ไขกุญแจ : เหตุไฉน เรือใบสีฟ้า จึงดีพอกวาด4แชมป์ฤดูกาลนี้

 

 

 

ชัยชนะ 20 นัดติดต่อกัน ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เวลานี้ กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ ของวงการลูกหนังผู้ดีเป็นที่เรียบร้อยในเวลานี้ เรียกได้ว่าหลังจากลูกทีมของ เป๊ป กวาดิโอล่า หลุดวงโคจรไปเมื่อฤดูกาลก่อน ถึงเวลานี้พวกเขาพร้อมแล้วที่จะกวาดแชมป์ทุกรายการที่มีอยู่ 

 

พรีเมียร์ลีก นำเป็นจ่าฝูง  ทำแต้มนำห่าง แมนฯยูไนเต็ด คู่อริร่วมเมือง 12 แต้ม ,ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก บุกไปเอาชนะ โบรุสเซียร์ มึนเช่น กลัดบัด 2-0 โอกาสเข้ารอบ 8 ทีมแทบจะแบเบอร์ ,เอฟเอ คัพ ทะลุถึงรอบ 8 ทีมดวล เอฟเวอร์ตัน และ คาราบาวลีก คัพ เข้าถึงรอบชิงดวลกับ สเปอร์ส ในวันที่ 25 เม.ย.นี้ 

 

อะไรทำให้ “เรือใบสีฟ้า” กลับมาแล่นฉิว จนใครยากจะต้านทานอีกครั้ง วันนี้เราจะพามาไขกุญแจถึงเหตุผลของทัพ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้กันว่า ทำไมพวกเขาถึงมีโอกาสที่จะสร้างประวัติศาสร์เป็นสโมสรแรกของลีกอังกฤษที่คว้าเรียบทั้ง 4 แชมป์

 

 

เลิกกังวลเพราะ เป๊ป กวาดิโอล่า ต่อสัญญาใหม่ 

 

 

แฟนบอล เรือใบสีฟ้า คงลุ้นระทึกกันไม่น้อย เพราะจากสถิติ เป๊ป นั้นจะอยู่ค้าแข้งกับสโมสรใดก็ตามไม่เกิน 4 ปี และเมื่อสัญญาในฤดูกาลนี้สิ้นสุดลง เขาจะสามารถย้ายไปคุมทีมไหนก็ได้ ซึ่งจากผลงานที่ย่ำแย่ในฤดูกาลที่แล้ว เชื่อว่าหลายคนคงคิดว่าคงถึงเวลาที่ กุนซือจอมขมังเวทย์รายนี้ จะออกไปหาความท้าทายที่อื่นแล้ว 

 

 

 จนกระทั่งเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ความกังวลทุกอย่างก็สิ้นสุดลง เมื่อ เป๊ป ตัดสินใหญ่ขยายสัญญาออกไป 2 ปี และจะทำให้เขาอยู่กับทีมอย่างน้อยถึงปี 2023 ที่สำคัญคือหลังเซ็นสัญญาฉบับนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ฟอร์มผงาดฟ้าแพ้ไปเกมเดียวเท่านั้น เรียกว่าบอร์ดบริหารคงจะเตรียมงบก้อนใหญ่ให้เขาเสริมทัพอย่างแน่นอนในซัมเมอร์นี้ 

 

 

 

แนวรับแน่นปึ๊กลงล็อค

 

นับตั้งแต่การขาดหายไปของ แวงซองต์ กอมปานี ปราการหลังกัปตันทีม เมื่อฤดูกาล 2018/19 ซิตี้ ก็พยายามอย่างยิ่งที่จะหา หัวใจหลักในเกมรับคนใหม่ จนกระทั่งฤดูกาลนี้การเข้ามาของผู้เล่นที่ค่าตัวแพงที่สุดของสโมสรอย่าง รูเบน ดิอาส ปราการหลังเบนฟิก้า ด้วยค่าตัว 64 ล้านปอนด์ ก็ตอบโจทย์ข้อนี้ได้เสียที 

นอกจากการมาของแนวรับโปรตุกีส จอห์น สโตนส์ ก็ได้เจอกับฤดูกาลที่ดีที่สุดของเขาที่ เอติฮัด และการลงสนามของทั้งคู่รวมกัน 15 เกมในฤดูกาลนี้ ช่วยให้ซิตี้ เก็บคลีนชีตไปได้ถึง 12 ครั้งจาก 15 นัด  นอกจากนี้ยังมี อายเมอริค ลาปอร์ต อีกคนที่สามารถสลับเปลี่ยนหมุนเวียนได้ ทำให้ถึงเวลานี้ ซิตี้เสียไปเพียง 15 ประตูจาก 25 นัดที่ลงสนามเท่านั้น

 

 

กุนโดกัน ยิงประตูถล่มทลาย

 

จากผู้เล่นที่ดูเหมือนจะหมดอนาคตกับทีมไปแล้ว หลังต้องเผชิญหน้ากับอาการบาดเจ็บมาหลายฤดูกาล ถึงเวลานี้มิดฟิลด์ทีมชาติเยอรมนี ผู้นี้ก็ระเบิดฟอร์มสุดเหลือเชื่อออกมาให้ทุกคนเห็นในฤดูกาลนี้แล้ว

 

กับตำแหน่งใหม่อย่าง กองกลางตัวรุก ที่ทดแทนในช่วง เควิน เดอบรอยน์ หายไป  หรือการเขยิบขึ้นไปเล่นในตำแหน่ง False9 ในช่วงเวลาที่กองหน้าของทีมบาดเจ็บทำให้ กุนโดกาน ยิงไปถึง 13 ประตู  ในฤดูกาลนี้ พร้อมทำให้เขาคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกเมื่อเดือนที่ผ่านมาด้วย

 

ไม่ต้องพึ่ง แฟร์นานดินโญ่  เหมือนที่เคย  

 

หลายฤดูกาลที่ผ่านมา แฟร์นานดินโญ่ นับเป็นแข้งกำลังหลักของทัพ “เรือใบสีฟ้า” ไม่ว่าทีมจะประสบปัญหาในเกมรับ   ห้องเครื่องชาวบราซิล ที่เล่นมิดฟิลด์มาตลอดชีวิต ต้องผันมาเป็นกองหลังจำเป็น หรือแม้กระทั่งการให้ ดาวเตะวัย 35 ปี ยังคงต้องยืนเป็นแกนหลักในแดนกลางแม้ว่าจะซื้อ โรดรี้ เข้ามาด้วยค่าตัวถึง 63 ล้านปอนด์ เรียกว่าแข้งแซมบ้ารายนี้เป็นทุกอย่างให้เธอแล้วจริงๆ   

แต่มาฤดูกาลนี้ เป๊ป ไม่จำเป็นต้องพึ่งพา แฟร์นานดินโญ่ อีกต่อไป เมื่อ โรดรี้ เริ่มปรับตัวจากบอลลาลีกา สเปน มาเล่นบอลพรีเมียร์ลีก ได้อย่างลงตัว และยืนเป็นแกนหลักของทีมในฤดูกาลนี้ ส่วนปัญหาเกมรับก็ถูกขจัดหมดสิ้นด้วยการเข้ามาของ รูเบน ดิอาส ผนวกกับ จอห์น สโตนส์ กลับชาติมาเกิดท็อปฟอร์มอีกครั้ง หรือ อายเมอริค ลาปอร์ต ที่แม้จะเจอปัญหาเจ็บรบกวนบ้าง แต่ก็แกร่งพอที่จะถูกสลับเป็นตัวจริงตามจังหวะและเวลา

 

 

ขาด อเกวโร่ ไม่ได้ขาดใจอีกต่อไป 

 

ใครทุกคนรู้ดีว่า เซร์คิโอ “กุน” อเกวโร่ มีความสำคัญกับ ซิตี้ มากแค่ไหน ตลอด 10 ปีที่ดาวยิงอาร์เจนไตน์ ค้าแข้งกับทีม เขาคือกองหน้าหมายเลข 1 มาโดยตลอด จนกระทั่งฤดูกาลนี้เจ้าตัวต้องเผชิญหน้ากับอาการบาดเจ็บต่อเนื่องและแทบไม่ได้ลงสนามให้กับทีม จนหลายฝ่ายแสดงความกังวลว่า เป๊ป จะไหวไหมกับกองหน้าที่มีอยู่ 

 

ปรากฏว่า ฤดูกาลนี้ กุนซือชาวสแปนิช ที่เป็นจอมแท็กติกอยู่แล้ว ปรับมาให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง แนวรุกตัวจิ๊ด เขยิบขึ้นมาเป็นกองหน้าแทน พร้อมกับบางครั้งที่ลองเขยิบ เควิน เดอบรอยน์ ขึ้นไปเล่นในตำแหน่ง โalse9 เป็นบางครา ขณะเดียวกัน กาเบรียล เฆซุส กองหน้าบราซิล ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก และก็ทำผลงานพอได้ หลังซัดไป 9 ประตู จาก 25 นัด  พร้อมกันนี้แนวรุกทุกคนยังสุดจัดเมื่อ 15 นัดหลังสุดจากทุกรายการซัดไปแล้วทะลุ 40 ประตู 

 

 

การแจ้งเกิดของ โฟเด้น แบบเต็มตัว 

 

มองไปที่กองกลางของ ซิตี้ ที่มีทั้ง เควิน เดอ บรอยน์ ,โรดรี้ ,อิลกาย กุนโดกาน ,แบร์นานโด ซิลวา ,ริยาด มาห์เรซ ,เฟร์ราน ตอร์เรส ,ราฮีม สเตอร์ลิง และ แฟร์นานดินโญ่  มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีดาวรุ่งซักคนก้าวขึ้นมาเบียดทุกคนและยึดตัวจริงในแผงมิดฟิลด์ของ ซิตี้ ชุดนี้ได้

แต่หลังจากที่ เป๊ป ปลุกปั้น บ่มเพาะ โฟเด้น มาเป็นเวลาร่วม 2 ฤดูกาลจนเข้าที่ ถึงเวลานี้วันเดอร์คิดส์ ทีมชาติอังกฤษ ก็ฉายแสงออกมาเต็มที่ในฤดูกาลนี้ พร้อมกับก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมได้อย่างสมศักดิ์ศรี และยิงไป 11 ประตู กับ 6 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 32 นัดในทุกรายการ และนี่คือว่าที่นักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้อย่างไม่ต้องสงสัย 

 

 

 

700 ล้านปอนด์ที่ทุ่มซื้อนักเตะไม่เสียเปล่า 

 

เป๊ป กวาดิโอล่า ออกมายอมรับก่อนหน้านี้ว่าเหตุผลที่เขาพาทีมชนะ 19 นัดติดต่อกัน ส่วนสำคัญเลยคือทีมนั้นมีเงินจำนวนมหาศาล เพื่อนำมาเสริมทัพได้แบบมากมาย และหากไม่มีแข้งคุณภาพเหล่านี้ ผลงานก็คงไม่สุดยอดเช่นนี้ 

 หากลองมองดูดีๆ อย่าง ลิเวอร์พูล แชมป์เก่าที่เล่นได้อย่างไร้เทียมทานเมื่อฤดูกาลก่อน เวลานี้ขาด เวอร์กิล ฟานไดค์ ที่เจ็บยาว ทำเอาทีมถึงกับเป๋และหลุดท็อปโฟว์ไปแล้ว เพราะพวกเขาไม่มีตัวสำรองที่ดีพอจะทดแทนกันได้นั่นเอง  แต่กับ ซิตี้ นั้นสามารถแบ่งทีมที่มีนักเตะคุณภาพพอกันได้ถึง 2 ทีมแบบสบายๆ เพราะฉะนั้น ฤดูกาลนี้ที่แข้งสำคัญอย่าง อเกวโร่ หรือ เดอบรอยน์ ได้รับบาดเจ็บ จึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่พวกเขาเผชิญแม้แต่น้อย

 

                 DaboyG