ยังอยู่ในความทรงจำ! ย้อนรอยเหตุการณ์สำคัญเกม เอล กลาซิโก้

กลาซิโก้

ศึกซุปเปอร์บิ๊กแมตช์เกม “เอล กลาซิโก้” ระหว่าง บาร์เซโลน่า พบกับ เรอัล มาดริด กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งที่สนาม คัมป์ นู ในศึก ลาลีกา สเปน คืนวันอาทิตย์นี้

อย่างที่รู้กันดีว่านี่คือหนึ่งในเกมที่มีแฟนบอลตั้งตารอค่อยมากที่สุด และเป็นแมตช์ที่เต็มไปด้วยความมันส์รวมถึงมีประเด็นเกิดขึ้นมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา

หลายเหตุการณ์สำคัญที่เคยเกิดขึ้นในเกม เอล กลาซิโก้ ยังคงถูกแฟนบอลพูดถึงมาจนปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่ หลุยส์ ฟิโก้ โดนแฟนบอล บาร์เซโลน่า ปาหัวหมูใส่ หรือเรื่องราวที่น่าประทับใจกับการที่แฟนบอล เรอัล มาดริด ยืนตบมือให้กับสุดยอดนักเตะอย่าง โรนัลดินโญ่

นอกจากนั้นยังมีอีกหลายเหตุการณ์สำคัญที่เคยเกิดขึ้นในเกม เอล กลาซิโก้ และอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลมาถึงตอนนี้ ซึ่ง UFA ARENA จะขอพาไปดูกันว่า เหตุการณ์เหล่านั้นมีอะไรบ้าง

 

ราอูล จุ๊ปากสยบเสียงเชียร์แฟนบอล บาร์เซโลน่า

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนตุลาคม ปี 1999 ในเกม เอล กลาซิโอ้ นัดสุดท้ายของศตวรรษที่ 20 เรอัล มาดริด ภายใต้การทำทีมของ จอห์น ทอแช็ก ซึ่งกำลังผลงานย่ำแย่สุดๆ ไม่ชนะใคร 4 เกมติดต่อกันใน ลาลีกา สเปน ต้องบุกมาเยือน บาร์เซโลน่า ของ หลุยส์ ฟาน กัล

เกมดังกล่าวเป็นทางฝั่งเจ้าบ้านทำผลงานยอดเยี่ยมกว่าตามคาด และออกนำก่อนจากการยิงของ ริวัลโด้ นาทีที่ 28 ทว่าหลังจากนั้นนาทีเดียว ราอูล กอนซาเลซ ซัดประตูตีเสมอให้กับทีมเยือนแบบทันควัน

จากนั้น หลุยส์ ฟิโก้ ซัดให้กับ “ต่างดาว” ขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 หลังเริ่มครึ่งหลังมาได้แค่ 4 นาที และเกมผ่านไปจนถึงช่วงท้าย ทำท่าว่าจะจบ 90 นาที ด้วยชัยชนะของเจ้าถิ่น ทว่าเป็น ราอูล คนเดิมวิ่งฉีกสองกองหลัง บาร์เซโลน่า ไปรับบอลคิลเลอร์พาสของ ซาวิโอ้ ก่อนยกบอลข้ามตัวนายทวารอย่าง รุด เฮลป์ เข้าประตูไปแบบเหนือชั้น พร้อมแสดงอาการดีใจด้วยการจุ๊ปากสยบเสียงเชียร์แฟนบอลคาตาลัน เรือนแสนที่สนาม คัมป์ นู ในแมตช์นั้น

อย่างไรก็ตามแม้ว่า เรอัล มาดริด จะสามารถบุกมาแบ่งแต้มกับ บาร์เซโลน่า ได้สำเร็จ ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน จอห์น ทอแช็ก ถูกปลดออกจากตำแหน่งในท้ายที่สุด และเป็นทางฝั่ง บิเซนเต้ เดล บอสเก้ เข้ามารับงานต่อช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 1999

 

ฟิโก้ โดนปาหัวหมู

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นช่วงหน้าร้อนปี 2000 เมื่อ หลุยส์ ฟิโก้ สุดยอดแนวรุกชาวโปรตุเกส สร้างความเจ็บปวดให้กับแฟนบอล “อาซูลกราน่า” ด้วยการตัดสินใจย้ายไปอยู่กับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 60 ล้านยูโร

กระทั่งถึงเกม เอล กลาซิโก้ ช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2002 เมื่อแข้งฝอยทอง ต้องพา “ราชันชุดขาว” กลับไปเยือนถิ่นเก่าสนาม คัมป์ นู แม้เกมดังกล่าวจบลงด้วยผลเสมอแบบไร้สกอร์ 0-0 ทว่าไฮไลท์สำคัญเกิดขึ้นจากจังหวะที่ ฟิโก้ รับหน้าที่เป็นคนเปิดลูกเตะมุม ซึ่งด้านหลังเป็นบรรดากองเชียร์ บาร์เซโลน่า ที่ส่งเสียงตระโกนด่าเจ้าตัวพร้อมกับปาสิ่งของต่างๆ ลงมายังสนาม ไม่ว่าจะเป็นขวดเหล้าแบบที่ยังไม่ได้เปิด หรือแม้กระทั่งหัวหมู

เหตการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้เกมต้องหยุดลงนานกว่า 10 นาที และแม้ว่าเพื่อนร่วมทีมอย่าง โรแบร์โต้ คาร์ลอส จะอาสาขอเป็นคนเปิดลูกเตะมุมแทน แต่ ฟิโก้ เลือกที่จะปฏิเสธ ในเวลาต่อมาแมตช์นั่นถูกตั้งชื่อว่า “Derbi de la Verguenza” หรือ “ดาร์บี้แห่งความน่าอับอาย”

 

แฟน มาดริด ยืนตบมือให้ โรนัลดินโญ่

นี่คือเหตุการณ์ที่คงไม่มีใครเชื่อว่ามันเคยเกิดขึ้นจริง กับการที่สุดยอดนักเตะของ บาร์เซโลยน่า อย่าง โรนัลดินโญ่ ได้รับเสียงตบมือชื่นชมฝีเท้าจากแฟนบอลทีมคู่ปรับอันดับ 1 เรอัล มาดริด ในเกม เอล กลาซิโก้ เมื่อปี 2005

ย้อนกลับไปแมตช์ดังกล่าว บาร์เซโลน่า ทำผลงานยอดเยี่ยมด้วยการบุกไปเอาชนะ “ราชันชุดขาว” ถึงถิ่น 3-0 จากการยิงขึ้นนำของ ซามูเอล เอโต้ ส่วนอีกสองลูกมาจากฝีเท้าของแข้งเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ ปี 2005

นัดนี้ โรนัลดินโญ่ เล่นได้อย่างโดดเด่นและงัดเอาทักษะทุกอย่างที่มีออกมาใช้เล่นงานเหล่านักเตะ เรอัล มาดริด ตลอดทั้งเกม ก่อนเจ้าตัวมีชื่อยิงสองประตูพา “ต่างดาว” บุกอัด “โลส บลังโกส” แบบขาดลอย 3-0

อีกหนึ่งไฮไลท์เกมนี้ เกิดขึ้นจังหวะเจ้าบ้านเสียประตูที่ 3 แทนที่พวกเขาจะตะโกนด่าคนยิงประตูอย่าง โรนัลดินโญ่ ทว่าเหล่าแฟนบอล มาดริด กลับสแตนดิ้ง โอเวชัน ให้กับ “เหยินน้อย” ซึ่งโชว์ฟอร์มสุดโหดในนัดนั่น และปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือภาพที่น่าประทับใจสุดเท่าที่เคยมีมาสำหรับเกม เอล กลาซิโก้ เลยก็ว่าได้

 

ปิเก้ ชู 5 นิ้ว เกมถล่ม มาดริด

นี่คือนัดแรกที่สองกุนซือแห่งยุคอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ต้องพาลูกทีม เรอัล มารดิด บุกไปเยือน บาร์เซโลน่า ภายใต้การทำทีมของ เป๊บ กวาดดิโอล่า ที่สนาม คัมป์ นู ในเกม ลาลีกา สเปน เมื่อซีซั่น 2010/2011

แมตช์ดังกล่าวเป็นทางฝั่งเจ้าถิ่นทำผลงานดีเกินคาด เปิดบ้านถล่ม “โลส บลังโกส” ไปแบบขาดลอย 5-0 จากการยิงสองประตูของ ดาบิด บีย่า และ ชาบี เอร์นานเดซ, เปโดร และ เจฟเฟรน ซัวเรซ อีกคนละหนึ่งประตู ส่วนทีมเยือนต้องเหลือแค่ 10 คน ก่อนจบเกม หลัง เซร์คิโอ รามอส โดนใบแดงไล่ออกจากสนามช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง

นอกจากผลการแข่งขันที่เซอร์ไพรส์แล้ว อีกประเด็นที่ถูกพูดถึงคือจังหวะชู 5 นิ้ว ของ เคราร์ด ปิเก้ ซึ่งสื่อถึงจำนวนประตูที่ทีมของเขาสามารถยิงใส่คู่อริตลอดกาลในเกมนั่น และเป็นภาพที่แฟนบอลหลายคนยังคงจำได้มาจนถึงทุกวันนี้

และเป็นภาพที่แฟนบอลหลายคนยังคงจำได้มาจนถึงทุกวันนี้

 

เปเป้ กระโดดถีบ อัลเวส

นี่คือหนึ่งในเกม เอล กลาซิโก้ ที่ดีที่สุดตลอดกาล เมื่อ เรอัล มาดริด ภายใต้การคุมทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ต้องเปิดรังเหย้า ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว พบ บาร์เซโลน่า ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่น 2010/2011 รอบรองชนะเลิศ เลกแรก

เกมนัดดังกล่าวดำเนินไปอย่างเข้มข้น และด้วยการวางแผนที่ยอดเยี่ยมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และความสุดยอดของ ลิโอเนล เมสซี่ ซึ่งยิงคนเดียวสองประตู พายอดทีมคาตาลัน บุกชนะ มาดริด ถึงถิ่น 2-0

ทว่าประเด็นร้อนเกิดขึ้นช่วงท้ายเกม หลัง เปเป้ ปราการหลังสุดโหดชาวโปรตุเกส เล่นจังหวะอันตรายกระโดดยกเท้าสูงใส่หน้าแข้งของ ดานี่ อัลเวส ร่วงลงไปกองกับพื้น ซึ่งนั่นทำให้เจ้าตัวโดนใบแดงไล่ออกจากสนามทันที

อย่างไรก็ตามหากดูกันชัดๆ ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเข้าปะทะจังหวะดังกล่าวของ เปเป้ เหมือนกล่ำกรึ่งว่าจะไม่โดนหน้าแข้งของ อัลเวส แบบเต็มๆ ถึงกระนั้นเจ้าตัวถูกตัดสินใจว่าโดนใบแดงไปเรียบร้อยแล้ว และนั่นส่งผลให้เขาไม่มีชื่อลงสนามเกมเลกสอง ก่อนท้ายที่สุดรวมผลสองนัด บาร์เซโลน่า เอาชนะ เรอัล มาดริด ไปด้วยสกอร์ 3-1

 

เป๊ป จับ เมสซี่ ยืน false 9 ครั้งแรก

ย้อนกลับไปเดือนมีนาคม ปี 2009 ก่อนที่ บาร์เซโลน่า จะต้องลงเล่นเกม เอล กลาซิโก้ ด้วยการบุกไปเยือนถิ่น ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว เฮดโค้ชอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คิดค้นแผนที่จะทำให้ทีมของเขาเอาชนะคู่ปรับอย่าง เรอัล มาดริด ได้แบบง่ายดาย นั่นคือการจับนักเตะอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ไปยืนตำแหน่ง false 9

กุนซือชาวสเปน ค้นพบช่องว่างขนาดใหญ่บริเวณพื้นที่ระหว่างกองหลังและกองกลางของ มาดริด และเขาเลือกที่จะใช้ประโยชน์จากตรงนั้น โดยมี เมสซี่ เป็นผู้เล่นคนสำคัญของแผนการนี้ เนื่องจากดาวยิงชาวอาร์เจนไตน์ มีความสามารถเฉพาะตัวสูง, สร้างสรรค์โอกาสให้ทีมได้ดี และจบสกอร์เฉียบคม

แผนการของ เป๊ป ได้ผลเกินคาด หลัง เมสซี่ ในบทบาทกองหน้าตัวหลอกเล่นงานแนวรับ มาดริด ได้แบบย่อยยับ ก่อนมีส่วนสำคัญพาทีมบุกถล่ม เรอัล มาดริด ได้แบบขาดลอย 6-2 ซึ่งเขาและ เธียร์รี่ อองรี ซัดคนละสองประตู ส่วนอีกสองลูกมาจากการยิงของ เคราร์ด ปิเก้ และ คาร์เลส ปูโยล

 

มูรินโญ่ จิ้มตา ติโต้

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเกม สแปนิช ซูเปอร์ คัพ เลกสอง ซึ่ง เรอัล มาดริด ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ต้องบุกมาเยือน บาร์เซโลน่า ภายใต้การคุมทัพโดยเฮดโค้ชอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ซึ่งเกมแรกพาลูกทีมบุกไปยันเสมอที่ ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว มาได้ก่อน 2-2

เกมนัดนี้ “ต่างดาว” ออกนำก่อนจากประตูของ อันเดรส อิเนียสต้า ตั้งแต่นาทีที่ 15 หลังจากนั้น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตามตีเสมอแบบทันควันนาทีที่ 20 ก่อน ลิโอเนล เมสซี่ ยิงนำอีกครั้งนาที 45 และเป็น คาริม เบนเซม่า ที่ซัดลูกตีเสมอให้กับทีมเยือนได้อีกครั้งเช่นกันเป็น 2-2 นาทีที่ 82

เกมทำท่าว่าจะจบ 90 นาที ด้วยผลเสมอ 2-2 และจะต้องต่อเวลาพิเศษ ทว่า เมสซี่ กลับกลายเป็นฮีโร่ซัดประตูชัยให้ “อาซูลกราน่า” ในนาทีที่ 88 อย่างไรก็ตามช่วงท้ายมีจังหวะชุลมุนเกิดขึ้นบริเวณริมสนามหน้าซุ่มม้านั่งสำรอง ซึ่งเหตุการณ์นั้นทำให้มีนักเตะถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม 3 คน คือ มาร์เซโล, เมซุต โอซิล และ ดาบิด บีย่า

นอกจากนั้นหลังจบเกมยังได้มีการเผยคลิปที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ใช้จังหวะชุลมุนเดินเข้าป้านิ้วจิ้มตา ตีโต้ บีลาโนว่า ซึ่งเวลานั้นยังเป็นมือขวาของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จนทำให้เทรนเนอร์ชาวโปรตุเกส ถูกสั่งแบน ก่อนที่ เรอัล มาดริด สามารถยื่นอุทธรณ์ได้สำเร็จ

 

ชนะแค่หนเดียว : ย้อนผลงานคุมทีม 6 นัดของโซลชาในเกมแดงเดือด

โซลชา