ไปไหนไปด้วยกัน: เจน นุ่น โบว์ แห่งวงการลูกหนัง

 

ปัจจุบันคงไม่มีเรื่องไหนเป็นกระแสไปกว่า ‘เจน นุ่น โบว์’ และ วง super วาเลนไทน์ อีกแล้วท่ามกลางสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า ระบาดไปทั่วประเทศไทย 

 

แม้เพลงที่เนื้อหาแนะนำนักร้องกับวง จะมีเกิดขึ้นตั้งแต่ 10 ปีที่ผ่านมาแล้ว  แต่ในตอนนี้ เพลงจากค่ายท็อปไลน์ ไดมอนด์ ได้กลับมาฮิตติดลมบนโลกโซเซียลมีเดียอีกครั้ง หลังคนดังหรือคนทั่วไปในโลกออนไลน์ต่างโคฟเวอร์ออกมามากมายในช่วงที่ต้องกักตัวอยู่บ้านจากเพื่อป้องกันโควิด-19

 

เมื่อได้เห็น 3 สาว กับเนื้อเพลง,ท่าเต้น และ ท่วงทำนองที่ชวน (หลอน) ติดหู ทำให้ UFA ARENA กลับมาย้อนดูวงการฟุตบอลว่าก็มีเหล่านักเตะบางกลุ่มที่แฟนบอลต้องร้องอ๋อ ยามเห็นหน้า ไม่ต่างที่เราได้เห็น ‘เจน นุ่น โบว์ ในตอนนี้

 

และนี่คือ กลุ่มนักเตะดังจากสโมสรหรือทีมชาติต่างๆที่เป็นเหมือน เจน นุ่น โบว์ แห่งวงการลูกหนัง 

 

 

ป็อกบา, ลินการ์ด, แรชฟอร์ด | แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 

 

พอล ป็อกบา, เจสซี่ ลินการ์ด, มาร์คัช แรชฟอร์ด คือ 3 เพื่อนซี้จากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มักจะอัพเดทความเคลื่อนไหวให้แฟนๆได้เห็นเป็นประจำผ่านทางโซเชียล มีเดียของพวกเขา

 

แม้เรื่องนอกสนามจะดูเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย แต่น้อยครั้งมากที่ทั้ง 3 แข้งปีศาจแดง จะประสานงานได้ลื่นไหลและเข้าขาในเกมการแข่งขันจริงๆ แถมในบางครั้งยังถูกแฟนบอลจัดหนักวิจารณ์ถึงฟอร์มการเล่นและพฤติกรรมนอกสนามแบบไม่ไว้หน้าอีก

 

 

เนย์มาร์, คาวานี่, เอ็มบับเป้ | เปแอชเช

 

 

หนึ่งใน 3 ประสานแนวรุกที่อันตรายที่สุดในปัจจุบันอย่าง เนย์มาร์, เอดิสัน คาวานี่ และ คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ ที่รัวตาข่ายให้กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง รวมกันมากถึง 87 ประตูในฤดูกาล 2017-18 แม้จะลดลงมาในปีก่อนที่ 85 ลูก ก็ยังสามารถป้องกันแชมป์ลีกเอิงไว้ได้

 

อย่างไรก็ตาม ภาพ 3 ประสานจากแข้ง 3 สัญชาติ กลับโผล่มาเห็นน้อยมากๆในฤดูกาลล่าสุด หลังการเข้ามาของ เมาโร อิคาร์ดี้ ทำให้ หัวหอกชาวอุรุกวัยต้องกลายเป็นตัวสำรองแบบจำใจ พร้อมกับมีข่าวเตรียมย้ายทีมหลังจบฤดูกาลนี้อีกต่างหาก

 

 

เมสซี่, ซัวเรส, เนย์มาร์ | บาร์เซโลน่า

 

 

แม้ เนย์มาร์ จะแยกทางกับ บาร์เซโลน่า มานานหลายปีแล้ว หลังย้ายซบ เปแอชเช ด้วยค่าตัวสถิติโลก 222 ล้านยูโรในฤดูกาล 2017-18 แต่ตำนานของ 3 ประสาน MSN ก็ยังคงถูกพูดถึงในหมู่แฟนบอลอยู่เรื่อยมา

 

ดาวเตะเลือดแซมบ้า เล่นกันได้เข้าขาลงตัวสุดกับ ลิโอเนล เมสซี่ และ หลุยส์ ซัวเรซ จนฉีกเกมรับของคู่แข่งจนขาดวิ่น และช่วยให้ทีมอาซูลกราน่า คว้าแชมป์ ลาลีก้า มาครอง 2 สมัย, โกปา เดล เรย์ 1 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก กับ แชมป์สโมสรโลกอย่างละสมัย ระหว่างปี 2014-2017 ที่ทั้ง 3 เล่นร่วมกัน

 

 

เบล, เบนเซม่า, โรนัลโด้ | เรอัล มาดริด 

 

 

ก่อนหน้าที่ MSN ได้กำเนิดขึ้นมาถิ่นคัมป์ นู ทางฝั่ง เรอัล มาดริด คู่แค้นตลอดกาลก็มี 3 แนวรุกระดับพระกาฬอย่าง แกเร็ธ เบล, คาริม เบนเซม่า และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อยู่ในทีมแล้ว หรือที่หลายคนเรียกขานว่า ‘BBC’

 

ตลอดเวลา 5 ปี ที่ 3 ประสานราชันชุดขาวร่วมงานกัน พวกเขาช่วยให้ทีมคว้าถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ถึง 4 ครั้ง และคว้าแชมป์รวดได้ถึง 3 สมัยติดในปี 2016-2018 รวมถึงแชมป์ ลาลีก้า อีกสมัยในปี 2017

 

อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาของ BBC ก็สิ้นสุดลง เมื่อ ดาวยิงชาวโปรตุกีส บอกลาสเปน เพื่อย้ายไปเล่นกับ ยูเวนตุส ในปี 2018 นับตั้งแต่ เกมรุกของ โลส บลังโกส ก็ไม่กลับมาดุดัน เมื่อที่ทั้ง 3 คนทำได้อีกเลย

 

ซาลาห์ , มาเน่, ฟีร์มิโน่ | ลิเวอร์พูล

 

 

เมื่อ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ บอกลาถิ่นแอนฟิลด์ไปในช่วงต้นปี 2018 ได้สร้างความกังวลให้กับ เดอะ ค็อป ทั่วโลกเป็นอย่างมาก แต่นั่นกลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ เจอแนวรุกที่ลงตัวที่สุดของลิเวอร์พูล ในเวลาต่อมา

 

ปัจจุบัน ทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ยังประสานงานได้อย่างยอดเยี่ยมในแดนหน้าของ หงส์แดง จนคว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลก่อนได้สำเร็จ และกำลังไล่ล่าแชมป์ลีกที่แฟนบอลรอคอยมานานกว่า 30 ปี ในฤดูกาลนี้ 

 

 

ชาบี, อิเนียสต้า, บุสเก็ตส์ | บาร์เซโลน่า

 

 

ชาบี เอร์นานเดซ, อันเดรส อิเนียสต้า และ เซร์คิโอ้ บุสเก็ตส์ เป็นหัวใจในแดนกลางให้กับ สโมสร บาร์เซโลน่า ตั้งแต่ยุค เป็ป กวาร์ดิโอล่า เป็นต้นมา และ ทีมชาติสเปนในยุคทอง

 

ทั้ง 3 คนเติบโตมาจาก ลา มาเซีย ศูนย์ฝึกแข้งเยาวชนของ อาซูลกราน่า ก่อนจะก้าวขึ้นไปตัวหลักทีมชุดใหญ่ในเวลาต่อมา และช่วยให้ต้นสังกัดคว้าแชมป์ ลาลีก้า 5 สมัย และ แชมเปี้ยนส์ลีก 3 สมัย รวมถึงแชมป์ยูโร 2 สมัย และแชมป์โลก กับ ทัพกระทิงดุ ด้วย

 

ณ ตอนนี้ บุสเก็สต์ คือกองกลางคนสุดท้ายที่ยังค้าแข้งกับทีมต่อไป หลัง ชาบี และ อีเนียสต้า ได้บอกลาทีมไปเมื่อหลายปีก่อน

 

 

โรนัลโด้, ริวัลโด้, โรนัลดินโญ่ | ทีมชาติบราซิล

 

 

เมื่อพูดถึงยุคทองของทีมชาติบราซิล หลายคนย่อมนึกถึง 3 ตัวรุกในตำนานอย่าง โรนัลโด้, ริวัลโด้ และ โรนัลดินโญ่ ที่เขย่าวงการหนังให้สั่นสะเทือนในยุค 2000 ต้นๆ

 

พวกเขาคือนักเตะทัพเซเลเซา ชุดแชมป์โลกในปี 2002 ที่ ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพร่วม น่าเสียดายที่ช่วงเวลาสุดยอดเหล่านั้นปรากฏให้แฟนบอลเห็นแค่เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น เนื่องจาก ริวัลโด้ ได้ประกาศเลิกเล่นทีมชาติในปี 2003 

 

 

คิเอลลินี่, โบนุชชี่, บาร์ซาญี่ | ยูเวนตุส

 

 

นับตั้งแต่ที่ ยูเวนตุส กลับมาทวงบัลลังก์ในวงการลูกหนังอิตาลีอีกครั้งในปี 2012 จอร์โจ้ คิเอลลินี่, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ และ อันเดรีย บาร์ซาญี่ ก็กลายเป็นหัวใจหลักในเกมรับของทีมตังแต่นั้นเรื่อยมา

 

3 กองหลังชาวอิตาเลี่ยน ช่วยให้ เบี่ยงโคเนรี่ คว้าแชมป์เซเรียอาได้ 6 สมัยติดในปี 2012-2017 แม้ โบนุชชี่ จะแยกวงไปซบ เอซี มิลาน ในปี 2017 แต่ก็ย้ายกลับตูรินอีกครั้งในปีถัดมา และช่วยคว้าแชมป์ลีกอีกสมัย ก่อนที่ บาร์ซาญี่ ผู้อาวุโสสุดจะแขวนสตั๊ดไปก่อนพวกในปี 2019

 

ฟาน บาสเท่น, กุลลิต, ไรจ์การ์ด | เอซี มิลาน

 

 

การเข้ามาของ มาร์โก ฟาน บาสเท่น และ รุด กุลลิต ในถิ่นซาน ซีโร่ เมื่อปี 1987 ช่วยให้ เอซี มิลาน คว้าแชมป์ เซเรียอา เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี แต่การดึง แฟรงค์ ไรจ์การ์ด เข้ามาร่วมทีมในปีถัดมา ทำให้ รอสโซเนรี่ กลายเป็นทีมระดับโลกอย่างแท้จริง

 

3 ทหารเสือชาวดัตช์ เป็นแข้งคนสำคัญของ อาร์ริโก้ ซาคคี่ ในการพาทีมคว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ 2 สมัย และอยู่ร่วมงานกัน 5 ปี ก่อนที่ กุลลิต และ ไรจ์การ์ด จะลาทีมปีศาจแดงดำไปพร้อมๆกันในปี 1993 เหลือเพียง เพชรฆาตพรายกระซิบ ที่อยู่กับทีมต่อไป แต่ก็ต้องแขวนสตั๊ดในปีอีก 2 ปีถัดมา ด้วยวัยเพียง 31 ปี หลังประสบปัญหาอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่ข้อเท้า

 

 

ลอว์, ชาร์ลตัน, เบสต์ | แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 

 

 

หากพูดถึง 3 ประสานในแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุคก่อน พวกเขาก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้ใคร และด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมของ 3 ตัวรุกดาวเด่นอย่าง เดนนิส ลอว์, บ็อบบี้ ชาร์ลตัน และ จอร์จ เบสต์ ช่วยให้ปีศาจแดงเป็นสโมสรในอังกฤษทีมแรกที่คว้าแชมป์ยุโรปมาครองในปี 1968

 

นอกจากนี้ ทั้ง 3 คนยังช่วยให้ต้นสังกัดคว้าแชมป์ลีกดิวิชั่น 1 ถึง 2 สมัยในปี 1965 และ 1967 อีกทั้งคว้าคว้ารางวัลบัลลงดอร์ในสมัยที่ค้าแข้งใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ด้วย โดย ชาร์ลตัน และ ลอว์ ได้เชยชมรางวัลนี้ก่อน จากนั้น เบสต์ ก็ได้รางวัลนี้หลังจากที่คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ได้