ช่วงเปิดตลาดซื้อขายของศึก ไทยลีก 2019 ที่ผ่านมา ถือว่าค่อนข้างคึกคัก หลังบรรดาทีมใหญ่หลายทีมพยายามที่จะดึงนักเตะฝีเท้าดีเข้าไปเสริมทัพเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ทีมของตัวเองทั้งนักเตะไทยและต่างชาติ ซึ่งบางดีลก็ถือเป็นการเสริมทัพที่เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนบอลได้พอสมควร
แน่นอนว่าบรรดาดีลที่เรียกเสียงฮือฮอาทั้งหลายเหล่านี้ แฟนบอลต่างคาดหวังที่จะได้เห็นนักเตะโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมกับต้นสังกัดใหม่ ทว่าในความเป็นจริงแล้วมันก็อาจจะเป็นแบบนั้นเสมอ
โดยในวันนี้ UFA Arena จะขอพาแฟนเพจทุกคนไปย้อนดูกันว่า 8 นักเตะที่เปิดตัวได้เปรี้ยงปรางที่สุดในศึก ไทยลีก 2019 แต่ฟอร์มกับไม่ได้เป็นไปตามที่ถูกคาดหวัง จะมีใครกันบ้าง
เจย์ เอ็มมานูเอล-โธมัส
นี่คือหนึ่งในดีลที่ได้รับการจับตามองและเรียกเสียงฮือฮาได้พอสมควรในช่วงตลาดซื้อขายก่อนเปิดฉาก ไทยลีก 1 ซีซั่น 2019 ที่ผ่านมา หลังน้องใหม่ทีมเงินถุงเงินถังอย่าง พีทีที ระยอง ตัดสินใจคว้า เจย์ เอ็มมานูเอล-โธมัส อดีตนักเตะดาวรุ่งของ อาร์เซน่อล มาร่วมทัพ
แน่นอนว่าดีกรีระดับเคยติดทีมชาติอังกฤษ ทั้งชุดอายุต่ำกว่า 18 ปี และ 19 ปี รวมไปถึงประกบการณ์ในลีกฟุตบอลอาชีพเมืองผู้ดี ย่อมทำให้ดาวเตะวัย 28 ปี รายนี้ ถูกคาดหวังว่าเขาจะสามารถระเบิดฟอร์มเก่งได้อย่างแน่นอนบนลีกสูงสุดแดนสยามฤดูกาลนี้
ทว่าในความเป็นจริงแล้วกลับไม่เป็นเป็นเช่นนั้น เจย์ เอ็มมานูเอล-โธมัส ยังไม่สามารถโชว์ผลงานที่น่าประทับใจได้เลย โดยเฉพาะหากเทียบกับศูนย์หน้าเพื่อนร่วมทีม “พลังเพลิง” อย่าง เอเรียล โรดริเกซ ซึ่งปัจจุบันเจ้าตัวลงสนามให้ทีมไปแล้ว 3 นัด พร้อมกับยิงไป 1 ประตู อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหากเขาสามารถปรับตัวให้เขากับฟุตบอลสไตล์บ้านเราได้เมื่อไหร่ ถึงเวลานั้นอดีตแข้ง “ไอ้ปืนใหญ่” ก็อาจจะระเบิดฟอร์มเก่งให้แฟนบอล พีทีที ระยอง ได้เห็นก็เป็นได้
สุพจน์ จดจำ
เชื่อว่าหากนึกถึงกองหน้าชาวไทยที่ถูกพูดถึงและติดหูแฟนบอลมากที่สุดคนหนึ่งคนหนีไม่พ้นชื่อของ สุพจน์ จดจำ แข้งดาวยิงป้ายแดงของทีม “ต่อพิฆาต” พีที ประจวบ เอฟซี ที่เพิ่งถูกดึงตัวมาจาก กระบี่ เอฟซี เมื่อช่วงตลาดซื้อขายก่อนเปิดซีซั่น
ดีกรีของดาวยิงชาวกาญจนบุรี ต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดาเพราเมื่อฤดูกาล 2017 สมัยที่เขายังค้าแข้งอยู่กับ กระบี่ เอฟซีเจ้าตัวเคยซัดในในศึก M – 150 แชมเปี้ยนส์ชิพ ไปถึง 23 ประตู นั้นทำให้เขากลายเป็นนักเตะไทยที่ยิงมากที่สุดรวมทุกรายการของของบ้านเรานั้นซีซั่นนี้ด้วย ซึ่งในเวลาต่อไปมันส่งผลให้มีโอกาสก้าวขี้นไปคิดทีมชาติไทยชุดใหญ่ ในยุคของ มิโลวาน ราเยวัช
แน่นอนว่าการย้ายมาเล่นยังถิ่น สามอ่าว สเตเดี้ยม เขาถูกคาดหมายว่าจะเป็นดาวยิงตัวความหวังของทีม ทว่าเจ้าตัวไม่สามารถที่จะเบียดแย่งตำแหน่งกับสองกองหน้าตัวต่างชาติทั้ง แฮร์ลิสัน ไคออน และ มัทธิอัส อัลเวส ได้เลย ซ้ำยังต้องมาพักรักษาตัวจากการผ่าตัดไส้ติ่ง ซึ่งเราก็ต้องมารอดูกันว่า หากถึงเวลาที่ สุพจน์ จดจำ พร้อมสมบูรณ์ได้เมื่อไหร่ เขาจะสามารถกลับมาระเบิดฟอร์มเก่งกับ “ต่อพิฆาต” ได้หรือไม่ บนศึก ไทยลีก 2019
แพทริค ครูซ
เช่นเดียวกับดีกรีเยาวชนทีมชาติอังกฤษ ของ เจย์ เอ็มมานูเอล-โธมัส ทางฝั่ง แพทริค ครูซ ก็ถือว่ามีชื่อชั้นแพ้กันหลังจากที่เขาเคยผ่านการลงฟหาดแข้งกับทีมชาติบราซิล ชุดอายุ U-20 และ U-23 มาแล้ว รวมไปถึงการผ่านสังเวียนลูกอาชีพแดนแซมบากับบรรดาสโมสรดังทั้ง เซาเปาโล, ฟลาเมงโก และ โครินเธียนส์
นับตั้งแต่วันแรกที่ดาวยิงวัย 25 ปี ย้ายเข้ามายังรัง “ฉลามชล” เขากลายเป็นความหวังใหม่ของทีมทันที และด้วยสภาพร่างกายที่ต้องเรียกว่ากำลังอยู่ในช่วงพีคของอาชีพนักฟุตบอล แฟนบอลต่างเชื่อมั่นว่าเขาจะระเบิดฟอร์มถล่มประตูในถิ่น ชลบุรี สเตเดี้ยม ได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามผ่านไปเศษ 1 ส่วน 3 ของศึก ไทยลีก 2019 แพทริค ครูซ ที่ลงสนามไปแล้วถึง 8 เกม ให้กับขุนพล “ลูกน้ำเค็ม” ยังไม่สามารถประเดิมสกอร์แรกในสีเสื้อ ชลบุรี เอฟซี ได้เลย และดูเหมือนผลงานของเขาจะค่อยๆถูกฟอร์มอันร้องแรงของเพื่อนร่วมทีมอย่าง ลูเคียน อัลเมด้า บดบังไปทีละนิดๆ
ไมค์ ฮาเวนาร์
อีกหนึ่งในนักเตะตำแหน่งกองหน้าที่ย้ายเข้ามาใน ไทยลีก 2019 และสร้างความฮือฮาได้ตั้งแต่วันแรกไม่แพ้คนอื่นๆนั้นก็คือ ไมค์ ฮาเวนาร์ อดีตดาวยิงทีมชาติญี่ปุ่นชุดใหญ่ เจ้าของส่วนสูง 194 เซนติเมตร ที่เคยผ่านประสบการทั้งลีกสูงสุดแดนปลาดิบ และ เอเรดิวิซี่ ฮอลแลนด์ ก่อนที่จะกลายมาเป็นนักเตะป้ายแดงของ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด
สำหรับการย้ายเข้าร่วมทัพ “แข้งเทพ” ของ ไมค์ ฮาเวนาร์ เพื่อเป้าหมายเดียวเท่าที่ทางสโมสรต้องการคือ การมุ่งมั่นที่จะคว้าแชมป์ ไทยลีก สมยัแรกให้ได้ อย่างไรก็ตามถ้าพูดกันถึงผลงานส่วนตัวของแข้งวัย 31 ปี ต้องยอมรับว่าเขายังไม่สามารถโชว์ฟอร์มที่น่าประทับใจได้เลยในถิ่น ทรู สเตเดี้ยม
ถึงแม้ว่าจากสถิติยิง 2 ประตู จากการลงสนามไป 5 เกม ก็ถือว่าไม่ได้แย่นัก แต่หากมองภาพรวมและเปรียบเทียบกับกองหน้าเพื่อนร่วมทีมอย่าง เนลสัน โบนีญ่า แล้วล่ะก็ ถือว่า ไมค์ ฮาเวนาร์ ยังคงต้องพยายามพิสูจน์ฝีเท้าของตังเองบนลีกสูงสุดของเมืองไทยต่อไปอีกพอสมควร
ศุภนันท์ บุรีรัตน์
แน่นอนว่าการที่ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ตัดสินใจปล่อยแบ็คขวาคนสำคัญอย่าง ทริสตอง โด ออกจากทีมไปอยู่กับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด มันทำให้พวกเขาจำเป็นต้องดิ้นรนหาแข้งรายใหม่มาแทนที่ และแน่นอนว่าเป้าหมายอันดับต้นๆ คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากอดีตนักเตะดาวรุ่งของทีมอย่าง ศุภนันท์ บุรีรัตน์ แบ็คจอมบุกที่ถูกดึงมาแบบยืมตัวเป็นเวลา 1 ซีซั่นจาก สมุทรปราการ ซิตี้
โดยแบ็คเจ้าของเบอร์ 2 คนใหม่ของ “กิเลนผยอง” ก่อนหน้านี้เจ้าตัวโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อซีซั่นที่แล้วกับ พัทยา ยูไนเต็ด ก่อนที่จะถูกดึงมาเล่นในถิ่น เอสซีจี สเตเดี้ยม ในฤดูกาลนี้ ซึ่งหากย้อนกลับในเกมแรกที่ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เปิดบ้านบ้านพ่ายให้กับ พีที ประจวบ เอฟซี ช่วงออกสตาร์เกมการเล่นของเขาเรียกได้ว่าดูดีเลยทีเดียวทั้งจังหวะรุกและรับ ทว่าพอเกมผ่านไปแค่เพียง 25 นาที ก่อนที่เขาจะไปพลาดทำทีมเสียสุดโทษ และดูเหมือนว่านับตั้งแต่วินาทีนั้นมาจนถึงตอนนี้ ผลงานของเขาก็ดิ่งลงเหวต่อเนื่องมาตลอด
อย่างไรก็ตามการเข้ามาของกุนซือใหม่อย่าง ยุน จอง ฮวาน ในช่วงที่สถานการณ์ของทีมกำลังย่ำแย่สุดๆอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ และแน่นอนว่ามันเป็นโอกาสที่ดีที่ “เจ้าเชฟ” จะเรียกฟอร์มเก่งของตัวเองกลับมาให้ได้อีกครั้ง เพื่อยึดตำแหน่งแบ็คคว้าตัวจริงของ เอสซีจี เมืองทอง ให้ได้
อ่อง ธู
ผลงานในซีซั่นที่แล้วของดาวยิงทีมชาติเมียร์มาร์อย่าง อ่อง ธู มันไม่ใช่แปลกอะไรที่เขาจะกลายเป็นหมายของการเสริมทัพของบรรดาทีมยักษ์ใหญ่หลายทีมๆ ก่อนที่จะเป็นท้ายสุดจะเป็น เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่สามารถคว้าตัวเขามาร่วมทีมได้สำเร็จ
แน่นอนว่าการมาของ อ่อง ธู ถูกตั้งความคาดหวังไว้สูงมาก โดยเฉพาะกับการที่เขาจะได้เล่นร่วมกับสุดยอดนักเตะในตำแหน่งแนวรุกทั้ง เฮเบอร์ตี้ เฟอร์นันเดส และ ธีรศิลป์ แดงดา หลายคนจึงคิดว่าซีซั่นนี้ อาจจะเป็นปีที่เขาจะแจ้งเกิดได้เต็มตัวสักทีบนเวที ไทยลีก
ทว่าความคาดหวังทั้งหมดกับต้องพักลง เพราะเมื่อเจ้าตัวได้ลงสนามกับ “กิเลนผยอง” เขาแทบจะไม่มีส่วนร่วมกับเกมเลยและไม่สามารถที่จะเล่นเข้าขากับนักเตะคนอื่นในแนวรุกของทีมได้ ซึ่งนั้นทำให้เขาถูกดร็อปเป็นสำรองอยู่บ่อยครั้งและเขายังซัดประตูให้กับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ไม่ได้เลยแม้แต่ลูกเดียว
เลือง ซวน เชือง
เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งของทีมชาติเวียดนาม ถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่เรียกกระแสจากแฟนบอลชาวไทยได้เยอะพอสมควรในวันที่เขาตกลงย้ายมาอยู่กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เนื่องจากเขาคือนักเตะคีย์แมนคนสำคัญของทัพ “มังกรทอง” ที่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ และ เข้าถึงรอบ 8 ทีม สุดท้าย เอเชี่ยน คัพ 2019 ได้สำเร็จ นอกจากนี้เขายังเคยผ่านเวทีบนศึก เค ลีก เกาหลีใต้ มาแล้วอีกด้วย
การย้ายมาอยู่ในถิ่น “ปราสาทสายฟ้า” ของ เลือง ซวน เชือง ถือว่าทำได้ค่อนข้างดีในช่วงแรก เพราะเขาได้รับโอกาสได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงอยู่ครั้ง แต่ยามที่เจ้าตัวได้ลงไปสู่สนามกลับไม่สามารถสร้าวความแตกต่างให้ทีมได้ ก่อนที่เขาจะถูกดร็อปเป็นตัวสำรองในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตาม เอาเข้าจริงแล้วผลงานของดาวเตะ “ดาวทอง” คนนี้ก็ไม่ได้ถือว่าย่ำแย่อะไรนัก และยังมีเวลาอีกเยอะบนเวทีไทยลีกซีซั่นนี้ เพื่อให้เขาพิสูจน์ฝีเท้าของตัวเองให้ได้ และเชื่อเหลือเกินว่าอีกไม่นานเกินรอ แฟนบอล “เซราะกราว” อาจะได้เห็นฟอร์มที่แท้จริงของ เลือง ซวน เชือง แน่นอน
โมดิโบ ไมกา
ต้องยอมรับว่าอดีตศูนย์หน้าของ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด อย่าง โมดิโบ ไมกา คือดีลที่มีกระแสเปรี้ยงปรางที่สุดช่วงตลาดซื้อขายก่อนเปิดฤดูกาล ไทยลีก 2019 อย่างแท้จริง และแน่นอนว่าเขาคือความหวังสูงสุดของ ทัพ “ปราสาทสายฟ้า” คนใหม่ทันที่ หลังจากที่ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้ สุดยอดนักเตะของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพิ่งตัดสินใจย้ายออกจากทีมไป
ดาวยิงทีมชาติมาลี เปิดตัวได้อย่างยอดเยี่ยมในเกม ออมสิน ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์ คัพ ที่เขามีส่วนช่วยทำประตูพาทีมเอาชนะ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด 3 – 1 อย่างไรก็ตามเมื่อเสียงนกหวัด ไทยลีก 2019 เปิดฉากขึ้นเขาก็ไม่เคยที่จะแสดงฟอร์มเก่งออกมาให้แฟนบอลได้ชมอีกเลย
จนท้ายที่สุดเจ้าตัวถูกดร็อปเป็นตัวสำรองและมีข่าวว่าทางต้นสังกัดได้ตัดสินใจยกเลิกสัญญากับเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังโชว์ผลงานได้อย่างน่าผิดหวังสุด ด้วยสถิติลงสนามในลีก 3 เกม ยิงไปเพียงลูกเดียวเท่านั้น