ไฉไลกว่าเดิม! คาดการณ์ 11 ตัวจริงแข้งเทพยุคโค้ชแบน

 

ยอดทีมในศึก โตโยต้า ไทยลีก อย่าง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เพิ่งประกาศแต่งตั้ง “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน เข้ามารับตำแหน่งกุนซือคนใหม่ของสโมสรแทนที่ มาโน่ โพลกิ้ง ซึ่งเพิ่งปิดฉากการทำงานระยะเวลา 6 ปี แยกทางกับสโมสรเมื่อสัปดาห์ก่อน

 

แน่นอนว่าการเข้ามาของเทรนเนอร์สุภาพบุรุษลูกหนังน่าจะทำให้ “แข้งเทพ” เกิดการเปลี่ยนแปลงพอสมควร โดยเฉพาะในเรื่องของระบบการเล่น ซึ่งแต่เดิมยุค มาโน่ พวกเขามักเปลี่ยนแปลงแผนการเล่นระหว่าง 4-3-3 กับ 3-5-2 อยู่บ่อยครั้ง

 

อย่างไรก็ตามภายใต้การทำทีมของ “โค้ชแบน” เชื่อว่ายอดทีมแห่งเมืองหลวงน่าจะปรับมาเล่นระบบ 4-3-3 อย่างถาวร ซึ่งนี่ถือเป็นรูปแบบการเล่นที่กุนซือวัย 48 ปี เคยพาสโมสรอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ชุดดรีมทีมประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ โตโยต้า ไทยลีก ซีซั่น 2016 มาแล้ว

 

โดยวันนี้ Ufaarena จะขอพาไปดูกันว่าด้วยระบบการเล่น 4-3-3 ของ ธชตวัน ศรีปาน กับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ผู้เล่นคนไหนจะไดรับโอกาสส่งลงสนามเป็น 11 ตัวจริง ให้กับทีมกันบ้าง

 

 

 

ผู้รักษาประตู | ไมเคิล ฟาลเคสการ์ด

 

แน่นอนว่าสำหรับผู้รักษาประตูคงเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก นายทวารมือหนึ่งลูกครึ่งฟิลิปปินส์-เดนมาร์ก อย่าง ไมเคิล ฟาลเคสการ์ด ซึ่งทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมและยึดตำแหน่งตัวจริงนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับสโมสรเมื่อซีซั่น 2018

 

โดยฤดูกาลที่แล้วนายด่านวัย 29 ปี ลงสนามให้กับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด 22 นัด เก็บคลีนชีทได้ถึง 6 เกม เพราะฉะนั้น ฟาลเคสการ์ด น่าจะการันตีมือกาวเบอร์หนึ่งภายใต้ยุคการคุมทีมของ ธชตวัน ศรีปาน แบบไม่ต้องสงสัย

 

 

แบ็คขวา | ทริสตอง โด

 

ด้วยสไตล์การเล่นเน้นความดุดันของ “โคช้แบน” แน่นอนว่าคำแหน่งฟูลแบ็คต้องเป็นผู้เล่นที่สามารถเล่นได้ดีทั้งเกมรุกและรับ ซึ่งทางฝั่งขวา “แข้งเทพ” ทริสตอง โด คือตัวเลือกแรกของทีม

 

แข้งลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส ถือเป็นแบ็คที่เล่นเกมรุกได้ดีมากถึงขนาดบ้างครั้ง มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือเก่า แบงค็อก ยูไนเต็ด จับไปยืนตำแหน่งปีกมาแล้ว ดังนั้นในยุคของเฮดโค้ชคนใหม่ โด ก็น่าจะยังคงยึดตำแหน่งตัวจริงได้เหมือนเดิม

 

 

เซ็นเตอร์แบ็ค | เอฟเวอร์ตัน กอนซาเลซ

 

ส่วนตำแหน่งกองหลังตัวกลางยืนหนึ่งต้องเป็น เอฟเวอร์ตัน กอนซาเลซ แข้งชาวบราซิล ซึ่งโชว์ฟอร์มแข็งแกร่งให้กับทีมตั้งแต่ยุคของกุนซือคนก่อนและเป็นหัวใจสำคัญแนวรับ ทรู แบงค็อก เลยก็ว่าได้

 

จุดเด่นของ เอฟเวอร์ตัน คือการจังหวะดวลตัวต่อตัวกับผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามซึ่งเขาสามารถเอาชนะได้เกือบตลอด รวมไปถึงการเล่นลูกกลางอาการอันแข็งแกร่ง หากไม่มีปัญหาบาดเจ็บหรือติดโทษแบนเขาน่าจะไม่พลาดการลงสนามแน่นอน

 

 

เซ็นเตอร์แบ็ค | มานูเอล ทอม เบียรห์

 

ขณะที่คู่เซ็นเตอร์อีกคนก็คงต้องเป็นดาวเตะดีกรีทีมชาติไทย อย่าง มานูเอล ทอม เบียรห์ ซึ่งทำผลงานตลอดซีซั่น 2019 ได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน

 

จุดเด่นของแข้งลูกครึ่งไทย-เยอรมัน คือการเข้าบอลที่หนักแน่นเด็ดขาด, เล่นลูกกลางอาการได้ดี และอ่านเกมได้อย่างเฉียบคม ซึ่งเจ้าตัวน่าจะยืนตำแหน่งกองหลังตัวกลางคู่กับ เอฟเวอร์ตัน กอนซาเลซ ให้กับ แบงค็อก ยุคของ “โค้ชแบน” ไปอีกยาว

 

 

แบ็คซ้าย | พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา

 

ข้ามมาที่ตำแหน่งแบ็คซ้าย พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา คงเป็นตัวเลือกเบอร์หนึ่งแน่นอน เพราะด้วยชื่อชั้นแล้วผลงานดูดีกว่าคู่แข่งในตำแหน่งเดียวกันอย่าง วันชัย จารุนงคราญ แบบชัดเจน

 

นอกจากนั้นเช่นเดียวกับ ทริสตอง โด ฟูลแบ็ควัย 27 ปี เคยร่วมงานกับ ธชตวัน ศรีปาน มาแล้วเหมือนกันสมัยอยู่กับ “กิเลนผยอง” เมื่อปี 2016 – 2018 พร้อมช่วยพาสโมสรคว้าแชมป์ โตโยต้า ไทยลีก ซีซั่น 2016 มาครอง เพราะฉะนั้นการได้ร่วมงานกันอีกครั้งถือเป็นผลดีแน่นอน

 

 

มิดฟิลด์ตัวรับ | ฮาจิเมะ โฮโซไก

 

อดีตกองกลางทีมชาติญี่ปุ่น ชุดแชมป์ เอเอฟซี เอเชียน คัพ 2011 ถือเป็นผู้เล่นที่โชว์ผลงานได้อย่างโดดเด่นสุดคนหนึ่งภายใต้การคุมทีมของ มาโน่ โพลกิ้ง และกลายเป็นแข้งหัวใจสำคัญ “แข้งเทพ” ไปเป็นเรียบร้อยแล้ว

 

เชื่อได้เลยภายใต้ยุคการคุมทีมของ “โค้ชแบน” ด้วยระบบการเล่น 4-3-3 ฮาจิเมะ โฮโซไก จะถูกจับไปยืนเป็นมิดฟิลด์ตัวรับคอยประคองเกมรับให้กับทีม รวมถึงเป็นตัวเชื่อมบอลจากหลังไปหน้า ด้วยบทบาทที่กล่าวมาทั้งหมดดาวเตะแดนปลาดิบ ไม่มีทางพลาดลงสนามแน่นอนหากไม่เจอโทษแบนหรืออาการบาดเจ็บเล่นงาน

 

 

มิดฟิลด์ตัวกลาง | ปกเกล้า อนันต์

 

ขยับมาตำแหน่งมิดฟิลด์คู่กลางสนาม ปกเกล้า อนันต์ คือตัวเลือกที่ ธชตวัน ศรีปาน มองข้ามไม่ได้แน่นอน ด้วยสไตล์เล่นซึ่งเหมาะกับฟุตบอลเกมรุกส่งผลให้เขาน่าจะได้รับโอกาสออกสตาร์ทเป็นตัวจริงมากกว่า แอนโทนี่ อําไพพิทักษ์วงศ์ รวมไปถึง ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร

 

จุดเด่นของกองดีกรีทัพ “ช้างศึก” ชุดแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 นอกจากเจ้าตัวจะเป็นกองกลางที่ออกบอลแม่นยำ, ทะลุทะลวงแนวนับคู่แข่งได้ แถมการยิงไกลยังอันตรายไม่น้อยเลยทีเดียว แถมเขายังเป็นอีกหนึ่งคนซึ่งเคยร่วมงานกับ “โค้ชแบน” มาแล้วสมัยอยู่กับ เพื่อนตํารวจ เมื่อปี 2015

 

 

มิดฟิลด์ตัวกลาง | สรรวัชญ์ เดชมิตร

 

ส่วนอีกหนึ่งมิดฟิลด์ที่คาดว่าน่าจะได้โอกาสจากกุนซือใหม่ “แข้งเทพ” คงหนีไม่พ้น สรรวัชญ์ เดชมิตร เพลย์เมกเกอร์พรสวรรค์สูง ซึ่งเขาคือผู้เล่นคนสำคัญและเป็นหัวใจคอยบัญชาเกมรุกให้กับทีมตลอดช่วงยุคของเทรนเนอร์คนก่อน

 

ดาวเตะตัวเก่งวัย 31 ปี มีจุดเด่นในเรื่องการสร้างสรรค์เกมรุกและหาโอกาสจบสกอร์ให้กับเพื่อนร่วมทีม โดยเฉพาะจังหวะจ่ายบอลทะลุช่องซึ่งถือเป็นอาวุธอันตรายของ สรรวัชญ์ ที่ใช้เล่นงานคู่แข่งมาแล้วมากมาย และแน่นอนว่าด้วยสไตล์ของ “เจ้าแคมป์” น่าจะเหมาะกับรูปแบบการเล่นแบบเน้นบอลบุกของ ธชตวัน แน่นอน

 

 

ปีกขวา | อานนท์ อมรเลิศศักดิ์

 

แนวรุกอนาคตไกลวัย 23 ปี ย้ายมาอยู่กับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เมื่อซีซั่นที่แล้ว ก่อนทำผลงานได้อย่างร้อนแรงจนสามารถยึดตำแหน่งตัวจริงในยุคของ มาโน่ โพลกิ้ง และต่อเนื่องมาจนถึงฤดูกาลนี้

 

ภายใต้การทำทีมของ “โค้ชแบน” อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ น่าจะถูกจับไปยืนเป็นตัวริมเส้นที่เขาถนัดและทำผลงานได้ดี หลังก่อนหน้านี้เขามักถูกขยับให้เล่นเป็นกองหน้าในระบบศูนย์หน้าสองคนอยู่บ่อยครั้ง จุดเด่นของดาวเตะดีกรีทีมชาติไทย คือความเร็ว, ไปกับบอลดี และสามารถสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้ หากเทียบกับนักเตะคนอื่นตำแหน่งเดียวกันแล้ว อานนท์ คงถูกเลือกเป็นช้อยส์แรกอย่างไม่ต้องสงสัย

 

 

ปีกซ้าย | วานเดอร์ หลุยส์

 

ไม่ว่ากุนซือคนไหนเข้ามารับงานคุม แบงค็อก ยูไนเต็ด ไม่มีทางเลยที่ วานเดอร์ หลุยส์ จะไม่มีชื่อออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ดาวเตะชาวแซมบ้า โชว์ฟอร์มร้อนแรงและต่อเนื่องให้กับทีมตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาคือคนแบกความหวังของสโมสรอย่างแท้จริง

 

เชื่อเหลือเกินว่าภายใต้การทำทีมของ ธชตวัน แข้งวัย 30 ปี น่าจะมีบทบาทกับทีมมากขึ้นและกลายเป็นหัวใจในเกมรุกให้กับทีม ซึ่งนอกเหนือจากความสามารถในการสร้างสรรค์โอกาแล้ว วานเดอร์ ยังมีจังหวะจบสกอร์อันเฉียบคมและเล่นลูกตั้งเตะได้ดีด้ว

 

 

ศูนย์หน้า | ณัฐวุฒิ สุขสุ่ม

 

ท้ายสุดตำแหน่งตัวความหวังในการจบสกอร์ แม้จะมีผู้เล่นต่างชาติชาวบราซิล อย่าง เบรนเนอร์ มาร์ลอส แต่ดูแล้วดาวยิงซึ่งเพ่งถูกเรียกติดทีมชาติไทย ชุดใหญ่ อย่าง ณัฐวุฒิ สุขสุ่ม น่าจะยังคงได้รับโอกาสจากกุนซือคนใหม่ หลังโชว์ผลงานได้ดีและทำประตูอย่างต่อเนื่อง

 

หัวหอกอนาคตไกลวัย 23 ปี พิสูจน์ตัวสำหรับการเล่นในศึกไทยลีก เรียบร้อยแล้ว หลังยิงไปแล้ง 4 ประตู ตลอด 10 นัดที่ผ่านมา นอกจากนั้นเขายังเคยถูกยืมไปอยู่ โตเกียว เอฟซี U23 พร้อมกับลงเล่น เจ ลีก 3 ทั้ง 16 นัด และซัดได้ถึง 3 ประตู เพราะฉะนั้นด้วยดีกรีขนาดนี้เชื่อว่า “โค้ชแบน” จะต้องให้โอกาส ณัฐวุฒิ ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าให้กับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด แน่นอน