ไขข้อข้องใจ False 9 ตำแหน่งใหม่ยุค นิชิโนะ

 

เมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา อากิระ นิชิโนะ กุนซือทีมชาติไทยได้ประกาศรายชื่อ 23 แช้งช้างศึกชุดลุยฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย มาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และสิ่งที่น่าแปลกใจที่สุดคงหนีไม่พ้น การที่ในทีมมีกองหน้ามีแค่ ศุภชัย ใจเด็ด เพียงคนเดียวเท่านนั้น

 

ด้วยเหตุนี้ทำให้มีแนวโน้มว่า อดีตนายใหญ่ทีมชาติญี่ปุ่นอาจจะใช้แผนหัวหอกยุคใหม่อย่าง ฟอลส์ ไนน์ หรือ เรียกอีกอย่างว่า กองหน้าตัวหลอก เป็นทีเด็ดในการทำศึกกับ ทีมชาติเวียดนาม และ อินโดนีเซีย ในระหว่างวันที่ 5 กันยายน ถึง 10 กันยายนนี้ 

 

ซึ่งปัจจุบันการเล่นใช้หน้าต่ำแบบ ฟอลส์ ไนน์ ไม่มีทีท่าจะลดความนิยมแต่อย่างใด หนำซ้ำการเล่นแบบนี้ยังได้รับความนิยมมากขึ้นๆเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นสโมสรเล็กหรือทีมใหญ่ เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหากองหน้าที่มีน้อยเกินไป 

 

ทาง UFA ARENA จึงถือโอกาสพูดถึงการเล่นฟุตบอลในตำแหน่ง ฟอลส์ ไนน์ นี้ซักหน่อยว่าคืออะไร มีที่มาที่ไปอย่างไร สถานการณ์ในตอนนี้รวมถึงอนาคตของฟอลส์ ไนน์ มีแนวโน้มเป็นอย่างไร รวมไปถึงมีแข้งคนไหนในทีมชาติไทยที่พอจะแบกรับตำแหน่งสุดหินนี้บ้างผ่านบทความนี้กัน 

 

 

ฟอลส์ ไนน์ คืออะไร?

 

 

ก่อนที่จะรู้ว่าตำแหน่ง ฟอลส์ ไนน์คืออะไร ลองมาดูกันที่ตำแหน่งกองหน้าหมายเลข 9 แบบปกติกันก่อน ในอดีตเบอร์ของนักเตะมักจจะถูกวางไว้ว่าเล่นตำแหน่งอะไรกัน อย่างเช่นนายทวารก็ต้องเบอร์ 1 ตัวริมเส้นฝั่งขวาก็ต้องเบอร์ 7 และแน่นอนกองหน้าดั้งเดิมก็ต้องสวมใส่เบอร์ 9 โดยหน้าที่หลักๆของตำแหน่งนี้ก็คือ ยิงประตูให้ทีม อีกทั้งยังมีร่างกายสูงใหญ่ ยืนชนกองหลังฝ่ายตรงข้ามได้ และ ปักหลักในกรอบเขตโทษ รวมถึงเป็นเป้าหมายสำคัญในการจ่ายบอลเพื่อโจมตีคู่ต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นลูกโด่งหรือการจ่ายทะลุช่องก็ตาม

 

  ในทางกลับกัน ฟอลส์ ไนน์ นั่นหมายถึงกองหน้าในทีมที่ไม่ได้เล่นแบบกองหน้าทั่วไป ไม่ได้รูปร่างสูงใหญ่เป็นจุดแข็ง พวกเขาจะยืนต่ำแทบจะเท่าๆกับกองกลางในทีม ไม่ประจำอยู่ในกรอบเขตโทษ เพื่อที่จะคอยสร้างความปั่นปวนในแผงหลังคู่แข่ง และเปิดช่องว่างให้เพื่อนร่วมทีมเล่นได้สะดวกขึ้น รวมถึงมีอิสระกับเกมรุกมากกว่ากองหน้าแบบปกติทั่วไปด้วย

 

 

ประโยชน์ของฟอลส์ ไนน์ 

 

 

การใช้ ฟอลส์ ไนน์ จะทำให้ทีมไม่มีกองหน้าตัวเป้า แต่จะใช้ กองหน้าตัวกว้าง,กองกลาง และ ปีก เป็นตัวเติมขึ้นไปในแดนหน้า โดยนักเตะตำแหน่งนี้จะเป็นนักเตะที่คอยดึงกองหลังให้หลุดจากตำแหน่ง และให้ตำแหน่งอื่นๆขึ้นทำประตู นอกจากนี้ ฟอลส์ ไนน์ ยังเป็นตำแหน่งที่คอยเชื่อมเกม ไม่ยืนเป็นหน้าค้ำ แต่จะยืนต่ำลงมา เพื่อคอยช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมได้อีกด้วย อีกทั้งยังเป็นคนที่คอยจูนจังหวะของเกมให้ช้า หรือ เร็ว และจะมีประสิทธิภาพมากแน่นอนมากขึ้น

 

ข้อดี ของกองหน้าตัวหลอกก็คือ พวกเขาจะทำให้เกมลื่นไหล และคล่องตัวในการทำเกม แต่ก็ใช่ว่าตำแหน่งนี้จะไม่มีข้อเสียเลย ที่หลายคนที่เห็นได้ชัดก็คือ หากทีมฝ่ายตรงข้ามเล่นตรึงแผงหลังแน่นๆ มีวินัย ไม่ให้หลุดจากตำแหน่งที่ตัวเองได้รับหมอบหมาย ก็อาจจะส่งผลให้ ผู้เล่นฟอลส์ ไนน์ ไม่สามารถทำอะไรคู่แข่งได้มากนัก และมีน้อยคนมากๆที่จะเล่นในตำแหน่งนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

 

ประวัติศาสตร์การเล่นแบบ ฟอลส์ ไนน์

 

 

หลายคนอาจจะคิดว่า ลิโอเนล เมสซี่ ดาวเตะบาร์เซโลน่า ไม่ก็ ฟรานเชสโก้ ต็อตติ แข้งตำนานของโรม่า เป็นผู้เล่นชุดแรกๆที่ได้เล่นเป็นกองหน้าตัวหลอกนี้ แต่จริงๆแล้วมันเกิดขึ้นครั้งแรกในยุค 1930 โดยนักเตะทีมชาติอสสเตรียที่มีชื่อว่า มัทไธอัส ซินเดอลาร์ ที่มาได้เล่นตำแหน่งนี้เพราะข้อจำกัดทางด้านร่างกายที่ไม่สูงใหญ่เหมือนกองหน้าปกติทั่วไป จึงทำให้เขาเลือกยืนต่ำกว่าปกติเพื่อคอยสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมเข้าไปทำประตู

 

ต่อมา นานดอร์ ฮิเดกูติ แข้งทีมชาติฮังการีก็เป็นอีกคนที่เล่นในตำแหน่งนี้ ในยุค 1950 ซึ่งพวกเขาทั้งคนต่างพาชาติบ้านเกิดเล่นงานทีมชาติอังกฤษที่มีกองหน้าสไตล์ดั้งเดิมแบบย่อยยับในยุคนั้น ก่อนที่การเล่นแบบนั้นจะค่อยๆถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา 

 

แต่ทว่าในปี 2006 การเล่นแบบฟอลส์ ไนน์ก็เริ่มกลับมาเห็นอีกครั้ง ในยุคที่โรม่ามีลูเซียโน่ สปัลเลตติ คุมอยู่ โดยเขาวางให้ต็อตติ สตาร์ดังของทีมเล่นในตำแหน่งนี้ แม้ว่าเจ้าตัวจะดูเหมือนกองกลางตัวรุกที่คอยสร้างสรรค์เกม มากกว่ากองหน้าที่ลงมายืนต่ำก็ตาม

 

กองหน้าตัวหลอกรุ่งเรืองสุดขีดในยุคที่เป็ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามาคุมบาร์เซโลน่า เมื่อปี 2008 และได้ปั้นให้ลิโอเนล เมสซี่ เป็นฟอลส์ ไนน์ที่ดีที่สุดในโลก และทำให้สเปนนำการเล่นแบบนั้นมาปรับใช้ในทีมชาติจนทำให้พวกเขาคว้าแชมป์โลกในปี 2010 และแชมป์ยูโร ปี 2012 ไปครองได้ 

 

 

ทีมไหนใช้บ้าง

 

 

ในตอนนี้ทีมที่ใช้อยู่มากพอสมควรทั้งสโมสรในสเปน รวมถึงหลายประเทศด้วย โดยส่วนใหญ่มักจะเป็นทีมที่ไม่มีกองหน้าสูงใหญ่เล่นลูกกลางอากาศได้ดี หรือเป็นทีมที่เน้นการเล่นแบบครองบอล และบาร์เซโลน่าคือหนึ่งในทีมต้นแบบและยังคงใช้ระบบกองหน้าตัวหลอกอยู่ โดยมีลิโอเนล เมสซี่ เป็นคนครองตำแหน่งนี้ในทีม 

 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีเป็ป กวาร์ดิโอล่า เป็นกุนซือก็ถูกปรับเปลี่ยนให้กองหน้าในทีมรับบทบาทในตำแหน่ง ซึ่งมีทั้ง เซร์กิโอ อเกวโร่ และกาเบรียล เฆซุส ที่คอยสลับผลัดเปลี่ยนกันรับหน้าที่นี้ในทีม

 

ส่วนอีกทีมที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือ ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ที่ได้ดัดแปลง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ แข้งแซมบ้าที่เล่นในตำแหน่งกลางรุกธรรมชาติ ให้กลายเป็นกองหน้าแบบฟอลส์ ไนน์ ซึ่งส่งผลให้เพื่อนร่วมทีมอย่าง โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ ยิงได้เป็นกอบเป็นกำในฤดูกาลที่แล้ว รวมไปถึงฤดูกาลปัจจุบันด้วย

 

 

ฟอลส์ไนน์กับทีมชาติไทย

 

 

นี่คงจะเป็นครั้งแรกที่ทีมช้างศึกนำตำแหน่งสุดล้ำนี้มาใช้อย่างเป็นทางการ เนื่องจากในอดีต ทีมไทยมักนิยมใช้กองหน้าแท้ๆยืนเป็นค้ำในแดนหน้าเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกุนซือจากบ้านเรา, จากต่างประเทศ หรือยุคเก่าหรือใหม่ก็ตาม

 

และหากไล่รายชื่อดูอย่างละเอียด ถ้า นิชิโนะ ไม่ส่งกองหน้าดาวรุ่งจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ลงเป็นหัวหอกแบบปกติ คนที่น่าจะทำหน้าที่ในตำแหน่งกองหน้าตัวหลอกได้ดีที่สุดในทีมน่าจะเป็น ‘เมสซี่เจ’ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลย์เมกเกอร์ฟอร์มแรงจาก คอนซาโดเล ซัปโปโร

 

ด้วยลีลาการลากเลื้อยที่พริ้วไหว, การจ่ายบอลที่แม่นยำ รวมถึงทักษะการจบสกอร์ที่เฉียบคมและหวังผลได้ในระดับที่ดี ทำให้อดีตดาวเตะเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เป็นเบอร์หนึ่งในตำแหน่งนี้ไปอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง

 

บวกกับแนวทางการทำทีมของ อดีตกุนซือทีมชาติญี่ปุ่นที่เน้นการครอบครองบอลและขึ้นเกมจากแเดนกลางเป็นหลัก อย่างที่เราเคยเห็นมาแล้วกับทัพซามูไรบลูในเวิล์ดคัพฉบับหมีขาว ยิ่งทำให้โอกาสในการใช้ ฟอลส์ ไนน์ แทนที่ กองหน้าแบบปกติ มีสูงขึ้นไปอีก

 

ในกรณีที่ ‘เจ้าเจ’ ไม่พร้อมลงเล่นหรือมีอาการบาดเจ็บ อีกคนที่น่าจะพอทำหน้าที่ในตำแหน่งนี้ได้ก็คือ ‘เจ้านิว’ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ มิดฟิลด์จาก โออิตะ ทรินิตะ แน่นอนว่าเขาคงทำเกมบุกได้ดีไม่ทำชนาธิปอยู่พอสมควร แต่ก็ได้ความอึดที่สามารถขึ้นไปช่วยเกมรุกหรือลงไปเสริมเกมรับได้ตลอด 90 นาทีมาทดแทน

 

 

ฟอลส์ ไนน์ในปัจจุบัน

 

 

แน่นอน การวางระบบกองหน้าตัวหลอกๆนี้ ถือเป็นแผนที่น่าสนใจไม่น้อย แต่ปัญหาหลักๆของมันก็คือคือ มีคนที่เล่นได้ดีไม่กี่คนหรอก และในตอนนี้แฟนบอลก็ยังมองว่า เมสซี่เป็นนักเตะที่เล่นในตำแหน่ง ฟอลส์ ไนน์ ได้สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีนักเตะคนอื่นได้เล่นได้ดีเลย อย่างที่บอกไปในข้างบนว่า อเกวโร่ หรือ ฟีร์มีโน่ ต่างก็ทำหน้าที่ตรงนี้ออกมาได้ดีพอสมควร

 

มีนักเตะอยู่มากนักที่ไม่สามารถแสดงศักยภาพในตำแหน่งได้ดี เนื่องจากจะต้องยิงประตูได้ดีแบบกองหน้าแล้ว เขายังต้องลงมาเชื่อมเกมได้ จ่ายบอลได้ดี วิ่งทำทางเพื่อสร้างโอกาส หรือ เปิดช่องว่างให้เพื่อนร่วมทีมเข้ามาจู่โจมได้ 

 

อย่างในฤดูกาลที่แล้ว เอเด็น อาซาร์ คือตัวอย่างที่ไม่ดีนักในการจับเขามาเล่นเป็นฟอลส์ ไนน์ หลายคนจะเข้าใจว่าที่ เมาริซิโอ ซาร์รี่ นายใหญ่เชลซี ณ เวลานั้นทำแบบนี้ เพราะกองหน้าในทีมฟอร์มฝืดเกินกว่าจะรับได้ แม้ว่าเขาจะได้ดีในช่วงแรกๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปทุกอย่างก็ค่อยๆชัดเจนว่าอาซาร์คือนักเตะที่ล้มเหลวในการเล่นตำแหน่งนี้ แม้จะมีทักษะครบเครื่องมากๆก็ตาม และนั่นก็ส่งผลกระทบต่อทีมจนทำให้เกมรุกดูตื้อตันกว่าเดิม จนต้องดันกอนซาโล่ อิกวาอิน และ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ มาเล่นในตำแหน่งหน้าเป้าปกติแทน

 

ด้วยรูปแบบการเล่นที่ต้องเน้นความสามารถและความสมบูรณ์แบบในทุกๆอย่าง เชื่อว่าหลังจากหมดยุคเมสซี่ไป เราอาจจะไม่ได้เห็นกองหน้าตัวหลอกที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ไปอีกพักใหญ่ๆเลยล่ะ