ใส่ให้ยับ : 7 เกมยิงกระจายนัดปิดท้ายฤดูกาลพรีเมียร์ลีก

 

ในที่สุดก็เดินทางมาถึงเกมนัดสุดท้ายในพรีเมียร์ลีก หลังจากห่ำหั่นมาเป็นเวลานานกว่า 10 เดือน และวันนี้เราก็จะรู้ซักทีว่าบทสรุปอย่างเป็นทางการของศึกในครั้งนี้จะเป็นเช่นไร

 

และในเกมนัดสุดท้ายประจำฤดูกาลนี้เคยสร้างเรื่องเซอร์ไพรส์ให้แฟนบอลทั่วโลกตื่นเต้นและตกตะลึงมาแล้วมากมาย หนึ่งในหลายๆเรื่องนั้นคือการทำประตูกันชนิดที่ว่ายิงกันยับเหมือนไม่มีแนวรับอยู่ในทีม

 

และนี่คือ 7 เกมสุดมันส์ที่ยิงกันยับจนได้ใจแฟนบอลทั่วสนาม แต่ว่าฝั่งที่โดนยิงก็คงไม่โอเคด้วยเท่าไหร่หรอกนะ

 

 

สวินดอน 0-5 ลีดส์, 1994

 

 

สวินดอน ทาวน์เป็นทีมน้องใหม่ที่เลื่อนชั้นขึ้นในพรีเมียร์ลีก แต่ก็อย่างที่หลายๆคนคาดไว้ตั้งแต่ตอนฤดูกาลว่าพวกเขาคือตัวเต็งที่ตกชั้นในปีนั้น และก็เป็นไปอย่างที่ทำนายไว้ เพราะทีมนกโรบินส์รั้งอันดับบ๋วยและฤดูกาลนั้นด้วยการมีแต้มห่างจากโซนตกชั้นถึง 10 แต้ม

 

และในปีนั้น สวินดอนทำสถิติโดนยิงห่าง 5 ประตู ถึง 3 ครั้ง ซึ่งครั้งสุดท้ายคือเกมนัดปิดฤดูกาลของพวกเขาที่พ่ายให้กับลีดส์ ยูไนเต็ดเละเทะ 5-0 พร้อมกับตกชั้นด้วยสถิติเสียประตู 100 ลูกจากแข่งขันทั้ง 42 นัดในลีก

 

 

เชลซี 8-0 วีแกน, 2010

 

 

ทั้ง 2 ทีมมีแรงจูงใจที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยวีแกนไม่ต้องดิ้นรนอะไรมากเพราะพวกเขารอดตกชั้นแล้ว ในขณะที่เชลซีต้องเอาชนะให้ได้เพื่อคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครอง ซึ่งหลายคนก็มองไว้อยู่แล้วว่าวีแกนคงบุกไปทำอะไรสิงห์บลูที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ไม่ได้อยู่แล้ว และนั่นก็เป็นเรื่องจริง แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือทีมของโรแบร์โต้ มาร์ติเนซนั้นโดนถล่มยับจนกลายเป็นสถิติแพ้โดยเสียประตูมากที่สุดในลีกจนถึงปัจจุบันนี้

 

 

เจ้าบ้านไปประตูไวตั้งนาทีที่ 6 ต่อมาในนาทีที่ 31 วีแกนก็เหลือผู้เล่น 10 คน เมื่อแกรี่ คาล์ดเวลล์ กัปตันทีมโดนไล่ออก และนั่นคือจุดเริ่มต้นของมหกรรมยำใหญ่ในถ้ำสิงห์บลู ซึ่งสุดท้ายผลจบด้วยสกอร์ 8-0 กับ แฮตทริกของ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ส่งผลให้เชลซีกลายเป็นทีมแรกที่ยิงประตูได้ 100 ลูกในลีกนับตั้งแต่สเปอร์สทำได้ในปี 1961

 

 

นิวคาสเซิล 5-1 สเปอร์ส, 2016

 

 

เหล่ายิด อาร์มี่ ถูกอกถูกใจไม่น้อย เมื่อทีมรักของพวกเขาอย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ กลายเป็นทีมลุ้นแชมป์แบบเซอร์ไพรส์ แต่น่าเสียดายที่มาแผ่วในช่วงท้ายฤดูกาล แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็สามารถคว้าตั๋วไปเล่นฟุตบอลยุโรป พร้อมกับทำอันดับสูงสุดได้เป็นครั้งแรกในรอบ 26 ปี และที่สำคัญพวกเขาจบอันดับสูงกว่าคู่อริร่วมเมืองอย่างอาร์เซน่อลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1995 ด้วย

 

https://www.youtube.com/watch?v=dbveI5iom2o

 

อย่างไรก็ตาม นัดสุดท้ายของฤดูกาลนั้นคือเป็นหนึ่งในวันที่เลวร้ายที่สุดของไก่เดือยทอง เพื่อนบ้านของเขาเอาชนะแอสตัน วิลล่าไปได้ 4-0 แต่พวกเขากลับพ่ายทีมตกชั้นไปแล้วอย่างนิวคาสเซิล 5-1 แถมมีผู้เล่นมากกว่าทีมสาลิกาดงอีกต่างหาก ซึ่งตัวของเมาริซิโอ โปเช็ตติโน่เองก็ออกมายอมรับว่านี่เป็นวันที่แย่ที่สุดในการทำงานกุนซือของเขาเลย

 

 

ฟูแล่ม 6-0 นอริช, 2005

 

 

ใน 92 ทีมระดับอาชีพของอังกฤษเมื่อฤดูกาล 2004-05 มีแค่ทีมเดียวเท่านั้นที่ไม่สามารถบุกไปคว้าชัยนอกจากบ้านได้ นั่นก็คือ นอริช ซิตี้ ซึ่งในนัดสุดท้ายพวกเขาต้องบุกไปเยือนฟูแล่มในถิ่น คราเวน คอร์เทจ แถมฟอร์มกำลังแรงอยู่พอตัว หลังชนะ 3 จาก 4 เกมล่าสุด หากชนะได้ก็มีโอกาสที่พวกเขาจะอยู่รอดปลอยภัยในพรีเมียร์ลีกปีนั้น

 

แต่ทว่าทีมนกขมิ้นเหลืองอ่อนก็ไม่สามารถทำตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ แถมยังโดนเจ้าสัวรัวกระสุนใส่จนหมดสภาพทีมฟอร์มแรงจนสิ้นถึง 6-0 และกลายเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ช่วยทำให้เวสต์บรอมวิชรอดตกชั้นอย่างปาฏิหารย์ในฤดูกาลนั้นอีกด้วย

 

 

เวสต์บรอม 5-5 แมนยูไนเต็ด, 2013

 

 

นี่คือฤดูกาลสุดท้ายที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุมบังเหียนปีศาจแดง ซึ่งเขาก็วางมือจากงานกุนซือแบบสวยๆด้วยการคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 20 มาประดับตู้โชว์ในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้สำเร็จ โดยนัดสุดท้ายของเฟอร์กี้คือการออกไปเยือน เดอะ ฮอว์ธอร์น ของเวสต์บรอม

 

https://www.youtube.com/watch?v=m7K3FcVjU-4

 

และในเกมนัดสุดท้ายชัยชนะก็ทำท่าว่าจะตกเป็นฝั่งเฟอร์กี้ที่ออกนำ เวสต์บรอมวิชถึง 5-2 แต่ทว่าในช่วง 10 นาทีสุดท้าย เดอะ แบ็กกี้ส์ ก็รัวคืนถึง 3 เม็ด ทำให้ปีศาจแดงกับกุนซือชาวสก็อตปิดฉากฤดูกาลนั้นไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ แม้จะการันตีแชมป์ลีกแล้วก็ตาม และนี่เป็นเกมแรกในพรีเมียร์ลีกที่ยิงกันไปถึงฝั่งละ 5 ลูก

 

 

มิดเดิลสโบรห์ 8-1 แมนซิตี้, 2008

 

 

ไม่ว่าแฟนแมนเชสเตอร์ ซิตี้จะชื่นชอบในตัว สเวน โกรัน อิริคสัน มากเพียงใด เขาก็ต้องถูก ทักษิณ ชินวัตร เจ้าของทีมในตอนนั้นปลดออกจากตำแหน่งอยู่ดี หลังจากทำผลงานได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งๆที่ใช้เงินเสริมทัพมากมาย และในนัดสุดท้ายของฤดูกาล 2007-08 ยิ่งทำให้อนาคตของกุนซือชาวสวิชกับเรือใบสีฟ้าดูชัดเจนขึ้นไปอีกว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อต้องออกไปเยือนริเวอร์ไซด์ สเตเดี้ยมของ มิดเดิลสโบรห์

 

https://www.youtube.com/watch?v=l4CCbZmc9HM

 

ซิตี้อาจจะได้ไปเล่นฟุตบอลยุโรปถ้วยเล็กฤดูกาลหน้าด้วยกฏแฟร์เพลย์ในลีก แต่ผลงานในวันสุดท้ายนั้นย่ำแย่เกินทน เมื่อริชาร์ด ดันน์ กัปตันทีม ถูกไล่ออกในนาทีที่ 15 จากนัั้นเกมก็ตกเป็นของทีมสิงห์แดงอย่างสมบูรณ์แบบ และพ่ายไปด้วยสกอร์ 8-1 แถมนักเตะที่ล้มเหลวในอังกฤษอย่าง อฟอนโซ่ อัลเวส ดันมาทำแฮตทริกแรกและแฮตทริกสุดท้ายกับโบโร่ในเกมวันนั้นได้ซะอย่างนั้น

 

 

สโต๊ค 6-1 ลิเวอร์พูล, 2015

 

 

“เกมสุดท้ายของผมในลิเวอร์พูลกลายเป็นฝันร้ายของแท้จริง” สตีเว่น เจอร์ราร์ด ได้เขียนไว้ในหนังสือชีวประวัติของเขาเอง ซึ่งในเกมวันนั้นแข้งหงส์แดงในสนามส่วนใหญ่ ไม่มีความใจสู้, ไม่มีกำลังใจ หรือความมุ่งมั่นทุ่มเทอะไรทั้งนั้น

 

https://www.youtube.com/watch?v=EVUiCHQn_pI

 

ลิเวอร์พูลตามหลัง สโต๊ค ซิตี้ถึง 5-0 ในครึ่งแรก ก่อนจะพ่ายไปด้วยสกอร์ 6-1 และนี่ถือเป็นความพ่ายแพ้ที่ย่อยยับที่สุดของหงส์แดงนับตั้งแต่ปี 1963 แม้กัปตันขวัญใจเดอะ ค็อปจะทำประตูที่ 186 ให้ลิเวอร์พูลได้ แต่นั่นก็ไม่ได้ลบล้างฝันร้ายของเขาในเกมสุดท้ายกับลิเวอร์พูลได้เลยแม้แต่น้อย