ไปอย่างตำนาน! 9 โมเมนต์ของชายที่ชื่อ เฟร์นันโด ตอร์เรส

 

การประกาศแขวนสตั๊ดของยอดกองหน้าทีมชาติสเปนอย่าง เฟร์นันโด ตอร์เรส หรือที่ทุกคนคุ้นหูกันในชื่อ เอลนินโญ่ ไปเมื่อวันที่ 23

สิงหาคมที่ผ่านมา หลังจบเกมที่ชากัน โทสุ เปิดบ้านพ่าย วิสเซิล โกเบไป 6-1 ทำให้แฟนบอลหลายคนใจหายไม่น้อยเนื่องจาแข้ง

รายนี้ผ่านการค้าแข้งมาอย่างยาวนานถึง 19ปี กับหลากหลายสโฒสร และถือเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดคนนึงเท่าที่โลกลูกหนังเคยมีมา

 

วันนี้ UFAARENA จะขอพาทุกคนไปย้อนชม 8โมเมนต์ตลอดอาชีพค้าแข้งของชายที่ชื่อ เฟร์นันโด ตอร์เรส

 

จุดกำเนิด เอล นินโญ

 

 

ย้อนไปในปี 2001 เฟร์นันโด ตอร์เรส ได้ถูกดันขึ้นทีมชุดใหญ่ของทัพตราหมีด้วยวัยเพียง 16ปีเท่านั้น และสามารถทำประตูแรกได้

ทันทีหลังจากขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่เพียง 1สัปดาห์เท่านั้นในเกมกับ อัลบาเซเต้ ซึ่งเป็นประตูเดียวในฤดูกาลแรกในฐานะนักเตะทีมชุด

ใหญ่ของสโมสร แม้ว่าในฤดูกาลแรกของเจ้าตัว ต้นสังกัดจะพลาดการขึ้นมาเล่นบนลีกสูงสุดไปอย่างน่าเสียดาย แต่ในฤดูกาลถัดมา

พวกเขาก็สามารถขึ้นมาเล่นในลาลีกาได้สำเร็จ

 

การมาโลดแล่นในลีกสูงสุดแดนกระทิง ตอร์เรสโชว์ผลงานกดประตูในลีกไปถึง 13ประตูในฤดูกาลแรก จนในซีซั่นถัดมา เจ้าตัวก็ได้

รับปลอกแขนกัปตันทีมไปด้วยวัยเพียงแค่ 19ปีเท่านั้น พร้อมกับได้รับฉายา “เอล นินโญ่” หรือ “เจ้าหนูตัวน้อย” เป็นการกำเนิดยอด

กองหน้าเลือดกระทิงดุอย่างเป็นทางการ

 

อำลาตราหมี ไปดังเปรี้ยงกับหงส์แดง

 

 

หลังจากค้าแข้งกับทีมบ้านเกิดมาตลอด 7ฤดูกาล สุดยอดดาวยิงชาวสเปนก็ตัดสินใจย้ายออกจากทีมไปหาความท้าทายใหม่ๆ ซึ่ง

เป้าหมายใหม่ที่ว่าก็คือ ลิเวอร์พูล ยอดทีมแห่งศึกพรีเมียร์ลีกในปี 2007

 

สำหรับการมาที่ถิ่นแอนฟิลด์ของ ตอร์เรส เจ้าตัวแทบไม่ต้องมีการปรับตัวใดๆเลย เพราะแค่ในฤดูกาลแรกเขาก็กดไปมากถงึ 24ประตู

ในเกมลีก และจารึกสถิติเป็นนักเตะต่างชาติที่ทำประตูได้มากสุดบนเวที พรีเมียร์ลีในซีซั่นแรก แม้ว่าปัจจุบัน โมฮัมเหม็ด ซาลาห์จะ

ทำลายไปเรียบร้อยแล้ว

 

และแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาเพียง 4ฤดูกาลที่ ดาวเตะรายนี้อยู่กับทัพหงส์แดง แต่ก็ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในอาชีพค้าแข้งของเขา ที่

แม้จะมีอาการบาดเจ็บมารบกวนบ่อยครั้ง แต่ก็ยังคงผลิตสกอร์ให้กับทีมแบบถล่มทลายที่ 81ประตู จาก142นัด

 

ยิงประตูพาทัพกระทิงเถลิงแชมป์

 

 

ประตูของตอร์เรสในนัดชิงของศึกฟุตบอลยูโร 2008 ถือเป็นประตูที่เปิดประตูสู่ความยิ่งใหญ่ของทัพกระทิงดุในช่วง 2008-2012 ที่

พวกเขากวาดแชมป์ระดับประเทศทุรายการไล่มาตั้งแต่แชมป์ยูโร 2 สมัย และ ฟุตบอลโลก อีก 1 สมัย ซึ่งทั้งหมดนี้ เอลนินโญ่ มีส่วน

ร่วมกับมันทั้งหมด

 

ซึ่งย้อนไปในโทรฟี่แรกที่พวกเขาได้มาคือแชมป์ยูโร 2008 ที่ในเมนัดชิง สเปนพบกับ เยอรมัน เฟร์นันโด ตอร์เรส ที่โชว์ฟอร์มเปรี้ยง

กับลิเวอร์พูล ได้ลงเป็นตัวจริง และก็เป็นผู้ซัดประตูชัยให้กับทีมตั้งแต่นาทีที่ 33 ซึ่งมันเป็นประตูเดียวที่เกิดขึ้นในเกมนั้น ส่งผลให้

สเปนคว้าแชมป์รายการดังกล่าวได้สำเร็จ และเป็นการเปิดศักราชความยิ่งใหญ่ของทัพกระทิงดุ

 

ช่วยเชลซีคว่ำบาร์ซ่า

 

 

หลังจากเลือกที่จะแยกทางกับลิเวอร์พูล จนทำให้สาวก เดอะค็อป พากันใจสลาย ก็ดูเหมือนว่าการไปอยู่กับเชลซี จะเป็นอะไรที่ น่า

ผิดหวังสำหรับฟอร์มของนักเตะค่าตัวระดับ 50ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของเกาะอังกฤษในเวลานั้น จากผลงานยิงได้แค่ประตู

เดียวจากการลงสนาม 18นัดรวมทุกรายการในซีซั่นแรก

 

แต่ในฤดูกาลถัดมาเจ้าตัวก็ได้สร้างผลงานที่นับว่าเป็นโมเมนต์ที่ดีที่สุดในการค้าแข้งกับเชลซี ด้วยการเป็นผู้ยิงสองประตู ให้ทีม

เสมอกับบาร์เซโลน่าไป 2-2 ในรอบรองชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ส่งให้เชลซีเข้ารอบไปด้วยสกอร์รวม 3-2 ก่อนที่สุดท้าย

พวกเขาจะไปจบด้วยการเป็นแชมป์ในรายการนี้ได้สำเร็จ แถมยังเป็นแชมป์รายารนี้สมัยแรกของสโมสร รวมถึงเป็นถ้วยใบแรกของ

เจ้าตัวนับตั้งแต่ย้ายมาเล่นบนเกาะอังกฤษอีกด้วย

 

 

ความผิดหวังที่เมืองมิลาน

 

 

การได้กลับมาที่สโมสรที่ปลุกปั้น ตอร์เรสมาอีกครั้งในปี 2014/15 ด้วยการยืมตัวมาจาก เอซี มิลาน โดยในฤดูกาลที่สอง ที่เจ้าตัวได้

กลับบ้าน มีโมเมนต์สุดเจ็บปวดเกิดขึ้น จากการที่ทัพตราหมี ได้ทะลุเข้าไปถึงรอบชิง ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2015/16 และ

ต้องไปเจอกับคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง เรอัล มาดริด แต่ก็ต้องพลาดท่าพ่ายจุดโทษไปอย่างน่าเสียดาย

 

โดยในเกมดังกล่าว ตอร์เรส ได้ลงสนามเป็นตัวจริง แม้ว่าจะไม่ได้ยิงประตูให้กับทีมก็ตาม ซึ่งในเวลา 120นาที ทั้งสองทีมเสมอกันไป

1-1 จนต้องไปตัดสินกันที่การยิงจุดโทษ และเป็นทัพราชันชุดขาวที่แม่นกว่าเอาชนะไป 5-3 หลังจบเกมกล้องได้จับภาพ เอลนินโญ่

ที่ถึงกับหลั่งน้ำตาออกมากลางสนาม

 

เกมสั่งลาสนาม บิเซนเต้ กัลเดร่อน

 

 

หลังจากไปเดินทางค้าแข้งมาตลอด 10ฤดูกาลเต็มๆ ก็ถึงเวลาที่ ตอร์เรสจะได้กลับบ้านในปี 2016/17 เมื่อทัพตราหมีตัดสินใจซื้อ

ขาดตัวเขามาจากเอซี มิลาน หลังยืมตัวมาเมื่อสองซีซั่นที่ผ่านมา และได้อยู่กับทีมต่ออีกราวๆ 2ซีซั่นถึงปี 2018

 

โดยในเกมสั่งลาสนาม บิเซนเต้ กัลเดร่อน ที่เป็นรังเหย้าเก่าของแอตฯมาดริด ตอร์เรส ได้ทำการกดไปถึง 2ประตู และสามารถพาทีม

เอาชนะ แอธเลติก บิลเบาไปได้ 3-1 ถือเป็นการสั่งลาสนามแห่งนี้ไปอย่างยิ่งใหญ่ ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้สนามใหม่ลุยฤดูกาล

2017/18ต่อมาจนถึงปัจจุบัน

 

แชมป์สุดท้ายก่อนอำลาตราหมี

 

 

หลังจากที่ได้กลับมาอยู่กับแอตฯมาดริด ที่เป็นทีมที่ปลุกปั้นเขามาแล้ว ก็ถึงเวลาต้องแยย้ายอีกครั้งในฤดูกาล 2017/18 ถือเป็น

ฤดูกาลสุดท้ายของเขากับยอดทีมแห่งเมืองมาดริด ซึ่งแม้ว่าเจ้าตัวจะผ่านความล้มเหลวมาหลายที่นับตั้งแต่ย้ายออจาลิเวอร์พูล แต่

การได้กลับมาที่ที่เรียกว่าบ้าน ตอร์เรสก็สามารถลับมาโชว์ฟอร์มได้ดีอีกครั้ง

 

ตลอด 4ฤดูกาลที่ เอลนินโญ่ ได้อยู่กับทัพตราหมีคำรบสองนี้ เขาซัดไปได้ถึง 32ประตู จาก 160นัด แถมยังพาทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า

ยูโรป้าลีกเป็นากรสั่งลาอาชีพค้าแข้งกับสโมสรที่เรียกว่าบ้านอย่างยิ่งใหญ่ต่อหน้าแฟนบอลที่รักเขาที่สุด

 

ขิงแก่ที่ยังไม่หมดไฟ

 

การอำลาแอตเลนติโก มาดริด ทำให้หลายฝ่ายคิดว่านี้คงเป็นจุดสิ้นสุดของอาชีพค้าแข้งของดาวเตะรายนี้แล้ว แต่ทีมดังจากแดน

ปลาดิบอย่าง ชากัน โทสุ ก็สร้างความฮือฮาด้วยการดึงตัวแข้งวัย 34ปีไปร่วมทัพ แถมประเคนค่าเหนื่อยสูงถึง 750ล้านเยนต่อปี

 

โดยการมาโลดแล่นบนเวทีเจลีกในครั้งนี้ ตอร์เรสได้ใส่เสื้อเบอร์ 9ที่เป็นเบอร์ประจำตัว ซึ่ง โช ดอง-กอน ดาวยิงชาวเกาหลีใต้ที่ใส่

เสื้อเบอร์นี้อยู่ก่อน ก็ยินดีมอบเบอร์ของตัวเองให้ยอดแข้งรายนี้ และเจ้าตัวก็ไม่ทำให้ผิดหวังหลังซัดประตูแรกในเจลีกจากเกม

เอาชนะ กัมบะ โอซาก้า 3-0 และตลอดการค้าแข้งสองซีซั่น ตอร์เรส ยิงไปทั้งหมด 6นัด จากการลงสนาม 38นัด

 

วันสุดท้ายของอาชีพค้าแข้ง

 

 

หลังแยกทางกับแอตฯมาดริด ตอร์เรสยังคงไปต่อในอาชีพค้าแข้งด้วยการไปอยู่กับ ชากัน โทสุ ในเจลีก ญี่ปุ่น และช่วยทีมยิงไปทั้ง

สิ้น 6ประคูจากการลงสนาม 38นัด แม้ว่าจะไม่สามารถคว้าแชมป์ใดๆร่วมกับต้นสังกัดนี้ก็ตาม

 

โดยในเกมนัดสุดทายของอาชีพค้าแข้ง ดูจะจบลงไม่สวยงามเท่าไร จากการที่ทีมไปแพ้ วิสเซิล โกเบ คาบ้านถึง 6-1 แต่ก็เป็นการ

อำลาสนามที่มีอดีตเพื่อนร่วมทีมชาติอย่าง อันเดรียส อิเนียสต้า อยู่ด้วยในฐานะนักเตะฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นการจบอาชีพค้าแข้งตลอด

19ปี ลงไปอย่างอบอุ่น