ให้มันจบที่รุ่นเรา:ถึงครา”อาซูลกราน่า”ต้องปฏิวัติครั้งใหญ่ 

 

“มันเป็นเกมที่แสนเลวร้าย อัปยศ เกินที่จะพูดออกมาได้ คุณไม่สามารถเล่นแบบนี้ในถ้วยยุโรปได้ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรก หรือครั้งที่สองที่เกิดขึ้นกับเรา “

 

 

“มันยากและผมหวังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันจะตอบสนองบางสิ่ง เราทุกคนต้องไตร่ตรอง และสโมสรต้องการเปลี่ยนแปลง  ผมไม่ได้หมายถึงผู้จัดการทีม หรือนักเตะคนใดเป็นพิเศษ ผมไม่ต้องการระบุชื่อใคร แต่มันต้องเปลี่ยนจริงๆ นี่คือจุดต่ำสุดของสโมสร  หากผมจำเป็นต้องย้ายเพื่อสร้างเลือดใหม่ ผมจะไป เราสู้ไม่ได้ทั้งในยุโรปและในลีก เราปิดซ่อนความจริงนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว” 

 

 

 

ข้างต้นคือคำกล่าวสุดเจ็บช้ำของ เคราร์ด ปีเก้ ปราการหลังตัวเก๋าของ บาร์เซโลน่า ที่เปิดใจ หลังทัพ “เจ้าบุญทุ่ม” เจอฆาตกรรมโหดที่ เอสตาดิโอ ดา ลุซ กรุง ลิสบอน ในเกมที่โดน “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ถล่มเอาชนะราบคาบ 8-2  ร่วงตกรอบ 8 ทีม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลนี้แบบเจ็บปวดสุดๆ 

 

 

ใช้คำว่าราบคาบ นี่ไม่เกินเลยไปจริงๆ  ขยี้ตาหนแล้วหนเล่า ก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าทัพ อาซูลกราน่า จะพ่ายให้กับคู่แข่งถึง 8 ประตู ในเกมเดียว 

 

 

นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรที่ บาร์ซ่า เสียประตูตั้งแต่ 5 ประตูขึ้นไปในถ้วยบิ๊กเอียร์ และยังเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1949 หรือเมื่อ 74 ปีที่แล้ว ที่ยักษ์ใหญ่แห่งแคว้าคาตาลัน   เสียถึง 7 ประตูในเกมเดียว มากไปกว่านั้นยังเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1951 ที่พวกเขาพ่ายแพ้สกอร์ห่างถึง 6 ประตูด้วย

 

 

การยอมจำนนต่อผลการแข่งขัน ในค่ำคืนแห่งฝันร้ายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา  เป็นสัญญานชัดเจนที่สุดว่า นี่คงถึงช่วงเวลาสิ้นสุดแห่งความรุ่งโรจน์ของทัพ “อาซูลกราน่า” นับตั้งแต่การเข้ามาปฏิวัติทีมของ เป๊ป กวาดิโอล่า เมื่อปี 2008 

 

 

รวมไปถึงน่าจะเข้าสู่บทสุดท้ายในอาชีพค้าแข้งของหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลที่โลกลูกหนังเคยมีมาอย่าง ลีโอเนล เมสซี่ ดาวเตะอาร์เจนไตน์ในวัย 33 ปี   พร้อมกันนี้ถ้วยแชมป์ทั้งหมดที่พวกเขาเคยได้ เวลานี้ทุกอย่างดูเหมือนกำลังจะกลายเป็นความทรงจำไปหมดแล้ว 

 

 

เกมนี้ความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกิดขึ้นมากมายไม่ว่าจะ มาร์ค อันเดร  แทร์ สเตเก้น หนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลก ที่พยายามเล่นบอลสั้นกับกองหลังในเขตโทษตัวเอง ซึ่งพอเจอคู่แข่งบีบพื้นที่ใส่ก็เสียบอลหน้าปากประตูตลอด ทั้งที่รู้ว่าเล่นด้วยวิธีนี้ไม่ได้ก็ยังฝืนเล่นต่อ 

 

 

นอกจากนี้ บาร์ซ่า ยังเกิดข้อผิดพลาดในเกมรับตลอด โดยเฉพาะแบ็กขวาอย่าง เนลสัน เซเมโด้ ที่แทบจะเอา อัลฟองโซ่ เดวีส์ หรือ ฟิลิปป์ คูตินโญ่ ที่ลงมาเป็นตัวสำรองไม่อยู่  ขณะที่แดนกลาง เฟรงค์กี้ เดอ ยอง และ เซร์กี้ โรแบร์โต้ ก็แทบขึ้นเกมไม่ได้ หลังโดน เลออน โกเรตซ์ก้า เล่นงานจนอยู่หมัด ส่วนแนวรุกไม่ต้องพูดถึงทั้ง อาร์ตูโร่ วิดัล ,หลุยส์ ซัวเรซ และ เมสซี่ เล่นผิดฟอร์มเงียบเป็นเป่าสาก ไม่รวมถึงตัวสำรองอย่าง อองตวน กรีซมันน์ และ อันซู ฟาติ ที่ลงมาก็แทบไม่มีบทบาทอะไรเลย

 


  ผลงานนัดเดียวอาจเป็นอุบัติเหตุลูกหนัง แต่หากมองโดยรวมตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา นี่คือปีที่พวกเขาหาความสุขแทบไม่เจอ แม้จะเริ่มต้นฤดูกาลในเชิงบวก แต่ผลงานก็เริ่มดิ่งลงเหว นับตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว จวบจนมาถึงช่วงต้นปี ที่เก็บชัยชนะได้เพียง ครั้งเดียว จาก 5 นัด ซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงยุคหลังของทีม 

 

 

และนั่นจึงทำให้ ในวันที่ 14 ม.ค. ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกลางฤดูกาลเมื่อ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ต้องโดนปลดจากตำแหน่ง และถูกทำหน้าที่แทนโดย กีเก้ เซเตียน  กุนซือที่ว่ากันว่าเขามีต้นแบบการทำทีมมาจาก โยฮัน ครัฟฟ์ ศาสดาลูกหนังของทัพ อาซูลกราน่า นั่นเอง

 

แต่สุดท้ายผลงานนั้นกลับไม่ได้ดีขึ้นสมความตั้งใจเท่าไหร่ หนำซ้ำตัวของ เซเตียน และ เอแดร์ ซาราเบีย มือขวาของเขา ยังมีปัญหากับเหล่าผู้เล่นในทีมด้วย  ก่อนที่ปราสาททรายจะเริ่มพังพินาศขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากถูกเขี่ยตกรอบในถ้วย โกปา เดล์เรย์ และยังโดน เรอัล มาดริด คู่อริตลอดกาลแซงคว้าแชมป์ ลาลีกา สเปน ไปครองแบบหน้าตาเฉย

 

 

 นั่นถือว่าเป็นสิ่งแฟนบอลหลายคนเริ่มทนไม่ได้ และเรียกร้องให้บอร์ดบริหารนำโดย โจเซป บาร์โตเมว ประธานสโมสร รีบเปลี่ยนแปลงอะไรซักอย่าง ก่อนที่สุดท้ายไม่ทันการและอย่างที่เห็นคือเวลานี้พวกเขาต้องพบกับผลการแข่งขันที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรในถ้วยยุโรปไปซะแล้ว 

 

 

เชื่อเหลือเกินว่าต่อจากนี้ เซเตียน จะโดนปลดออกจากตำแหน่งกุนซืออย่างไม่ต้องสงสัย เพราะผลงานที่ออกมามันชัดเจนแล้วว่าเขายังไม่ดีพอสำหรับสโมสรแห่งนี้ แต่อีกสิ่งที่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงก็คือเรื่องของตัวนักเตะภายในทีมนี่แหละ

 

 

อายุเฉลี่ยของขุนพลแข้งบาร์ซ่า ในเวลานี้ อยู่ที่ 29 ปี 329 วัน นี่คือทีมเจ้าบุญทุ่ม ที่มีความสูงวัยมากที่สุดนับตั้งแต่เคยมีมาตลอดระยะเวลา 15 ปีหลังสุดก็ว่าได้ ผลงานและประสิทธิภาพของทีม เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า คุณภาพของเหล่านักเตะนั้นลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และในฤดูกาลนี้ก็ชัดเจนว่ามันเข้าใกล้คำว่าดำดิ่งที่สุดแล้ว  

 

 

ย้อนไปช่วงซัมเมอร์ปี 2014 น่าจะเป็นปีสุดท้ายที่ ทัพ “เจ้าบุญทุ่ม” เสริมทัพได้จริงจัง และตรงเป้าที่สุด การจ่ายเงินไป 165 ล้านยูโร เพื่อแลกกับแข้งอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ ,มาร์ค อังเดร สเตเก้น และ อีวาน ราคิติช นั่นทำให้ทีมได้รับการปรับปรุงในตำแหน่งสำคัญให้ดีขึ้น ก่อนที่พวกเขาจะ คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ไปครองในฤดูกาลนั้นด้วย  

 

 

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บาร์ซ่า ได้ทุ่มเงินไปกว่า 800 ล้านยูโร ไปกับนักเตะใหม่ แต่ไม่มีแม้แต่คนเดียว ที่สามารถจะก้าวขึ้นมาเป็นแข้งแกนหลักทดแทนแข้งที่หายไปอย่าง  อันเดรียส อิเนียสต้า ,ชาบี เอร์นานเดส ,ดาเนี่ยล อัลเวส หรือแม้กระทั่ง ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ได้เลย 

 

ส่วนแข้งที่อยู่ในทีมจากเวลานั้น จวบจนปัจจุบันอย่าง เคราร์ด ปีเก้ ,เซร์คิโอ บุสเกตส์ ,ซัวเรซ หรือ เมสซี่ ต่างก็เข้าสู่วัยโรยรา อายุเกิน 30 ปีกันหมด และพวกเขาไม่สามารถกรำศึกหนักกับตารางแข่งขันที่เกิดขึ้นในปัจจุบันที่เล่นกันทุก 3 หรือ 4 วัน อีกต่อไปแล้ว

 


นั่นคือปัญหาทั้งหมดที่ โจเซป บาร์โตเมว จำเป็นต้องเร่งแก้ไขให้เร็วที่สุด เพราะนอกจากปัญหาที่กล่าวมาแล้ว บอร์ดบริหารของทีมนี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่เช่นกัน และหากไม่มีการแก้ไขอะไรให้ดีอย่างที่มันควรจะเป็น การเลือกตั้งสมัยหน้า บาร์โตเมว ก็เตรียมอำลาถิ่น คัมป์ นู ไปได้เลย 

 

 

 สุดท้ายจากนี้ไป จะเป็นใครที่เข้ามาทำหน้าที่คุมทีมแทน เซเตียน หรือจะมีแข้งรายใดเข้ามาเสริมทัพ ก็คงยังไม่มีใครล่วงรู้ได้ แต่ที่แน่ๆคือ ถึงเวลานี้ สโมสร บาร์เซโลน่า แห่งนี้ 

 

 

 

 จำเป็นต้องผลัดใบครั้งใหญ่อย่างแท้จริงแล้ว

 

DaboyG