดริด ผู้ที่เคยเข้าชิงในรายการนี้ 2 ครั้งในรอบ 10 ปีหลังสุด แต่กลับเก็บได้เพียง 4 แต้มจาก 4 นัด หรือ เอซี มิลาน คู่แข่งในกลุ่ม บี เดียวกัน ที่กลับมาเล่น UCL ครั้งแรกในรอบ 7 ปี ก็อาจต้องไปเริ่มกันใหม่ในซีซั่นหน้า เมื่อมีเพียงแต้มเดียวเท่านั้นจาก 4 เกมที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม อาจมีเรื่องปาฏิหาริย์สุดเซอร์ไพรส์เกิดขึ้นหลังจากนี้ก็เป็นได้ เพราะในอดีตมีทีมที่ออกสตาร์ทในรายการนี้ได้อย่างย่ำแย่มาแล้วมากมาย แต่ก็สามารถฮึดจนคว้าตั๋วลุยรอบน็อคเอ้าท์ และฝ่าด่านไปถึงรอบชิงได้อย่างเหนือความคาดหมาย จนถึงขั้นได้ชูถ้วยในตอนท้ายก็มี

  ทาง UFA ARENA จะพาไปพบกับ 5 ทีม UCL รอบแรกร่อแร่แต่ทะลุถึงรอบชิงดำ ผ่านบทความนี้กัน 

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (1998-99)

What happened to Manchester United's 1999 Treble winners? | Daily Mail  Online

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องเจองานหนักในแชมเปี้ยนส์ลีกปี 1998-99 ตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อพวกเขาจับฉลากไปพบกับ บาเยิร์น มิวนิค, บาร์เซโลน่า และ บรอนด์บี้ แต่ไม่น่าเชื่อวาการคว้าชัยได้ 2 นัดจะทำให้พวกขาผ่านไปเล่นรอบต่อไปได้ 

ใน 4 นัดที่พบกับ ยอดทีมจากสเปนและเยอรมันได้เลยทั้งเหย้าและเยือน ‘ปีศาจแดง’ ทำแค่เสมอเท่านั้น มีแค่ทีมจาก เดนมาร์ก เท่านั้นที่พวกเขาเอาชนะและสามารถยิงได้สบายเท้า ทว่าในยุคนั้นรองแชมป์จะไม่ได้ผ่านไปรอบน็อคเอ้าท์อัตโนมัติตามแชมป์กลุ่มแบบปัจจุบัน เพราะจะคัดเลือก รองแชมป์กลุ่มที่ดีที่สุดแค่ 2 จาก 6 ทีมจากทุกกลุ่มเท่านั้น แต่คะแนนแค่ 10 แต้มกลับเพียงพอทำให้พวกเขาผ่านรอบต่อไปใน UCL ซะอย่างนั้น

 อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่สิ่งที่เหลือเชื่อที่สุดของ ยูไนเต็ด ในปีนั้น เพราะ 2 ประตูช่วงทดเวลาของ เท็ดดี้ เชอร์ริงแฮม และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ในนัดชิงกับ ‘เสือใต้’ ที่สนามคัมป์ นู ทำให้ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พา แมนฯยูไนเต็ด คว้าแชมป์ยุโรปได้เป็นครั้งแรกในรอบ 31 ปี

 

ปอร์โต้ (2003-04)

มหัศจรรย์มูรินโญ : ย้อนรอยเทพนิยาย ปอร์โต้ แชมป์ UCL 2004 | Goal.com

ชื่อของโชเช่ มูรินโญ่ กลายเป็นที่จับตามองของแฟนบอลทั่วโลก หลังพาทีมม้ามืดในบ้านเกิดอย่าง ปอร์โต้ ผงาดคว้าแชมป์ UCL ได้อย่างเหนือความคาดหมาย ณ ฤดูกาล 2003-04 แต่ในรอบแบ่งกลุ่มนั้น พวกเขาไม่ราศีของว่าที่แชมป์ของฤดูกาลดังกล่าวด้วยซ้ำ

แม้จะคว้าแชมป์ยูฟา คัพ มาได้ในปี 2003 แต่มาตรฐานและความเข้นข้นย่อมสู้แชมป์เปี้ยนส์ลีกไม่ได้อยู่แล้ว ซึ่งปอร์โต้ตระหนักเรื่องนั้นหลังผ่านไป 2 นัดแรก เมื่อทำได้แค่เสมอกับ ปาร์ติซาน เบลเกรด 1-1 และโดน เรอัล มาดริด อัดยับคาบ้าน 3-1 

ทว่าหลังจากคว้าชัยในเกมที่ 3 ที่พบกับมาร์กเซยได้ ทีมของมูรินโญ่ก็ค่อยๆทำผลงานดีจนมีความมั่นใจมากขึ้น และเร่งเครื่องจนคว้าตั๋วใบสุดท้ายของกลุ่มมาได้ 

ซึ่งในรอบต่อมา ปอร์โต้ ก็ไม่เคยพบกับความพ่ายแพ้อีกเเลย ทั้งเกมที่เอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, โอลิมปิก ลียง และเดปอร์ติโบ่ ลา กอรุนญ่า ต่อเนื่องไปถึงนัดชิงชนะเลิศกับโมนาโก และกลายเป็นยุคทองของ ‘เดอะ สเปเชียล วัน’ ในเวลาต่อมา

 

ลิเวอร์พูล (2004-05) 

What was the Miracle of Istanbul? Liverpool's 2005 Champions League final  comeback explained | Goal.com

เมื่อรายชื่อกลุ่ม เอ ในแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาล 2004-05 ได้ประกาศออกมา สื่อต่างๆรวมถึงแฟนบอลรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ต่างฟันธงว่ายัง ลิเวอร์พูล ก็ต้องคว้าแชมป์กลุ่มไปครองแบบไม่ปัญหาอะไร เนื่องจากคู่แข่งอย่าง โมนาโก, โอลิมเปียกอส และ เดปอร์ติโบ่ ลา กอรุนญ่า ห่างชั้นกับหงส์แดงพอสมควร

ซึ่งนัดแรกก็ดูจะเป็นเช่นนั้น เมื่อพวกเขาเอาชนะ รองแชมป์ปีที่แล้วไป 2-0 แต่นัดต่อมากลับพลาดท่าพ่ายทีมจากกรีซ 1-0 แม้จะกลับมาชนะได้ในนัดที่ 4 แต่โอกาสเข้ารอบของทีมสีแดงจากเมอร์ซี่ย์ไซด์ดูริบหรี่พอสมควร หลังแพ้ให้กับโมนาโก ขณะที่โอลิมเปียกอสก็คว้าอันดับ 2 ในกลุ่ม ทำให้เงื่อนไขหลักที่พวกเขาจะผ่านเข้ารอบบคือเอาชนะทีมจากแดนเทพนิยายในนัดสุดท้ายให้ได้เท่านั้น

ถึงจะโดนนำไปก่อน แต่ทีมของราฟาเอล เบนิเตซ ก็ยิงรัว 3 ลูก ทำให้พวกเขามีแต้มเท่ากับ โอลิมเปียกอสที่ 10 คะแนน แต่ด้วยลูกได้เสียที่ดีกว่าทำให้ ‘หงส์แดง’ เป็นเข้ารอบน็อคเอ้าท์ตามโมนาโกไป

และหลังจากนั้นก็อย่างที่ทุกคนรู้ว่ากันว่า ปาฏิหารย์ในอิสตันบูลเกิดขึ้นได้อย่างไร

 

อินเตอร์ มิลาน (2009-10)

Inter win Champions League - Eurosport

แม้จะอยู่ในสายที่ไม่แข็งมากและมีแค่ บาร์เซโลน่า ที่เป็นสโมสรระดับเดียวกัน แต่ อินเตอร์ มิลาน กลับไม่สามารถคว้าชัยได้เลยใน 3 เกมแรกของรอบแบ่งกลุ่ม และเสมอไป 3 นัดรวด ทั้งกับบาร์ซ่า (0-0),รูบิน คาซาน (1-1) และ ดินาโม เคียฟ (2-2)

ด้วยสภาพที่ร่อแร่แบบนี้ ไม่แปลกใจที่หลายคนจะคิดว่า โชเซ่ มูรินโญ่จะโดนปลดจากตำแหน่งกุนซือ ‘งูใหญ่’ แต่ทว่าใน 3 นัดต่อมา ‘เดอะ สเปเชี่ยล วัน’ ก็เร่งฟอร์มเก่งลูกทีมกลับมาได้อีกครั้ง คว้าชัยไป 2 จาก 3 เกมสุดท้าย ซึ่งก็เพียงพอที่จะให้พวกเขาเข้ารอบต่อไปในฐานะรองแชมป์กลุ่ม F

ทันที่เข้ารอบน็อคเอ้าท์มา ‘เนรัซซูรี่’ ก็ไม่เคยพ่ายแพ้ให้ทีมไหนอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นเชลซี, ซีเอเคเอ มอสโก หรือแม้แต่ บาร์เซโลน่า ทีมที่เล่นงานพวกเขาจนอ่วมในรอบแบ่งกลุ่มก็เอาชนะมาได้อย่างยอดเยี่ยม จนสามารถเข้ารอบชิงได้สำเร็จ และสามารถล้ม บาเยิร์น มิวนิค ที่มี หลุยส์ ฟาน กัล กุมบังเหียนไปแบบสบาย 2-0

 

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ (2018-19)

Tottenham Champions League Final 2019 photo: Entire Spurs squad pose for  official Uefa picture | London Evening Standard | Evening Standard

เชื่อว่าแฟนเชลซีและลิเวอร์พูลได้ย้อนไปดูผลงานของ สเปอร์ส ในรายการนี้ฤดูกาลที่แล้วคงจะใจชื่นขึ้นเยอะ เพราะนอกจาก ‘ไก่เดือยทอง’ จะโดนอินเตอร์ มิลาน พลิกแซงช่วงท้ายเกมและพ่ายไป 2-1 ในนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม เกมต่อมาก็โดนบาร์เซโลน่าถลุงคาบ้าน 4-2 และไปสะดุดเสมอกับ พีเอสวี ไอนด์โอเฟ่น 2-2 ในเกมที่ 3 อีกต่างหาก 

แม้จะเก็บได้เพียงแต้มเดียวจาก 3 นัดแรก แต่ทีมของเมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ก็ฮึดสู้เอาชนะ พีเอสวี และทีม ‘งูใหญ่’ ใน 2 เกมต่อมา และบุกไปเสมอกับบาร์ซ่าได้ 1-1 ทำให้พวกเขามี 8 แต้มเท่ากับ ‘เนรัซซูรี่’ แต่ทีมอังกฤษเป็นฝ่ายเข้ารอบน็อคเอาท์ UCL ไปได้ เนื่องจากเป็นฝ่ายยิงประตูนอกบ้านใส่ทีมจากอิตาลีได้มากกว่า

หลังจากทุลักทะเลในรอบแบ่งกลุ่มมาพอสมควร สเปอร์สก็ค่อยๆแข็งแกร่งในรอบน็อคเอาท์และเขี่ย โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมเต็งแชมป์ และ พลิกแซง อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัมได้อย่างเหลือเชื่อ จนผ่านไปเข้าสู่รอบชิงได้ น่าเสียดายที่พวกเขาพลาดท่าพ่ายต่อลิเวอร์พูลไป 2-0 ในเกมวันนั้น

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

UCL
มีแต่เบิ้มๆ : 8 เกมห้ามพลาด UCL รอบแบ่งกลุ่มฤดูกาล 2021-22