แวงซองต์ กอมปานี เพิ่งประกาศปิดฉากช่วงเวลา 11 ปี กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และจะคัมแบ็คสโมสรที่สร้างเขาขึ้นมาอย่าง อันเดอร์เลช ในฐานะ “ผู้เล่น-ผู้จัดการทีม” ลุยการแข่งขันฤดูกาลหน้า
เนื่องในโอกาสนี้ เราจึงจะพาทุกท่านไปดูกันว่าก่อนหน้าปราการหลังชาวเบลเยี่ยม มีนักเตะคนไหนบ้างที่จัดว่าทำผลงานได้ไม่เลวเลยกับการควบสองบทบาท
BREAKING NEWS: #Theprinceisback. #COYM #RSCA. Stay tuned pic.twitter.com/pcb7A7pzd5
— RSC Anderlecht (@rscanderlecht) May 19, 2019
เกล็น ฮ็อดเดิ้ล (สวินดอน ทาวน์,เชลซี)
ภายหลังจากผ่านช่วงเวลาอันยอดเยี่ยมในการค้าแข้งกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ , โมนาโก และทีมชาติอังกฤษ เกล็น ฮ็อดเดิ้ล ก็ก้าวเข้ามารับบทบาทผู้เล่น-ผู้จัดการทีมให้กับ สวินดอน ทาวน์ ในปี 1991 โดยเขาใช้เวลาเพียง 2 ปี ก็สามารถพาสโมสรเลื่อนชั้นขึ้นมาสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ ซึ่งในเกมเพลย์ออฟนัดชิงที่เอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ ไป 4-3 เจ้าตัวยังเป็นผู้ที่ซัดประตูเบิกร่องให้กับทีมด้วย
หลังจากนั้น ก็เป็น เชลซี ที่ดึงตัว ฮ็อดเดิ้ล ไปคุมทีมในฤดูกาลถัดมา โดยที่ยังควบสองตำแหน่งเช่นเดิม และเพียงแค่ปีแรกบนถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ เขาก็จัดการเปลี่ยนโฉมสิงห์บลูส์ให้กลายเป็นทีมที่เล่นได้เอ็นเตอร์เทนที่สุดทีมหนึ่งในยุคนั้นด้วย “พาสซิ่ง-ฟุตบอล” พร้อมพาสิงโตน้ำเงินครามทะลุเข้าสู่รอบชิง เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับพ่าย แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เพียงรองแชมป์เท่านั้น
Good morning all, and a happy birthday to former @chelseafc player/ manager Glenn Hoddle…#CFC pic.twitter.com/ljmmtnvbgE
— Chelsea FC (@ChelseaFC) October 27, 2013
รุด กุลลิท (เชลซี)
รุด กุลลิท เล่นกับ เชลซี ภายใต้การนำของ เกล็น ฮ็อดเดิ้ล อยู่หนึ่งฤดูกาล และได้เรียนรู้ศิลปะการจัดการทีมมากมายจากเจ้านายผู้นี้ ซึ่งหลังจากที่ ฮ็อดเดิ้ล อำลาถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ไปกุมบังเหียนทีมชาติอังกฤษในปี 1996 ตำนานดัตช์แมนก็ถูกดันขึ้นเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่แทนที่ แต่ยังคงสถานะผู้เล่นไว้เหมือนเดิม
อดีตจอมทัพหัวเก็งก็องที่ทำหน้าที่เป็นกุนซือไปด้วย และลงสนามจับคู่กับ เดนนิส ไวส์ ในแดนกลางไปด้วย สามารถพาสิงโตน้ำเงินครามคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้ทันทีตั้งแต่ซีซั่นเปิดตัว ซึ่งนี่ถือเป็นถ้วยใบแรกในรอบ 26 ปีของสโมสรเลยทีเดียว แม้กระทั่งตอนที่โดนปลดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 1998 ขณะนั้นสิงห์บลูส์ก็ยังบินสูงอยู่ในอันดับที่ 2 ของตารางอยู่เลย
ความดีงามของ กุลลิท ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เมื่อเจ้าตัวเป็นคนดึง จานฟรังโก้ โซล่า , โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ และ จานลูก้า วิอัลลี่ มาสู่สโมสร ซึ่งทั้งหมดถือเป็นดีลระดับท็อปลิสต์ของ เชลซี ทั้งนั้น
One of the best against Man City, courtesy of Ruud Gullit!
Enjoy! 🚀 pic.twitter.com/uTzhuC9Dqs
— Chelsea FC (@ChelseaFC) April 5, 2017
ไบรอัน ร็อบสัน (มิดเดิ้ลสโบรซ์)
ย้อนกลับไปในปี 1994 ร็อบสัน ถือเป็นหนึ่งในกัปตันทีมที่ได้รับการยกย่องว่ายิ่งใหญ่ที่สุดของวงการลูกหนังอังกฤษ และความสามารถของเขาในการสร้างพลังขับเคลื่อนให้กับทีม ได้ไปเตะตา สตีฟ กิ๊บสัน ประธานสโมสรมิดเดิ้ลสโบรซ์ ร็อบโบ้ จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้เล่น-ผู้จัดการทีมของสิงห์แดงสำหรับลุยซีซั่น 1994-95
“กัปตันมาร์เวล” สามารถพาโบโร่ทะยานขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่เข้ามารับงาน และในปี 1997 เจ้าตัวก็นำสิงห์แดงเข้าชิงบอลถ้วยในประเทศได้ทั้ง เอฟเอ คัพ และลีกคัพ แต่ก็น่าเสียดายที่สุดท้าย พวกเขาดันเป็นได้เพียงพระรองทั้งสองรายการ
Obviously nothing will ever beat Bryan Robson being unveiled as Middlesbrough's player-manager pic.twitter.com/Bj1PiC1TGO
— Andrew Cesare (@AndrewCesare) January 22, 2018
เคนนี่ ดัลกลิช (ลิเวอร์พูล)
เมื่อ โจ เฟแกน ตัดสินใจรีไทร์ในเดือนพฤษภาคมปี 1985 ลิเวอร์พูล ได้เลือก ดัลกลิช กองหน้าวัย 34 ปี ในเวลานั้นให้ขึ้นมานำทัพต่อในฐานะผู้เล่น-ผู้จัดการทีม ซึ่งสองฤดูกาลแรกที่ควบสองหน้าที่ เจ้าตัวลงสนามไปถึง 52 นัดเลยทีเดียว
“คิงเคนนี่” สามารถพาหงส์แดงผงาดคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้ทันทีตั้งแต่ฤดูกาลแรก และตลอดระยะเวลา 6 ปีที่กุมบังเหียนบนถิ่น แอนฟิลด์ เจ้าตัวพาทีมคว้าได้ถึง 5 แชมป์ แบ่งเป็นแชมป์ลีก 3 ครั้ง และ เอฟเอ คัพ 2 ครั้ง ก่อนที่เขาจะตัดสินลาออกในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1991
On this day in 1986 player-manager Kenny Dalglish netted the goal that gave #LFC the title after a 1-0 win at Chelsea pic.twitter.com/PSzk8cDwXl
— Liverpool FC (@LFC) May 3, 2015
แกรม ซูเนสส์ (กลาสโกว์ เรนเจอร์ส)
ก่อนหน้าที่ ซูเนสส์ จะก้าวเข้ามาที่สโมสรในปี 1986 เรนเจอร์ส ห่างเหินจากแชมป์ลีกมานานถึง 9 ปีเต็ม และเพิ่งจบด้วยอันดับที่ 5 ของตารางในฤดูกาลหลังสุด
แต่หลังจากที่กองกลางชาวสก็อตต์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้เล่น-ผู้จัดการทีม เขาก็พา เรนเจอร์ส ฟาดดับเบิ้ลแชมป์ได้ทันทีตั้งแต่ปีแรก นั่นคือแชมป์ลีกที่รอคอยมานับทศวรรษ พ่วงด้วยแชมป์ลีกคัพ พร้อมเสกให้ เดอะ ไลท์บลูส์ เป็นทีมที่มีสไตล์การเล่นอันดุดันตามแบบฉบับของตัวเขาเอง
3 แชมป์ลีก และ 4 แชมป์ลีกคัพ คือรางวัลความสำเร็จที่ ซูเนสส์ มอบให้กับ เรนเจอร์ส และที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ เจ้าตัวมีสถิติคุมทีมชนะในลีกถึง 125 จาก 193 นัด หรือคิดเป็น 65 เปอร์เซ็นต์โดยประมาณเลยทีเดียว
🎂 Happy Birthday to the man who revolutionised Rangers and Scottish football, Graeme Souness.
📝 Hall of Fame profile: https://t.co/Zfq5thqflb pic.twitter.com/3U7gChyu4J
— Rangers Football Club (@RangersFC) May 6, 2018