ใครได้ใครเสีย : ถ้าแลมพาร์ดเป็นกุนซือสิงห์บลูคนใหม่

 

 

ถ้ารายงานจากสื่อในอังกฤษและอิตาลีสามารถเชื่อถือได้จริงๆ นี่คงจะเป็นอีกครั้งที่แฟนบอลสิงห์บลูได้เห็นทีมรักของตัวเองเปลี่ยนผู้จัดการทีมใหม่ในซัมเมอร์นี้

 

และครั้งนี้อาจจะดูแปลกตาซักหน่อย เมื่อคนเข้ามาใหม่หาใช่กุนซือที่มีโปรไฟล์เริดหรูเหมือนที่เคยเป็นมา แต่เป็นอดีตนักเตะระดับตำนานของสโมสรแห่งนี้ต่างหาก

 

สื่อหลายเจ้าอ้างว่า เชลซี ต้องการดึง แฟรงค์ แลมพาร์ด กลับมารับงานกุนซือที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ขณะที่เมาริซิโอ ซาร์รี่ ผู้จัดการทีมคนปัจจุบันเตรียมย้ายไปรับงานใหม่กับยูเวนตุสในบ้านเกิด

 

การกลับมาอีกครั้งของอดีตกองกลางดาวยิงช่วยสร้างอารมณ์ร่วมให้กับแฟนบอลได้อย่างแน่นอน แต่นั่นก็อาจเปลี่ยนแปลงรูปแบบต่างในทีมเชลซีไปด้วยเช่นกัน

 

ดังนั้น UFA ARENA จะพาทุกท่านไปดูกันว่าใครกันที่ได้ประโยชน์จากการแต่งตั้งแลมพาร์ดเป็นกุนซือสิงห์บลู เช่นเดียวกับผู้ที่ต้องโดนผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้

 

 

ได้ประโยชน์ : แข้งดาวรุ่ง

 

 

สิ่งหนึ่งที่ซาร์รี่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ่อยครั้งคือการที่เขาไม่ค่อยไว้ใจในตัวนักเตะดาวรุ่งของทีมมากนัก ต้องรอไปจนช่วงท้ายๆฤดูกาล อดีตกุนซือนาโปลีค่อยใช้ รูเบน ล็อฟตัส-ชีค และ คัลลั่ม ฮัดสัน โอดอย ลงเล่นเป็นตัวจริง แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ได้รับโอกาสนั้นอย่างเช่น อีธาน อัมปาดู ที่หายไปจากทีมชุดใหญ่เลย

 

เชื่อวาหากแลมพาร์ดได้กลับมาในถ้ำสิงห์อีกครั้ง เขาจะตามรอยที่ซาร์รี่ทำไว้อย่างแน่นอน นั่นเป็นเพราะตัวเขามักใช้แข้งดาวรุ่งตั้งแต่เริ่มงานกุนซือแล้ว ประจวบเหมาะกับการที่เชลซีถูกบังคับห้ามซื้อนักเตะในช่วงซัมเมอร์ปี 2019 และตลาดหน้าหนาวปี 2020 ทำให้เขาสามารถดันนักเตะแววดีจากทีมเยาวชนขึ้นมาชุดใหญ่ได้

 

ในซัมเมอร์ที่แล้ว แลมพาร์ดได้ดึงนักเตะจากทีมเก่าอย่าง เมสัน เมาท์ และ ฟายาโก้ โทโมริ ไปใช้งานแบบยืมตัวที่ดาร์บี้ ซึ่งทั้งคู่ทำผลงานได้น่าประทับใจมากๆในถิ่น ไพรด์ ปาร์ค โดยที่โทโมริ คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีของทีมแกะเขาเหล็กเลย และไม่ต้องแปลกที่นักเตะเหล่านี้จะถูกดันขึ้นมาทีมสิงห์บลูชุดใหญ่ ถ้าหากแลมพ์ได้เข้ามาคุมเชลซีจริงๆ

 

เช่นเดียวกับ ล็อฟตัส-ชีค, ฮัดสัน-โอดอย, รีช เจมส์ และคนอื่นในทีมเยาวชนของเชลซี และด้วยโทษแบบตลาดนักเตะ แลมพาร์ดอาจจะกลายเป็นผู้ที่เปลี่ยนแปลงปรัชญาของสโมสรใหม่ในอนาคตข้างหน้าก็เป็นได้

 

 

เสียประโยชน์ : จอร์จินโญ่

 

 

จอร์จินโญ่เป็นได้ทั้งดีลเยี่ยมหรือดีลสุดแย่ ขึ้นอยู่ว่าคุณถามคำถามนี้กับใคร หลังกองกลางทีมชาติอิตาลีได้ย้ายตามซาร์รี่มาจากนาโปลีและกลายเป็นแข้งตัวหลักของเชลซีในฤดูกาลที่ผ่านมา

 

ด้วยตำแหน่งการยืนหน้าแผงแบ็คโฟร์, จอร์จินโญ่จ่ายบอลไปมากกว่า 2,782 ครั้ง ซึ่งมากกว่าผู้เล่นทุกคนในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2018-19 แม้จะเป้นตัวเลขที่น่าประทับใจ แต่หลายคนก็ไม่ได้นิยมกับสไตล์การทำทีมของซาร์รี่ที่เน้นการจ่ายบอลมากเกินไป แต่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะเจาะแนวรับคู่แข่งได้เลย

 

ในตำแหน่งแดนกลางคือปัญหาที่ซาร์รี่แก้ไม่ตกในฤดูกาลนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงคือการยืนตำแหน่งของจอร์จินโญ่ที่มาแทนที่ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และให้กองกลางทีมชาติฝรั่งเศสขยับขึ้นไปเล่นเป็นกองกลางทางขวาแทน ซึ่งนั่นทำให้เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์จากกูรูลูกหนังหลายคนรวมไปถึงแฟนบอลสิงห์บลูด้วย

 

ถ้าแลมพาร์ดได้เข้ามาแทนที่ซาร์รี่ เชื่อว่าแดนกลางในเชลซีจะกลับมาเป็นรูปแบบเดิมที่มี ก็องเต้ เป็นกองกลางที่อยู่แนวลึกที่สุด แต่จอร์จินโญ่ล่ะจะไปอยู่ตรงไหน? เขาคงต้องหาทางปรับตัวกับตำแหน่งใหม่ให้ได้ ซึ่งเขาอาจจะทำได้หรือไม่ก็ต้องบอกลาทีมไป หากไม่มีตำแหน่งจริงๆ

 

แน่นอนว่าซาร์รี่อาจจะดึงเขาไปร่วมงานอีกครั้ง ถ้ากุนซือสิงห์อมควันได้เป็นกุนซือใหม่ให้ยอดทีมจากตูริน แต่เอาจริงๆแล้ว จอร์จินโญ่ก็ไม่ได้เสียประโยชน์อะไรมากมายหรอก ถ้าการเปลี่ยนครั้งนี้เกิดขึ้นจริงๆ แต่การค้าแข้งอยู่ในเชลซีที่ไม่มีซาร์รี่อยู่คงส่งผลกระทบต่อตำแหน่งตัวจริงของเขาแน่นอน

 

 

ได้ประโยชน์ : แฟนบอลเชลซี

 

 

การจบอันดับสามในพรีเมียร์ลีก พ่วงด้วยแชมป์ยูโรป้า ลีก คงพูดได้เต็มปากว่านี้คือฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จในระดับนึง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากฤดูกาลที่แล้วที่เชลซีทำได้แค่อันดับ 5 ในลีกพลาดตั๋วไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีก

 

แต่ถ้าให้พูดกันตรงๆ แฟนบอลสิงห์บลูหลายคนก็ผิดหวังกับการทำทีมภายใต้กุนซือที่ชื่อว่า เมาริซิโอ ซาร์รี่ พอสมควร แม้พวกเขาได้ไปเล่นในฟุตบอลยุโรปถ้วยใหญ่ก็จริง แต่นั่นเป็นเพราะอาร์เซน่อล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลาดเอง รวมถึงในฤดูกาลนี้เรามักจะเห็นเชลซีเข้าๆออกๆในตำแหน่งท็อปโฟร์อยู่เป็นประจำ และที่แย่ที่สุดคือแฟนบอลในสแตมฟอร์ด บริดจ์ได้มีการเรียกร้องให้ปลดซาร์รี่ด้วย

 

ความพ่ายแพ้ต่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 6-0 คือจุดตกต่ำที่สุดในปีนี้ และเหตุการณ์อื้อฉาวของ เคป้า อาร์ริซาบาลาก้า ในนัดชิงคาราบาว คัพ กลับทำให้ภาพลักษณ์ระหว่างนักเตะและผู้จัดการทีมดูแย่เข้าไปใหญ่ ซาร์รี่อาจจะไถ่บาปได้ด้วยการคว้าแชมป์ยุโรปถ้วยเล็กและคว้าตั๋วไปเล่นในแชมเปี้ยนลีกฤดูกาลหน้าได้ก็จริง แต่บรรยากาศแปลกๆในสโมสรก็ยังคงอยู่ไม่จางหายไปไหน

 

ด้วยเหตุนั้น การดึงแลมพาร์ดที่เป็นดั่งไอคอนของสโมสรกลับมาร่วมงานอีกครั้ง นั่นคงทำให้บรรยากาศในสนามดูครึกครื้นขึ้นอย่างชัดเจน แฟนบอลจะสนับสนุนเขาในทันที ไม่เหมือนความสัมพันธ์อันตรึงเครียดที่เราเห็นตอนซาร์รี่คุมทีม

 

โปรไฟล์ของแลมพาร์ดในการคุมทีมระดับท็อปซิกซ์ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องถกเถียงกันอยู่ แต่แฟนบอลสิงห์บลูทุกหมู่เหล่าเชื่อว่าอดีตกองกลางของทีมจะช่วยทำให้บรรยากาศในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์กลับมายอดเยี่ยมอีกครั้งอย่างแน่นอน

 

 

เสียประโยชน์ : บอร์ดเชลซี

 

 

ยังไม่ชัดเจนว่าเชลซีจะโดนผลกระทบเรื่องตลาดซื้อขายนักเตะนานเท่าไหร่ แน่นอนว่าเชลซีในชุดนี้เต็มไปด้วยความสามารถ แต่รวมๆแล้วทีมก็ยังต้องเพิ่มความสดใหม่เข้าไป ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย หากโดนโทษแบนแบบนี้ และอาจจะส่งผลต่อแลมพาร์ดทันทีหากเขากลายเป็นกุนซือคนใหม่ของทีมในเร็วๆนี้

 

ถ้าแลมพาร์ดจะพาทีมคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกหรือแชมป์รายการอื่นๆได้ บอร์ดก็เป็นอีกฝ่ายได้รับความดีความชอบในเรื่องนี้ แต่ทว่ามันก็เป็นเรื่องยากมากๆสำหรับทีมที่ไม่สามารถเสริมทัพได้และถ้าทีมต้องเสีย เอเด็น อาซาร์ ไปอีก โอกาสนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย

 

แต่ถ้าหากทีมทำผลงานได้ย่ำแย่จนแลมพาร์ดถูกปลด แน่นอนว่าบอร์ดบริหารในชุดปัจจุบันย่อมถูกแฟนบอลเชลซีแสดงอาการไม่พอใจอย่างแน่นอน เนื่องจากพวกเขามองว่าสโมสรควรให้การสนับสนุนและให้โอกาสกับแลมพาร์ดมากกว่านี้ในการแสดงฝีมือคุมทีม ไม่มีแฟนบอลอยากให้สโมสรตัวเองทำร้ายอดีตนักเตะของตัวเองหรอก ยกเว้นว่าคนนั้นจะห่วยจริงๆล่ะนะ  

 

 

ได้ประโยชน์ : ตัวแฟรงค์ แลมพาร์ดเอง

 

 

นี่อาจเป็นการก้าวขึ้นมารับงานใหญ่ที่รวดเร็วเกินไปซักหน่อย หากแลมพ์ได้เข้ามาเป็นกุนซือสิงห์บลูจริงๆ หลังจากที่เขาเพิ่งคุมสโมสรอาชีพแบบจริงจังแค่ฤดูกาลเดียวเท่านั้นกับดารบี้ เคาท์ตี้ สโมสรในแชมเปี้ยนส์ชิพ คำถามก็คือเขาพร้อมหรือยังที่จะก้าวมาคุมทีมระดับท็อปซิกซ์ในพรีเมียร์ลีก?

 

คำตอบอาจะเป็นทั้งใช่หรือไม่ เพราะไม่ว่ายังไงแลมพาร์ดได้ประโยชน์จากเรื่องนี้เต็มๆ ถ้าเขาพาทีมประสบความสำเร็จ นั่นก็ช่วยให้เขามีชื่อเสียงในฐานะกุนซือหน้าใหม่ไฟแรงมากขึ้นไปอีก แต่ถ้าล้มเหลวและโดนปลด นั่นอาจจทำให้เขาลองรับงานกับทีมระดับเล็กๆในพรีเมียร์ลีกเพื่อเก็บประสบการณ์ให้แข็งแกร่งมากกว่านี้ก่อนก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร

 

มากไปกว่านั้น แม้นี่จะกลายเป็นประสบการณ์ที่เลวร้าย แต่แลมพาร์ดก็ได้เรียนรู้บทเรียนสำคัญในทีมเชลซีด้วยเช่นกัน ซึ่งจะช่วยให้เขาเติบโตเป็นกุนซือที่ดีในอนาคตได้ เนื่องจากตัวเขาเพิ่งอายุแค่ 40 ปีเท่านั้น และยังมีเวลาอีกเยอะในเส้นทางสายใหม่นี้

 

 

เสียประโยชน์ : ดาร์บี้ เคาท์ตี้

 

 

ดาร์บี้ เป็นอีกทีมหนึ่งในเกาะอังกฤษที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 135 ปี ซึ่งแลมพาร์ดเกือบพาทีมแกะเขาเหล็กเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นลีกสูงสุดได้สำเร็จแล้ว ถ้าไม่พลาดท่าพ่ายแอสตัน วิลล่า ในนัดชิงเพลย์ออฟเลื่อนชั้นของศึกแชมเปี้ยนส์ชิพซะก่อน

 

คำถามที่ตามมาคือ แลมพาร์ดจะอยู่ที่ดาร์บี้ต่อเพื่อสานต่องานที่ค้างคานี้ให้สำเร็จลุล่วงหรือไม่ในฤดูกาลหน้า? หรือเขาจะย้ายไปทีมที่ใหญ่กว่าอย่างเชลซีเพื่อตัวเขาเองในอนาคต? แม้จะเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่ถ้าอดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษเลือกอย่างหลังขึ้นมา เขาจะทิ้งรอยโหว่รอยใหญ่ให้กับดาร์บี้ในทันที

 

การหาผู้จัดการทีมมือดีไม่ใช่เรื่องง่ายๆเหมือนกัน แม้ว่าทีมเหล่านั้นจะอยู่ในลีกระดับรองของอังกฤษก็ตาม มากกว่าไปกว่านั้นกุนซือคนใหม่ที่เข้ามาคุมทีมแทนที่แลมพาร์ดในอนาคต ไม่มีอะไรการันตีว่าเขาคนนั้นจะสามารถสานต่องานที่แลมพาร์ดทำไว้หรือพาทีมจบอันดับเพลย์ออฟได้อย่างฤดูกาลก่อน นั่นอาจส่งผลให้ทีมแกะเขาเหล็กต้องกลับไปเริ่มใหม่อีกครั้งหลังจากอุตส่าห์พยายามฝ่าฝันอุปสรรคต่างๆมานานหลายปี