ได้ทั้งบุ๋นทั้งบู๊! 5 แข้งที่ประสบความสำเร็จในบทบาท “นักเตะ-กุนซือ”

 

แวงซองต์ กอมปานี เพิ่งประกาศปิดฉากช่วงเวลา 11 ปี กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และจะคัมแบ็คสโมสรที่สร้างเขาขึ้นมาอย่าง อันเดอร์เลช ในฐานะ “ผู้เล่น-ผู้จัดการทีม” ลุยการแข่งขันฤดูกาลหน้า

 

เนื่องในโอกาสนี้ เราจึงจะพาทุกท่านไปดูกันว่าก่อนหน้าปราการหลังชาวเบลเยี่ยม มีนักเตะคนไหนบ้างที่จัดว่าทำผลงานได้ไม่เลวเลยกับการควบสองบทบาท

 

 

เกล็น ฮ็อดเดิ้ล (สวินดอน ทาวน์,เชลซี)

 

ภายหลังจากผ่านช่วงเวลาอันยอดเยี่ยมในการค้าแข้งกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ , โมนาโก และทีมชาติอังกฤษ เกล็น ฮ็อดเดิ้ล ก็ก้าวเข้ามารับบทบาทผู้เล่น-ผู้จัดการทีมให้กับ สวินดอน ทาวน์ ในปี 1991 โดยเขาใช้เวลาเพียง 2 ปี ก็สามารถพาสโมสรเลื่อนชั้นขึ้นมาสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ ซึ่งในเกมเพลย์ออฟนัดชิงที่เอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ ไป 4-3 เจ้าตัวยังเป็นผู้ที่ซัดประตูเบิกร่องให้กับทีมด้วย

 

หลังจากนั้น ก็เป็น เชลซี ที่ดึงตัว ฮ็อดเดิ้ล ไปคุมทีมในฤดูกาลถัดมา โดยที่ยังควบสองตำแหน่งเช่นเดิม และเพียงแค่ปีแรกบนถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ เขาก็จัดการเปลี่ยนโฉมสิงห์บลูส์ให้กลายเป็นทีมที่เล่นได้เอ็นเตอร์เทนที่สุดทีมหนึ่งในยุคนั้นด้วย “พาสซิ่ง-ฟุตบอล” พร้อมพาสิงโตน้ำเงินครามทะลุเข้าสู่รอบชิง เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับพ่าย แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เพียงรองแชมป์เท่านั้น

 

 

รุด กุลลิท (เชลซี)

 

รุด กุลลิท เล่นกับ เชลซี ภายใต้การนำของ เกล็น ฮ็อดเดิ้ล อยู่หนึ่งฤดูกาล และได้เรียนรู้ศิลปะการจัดการทีมมากมายจากเจ้านายผู้นี้ ซึ่งหลังจากที่ ฮ็อดเดิ้ล อำลาถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ไปกุมบังเหียนทีมชาติอังกฤษในปี 1996 ตำนานดัตช์แมนก็ถูกดันขึ้นเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่แทนที่ แต่ยังคงสถานะผู้เล่นไว้เหมือนเดิม

 

อดีตจอมทัพหัวเก็งก็องที่ทำหน้าที่เป็นกุนซือไปด้วย และลงสนามจับคู่กับ เดนนิส ไวส์ ในแดนกลางไปด้วย สามารถพาสิงโตน้ำเงินครามคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้ทันทีตั้งแต่ซีซั่นเปิดตัว ซึ่งนี่ถือเป็นถ้วยใบแรกในรอบ 26 ปีของสโมสรเลยทีเดียว แม้กระทั่งตอนที่โดนปลดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 1998 ขณะนั้นสิงห์บลูส์ก็ยังบินสูงอยู่ในอันดับที่ 2 ของตารางอยู่เลย

 

ความดีงามของ กุลลิท ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เมื่อเจ้าตัวเป็นคนดึง จานฟรังโก้ โซล่า , โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ และ จานลูก้า วิอัลลี่ มาสู่สโมสร ซึ่งทั้งหมดถือเป็นดีลระดับท็อปลิสต์ของ เชลซี ทั้งนั้น

 

 

ไบรอัน ร็อบสัน (มิดเดิ้ลสโบรซ์)

 

ย้อนกลับไปในปี 1994 ร็อบสัน ถือเป็นหนึ่งในกัปตันทีมที่ได้รับการยกย่องว่ายิ่งใหญ่ที่สุดของวงการลูกหนังอังกฤษ และความสามารถของเขาในการสร้างพลังขับเคลื่อนให้กับทีม ได้ไปเตะตา สตีฟ กิ๊บสัน ประธานสโมสรมิดเดิ้ลสโบรซ์ ร็อบโบ้ จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้เล่น-ผู้จัดการทีมของสิงห์แดงสำหรับลุยซีซั่น 1994-95

 

“กัปตันมาร์เวล” สามารถพาโบโร่ทะยานขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่เข้ามารับงาน และในปี 1997 เจ้าตัวก็นำสิงห์แดงเข้าชิงบอลถ้วยในประเทศได้ทั้ง เอฟเอ คัพ และลีกคัพ แต่ก็น่าเสียดายที่สุดท้าย พวกเขาดันเป็นได้เพียงพระรองทั้งสองรายการ

 

 

เคนนี่ ดัลกลิช (ลิเวอร์พูล)

 

เมื่อ โจ เฟแกน ตัดสินใจรีไทร์ในเดือนพฤษภาคมปี 1985 ลิเวอร์พูล ได้เลือก ดัลกลิช กองหน้าวัย 34 ปี ในเวลานั้นให้ขึ้นมานำทัพต่อในฐานะผู้เล่น-ผู้จัดการทีม ซึ่งสองฤดูกาลแรกที่ควบสองหน้าที่ เจ้าตัวลงสนามไปถึง 52 นัดเลยทีเดียว

 

“คิงเคนนี่” สามารถพาหงส์แดงผงาดคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้ทันทีตั้งแต่ฤดูกาลแรก และตลอดระยะเวลา 6 ปีที่กุมบังเหียนบนถิ่น แอนฟิลด์ เจ้าตัวพาทีมคว้าได้ถึง 5 แชมป์ แบ่งเป็นแชมป์ลีก 3 ครั้ง และ เอฟเอ คัพ 2 ครั้ง ก่อนที่เขาจะตัดสินลาออกในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1991

 

 

แกรม ซูเนสส์ (กลาสโกว์ เรนเจอร์ส)

 

ก่อนหน้าที่ ซูเนสส์ จะก้าวเข้ามาที่สโมสรในปี 1986 เรนเจอร์ส ห่างเหินจากแชมป์ลีกมานานถึง 9 ปีเต็ม และเพิ่งจบด้วยอันดับที่ 5 ของตารางในฤดูกาลหลังสุด

 

แต่หลังจากที่กองกลางชาวสก็อตต์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้เล่น-ผู้จัดการทีม เขาก็พา เรนเจอร์ส ฟาดดับเบิ้ลแชมป์ได้ทันทีตั้งแต่ปีแรก นั่นคือแชมป์ลีกที่รอคอยมานับทศวรรษ พ่วงด้วยแชมป์ลีกคัพ พร้อมเสกให้ เดอะ ไลท์บลูส์ เป็นทีมที่มีสไตล์การเล่นอันดุดันตามแบบฉบับของตัวเขาเอง

 

3 แชมป์ลีก และ 4 แชมป์ลีกคัพ คือรางวัลความสำเร็จที่ ซูเนสส์ มอบให้กับ เรนเจอร์ส และที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ เจ้าตัวมีสถิติคุมทีมชนะในลีกถึง 125 จาก 193 นัด หรือคิดเป็น 65 เปอร์เซ็นต์โดยประมาณเลยทีเดียว