ไม่ต้องจับมือหรอก : 10 คู่แค้นแห่งวงการลูกหนังโลก

 

กีฬาฟุตบอลเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นเกมที่รวมใจของผู้คนนับล้านให้เป็นหนึ่งเดียวกัน แต่บางครั้งฟุตบอลก็เป็นอีกหนึ่งในหลายๆชนิดกีฬาที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและความบาดหมางต่อเพื่อนร่วมอาชีพด้วยกัน

 

มากไปกว่า เรื่องความแค้นในสโมสรได้ลามไปถึงตัวนักเตะแต่ละทีมต้องไม่ชอบหน้าคู่แข่ง เพราะแค่อยู่ทีมคู่แข่ง หรือบางทีมันก็อาจจะมีเหตุผลมากกว่าเรื่องในสนาม และหลายคู่นั้นก็เป็นเอามากถึงขั้นเกลียดขี้หน้าไม่ขอจับมือด้วยซ้ำไป ไม่ว่าจะเคยอยู่ทีมเดียวกันหรือไม่ก็ตาม แบบที่สมาชิกผู้แทนราษฎรบางประเทศทำให้เห็นกันเมื่อเร็วๆนี้

 

และนี่คือ 10 คู่แค้นแห่งวงการลูกหนังที่มีชื่อเสียงระบือลือไกลไปทั่วโลก ชนิดไม่เผาผีกันแน่ๆ แต่ก็มีคู่หนึ่งที่แฮปปี้ในตอนท้ายอยู่ อยากรู้ก็เข้าไปดูในบทความนี้ได้เลย

 

 

อัล์ฟ อิงเก้ ฮาแลนด์ กับ รอย คีน

 

 

ก่อนหน้านี้ทั้งคู่เคยเป็นเพื่อนร่วมทีมกันในสมัยที่ยังค้าแข้งกับน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ก่อนที่คีนจะย้ายไปร่วมทัพปีศาจแดงในปี 1993 ขณะที่ฮาแลนด์อยู่กับทีมเจ้าป่าจนถึงปี 1997 ค่อยย้ายไปอยู่กับลีดส์ ยูไนเต็ด ซึ่งที่นั่นคือจุดเริ่มต้นของฉนวนปัญหาของทั้งคู่

 

ในปี 1997 ที่ยูไนเต็ดพ่ายกับนกยูงทองที่เอลแลนด์ โร้ด 1-0 ฮาแลนด์ได้วิ่งเข้าไปเบียดกับอดีตกองกลางทีมไอร์แลนด์จนลงไปนอนกองกับพื้นด้วยความเจ็บปวดก่อนจะต้องปิดเทอมยาวในฤดูกาลนั้นไปด้วยอาการบาดเจ็บที่หัวเขา แต่ ณ ตอนนั้นแข้งชาวนอร์เวย์กลับตะโกนใส่ คีน ว่าให้ลุกขึ้นมา และมองว่าคีนทำท่าทางสำออยไปอย่างนั้นแหละ

 

 

ความแค้นนั้นยังติดอยู่ในใจของลูกพี่คีโน่ตลอดเวลา และหลังจากนั้นอีก 4 ปี วันชำระหนี้ของเขาก็มาถึงในปี 2001 เมื่อยูไนเต็ดพบกับซิตี้ซึ่งมีฮาแลนด์อยู่ มิดฟิลด์สายพันธ์ไอริชก็บรรจงยันไปที่หัวเขาขวาของคู่แค้นเข้าอย่างจัง จนทำให้เขาโดนแบนไป 3 เกมโดนปรับไปอีก 5,000 ปอนด์ แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้อาชีพค้าแข้งของฮาแลนด์กลับมาเหมือนเดิมอีก เพราะอาการบาดเจ็บครั้งนั้นทำให้เขาต้องโบกมือลาอาชีพนักฟุตบอลไปโดยปริยาย

 

 

เวย์น บริดจ์ กับ จอห์น เทอร์รี่

 

 

อดีตเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดอีกคู่ในวงการลูกหนังที่แฟนบอลยุคใหม่น่าจะพอได้ยินชื่อเสียงอยู่บ้าง, เวย์น บริดจ์ และ จอห์น เทอร์รี่ เคยเป็นเพื่อนซี้ด้วยกันสมัยที่ค้าแข้งกับเชลซี รวมไปถึงในแคมป์ทีมชาติอังกฤษด้วย แต่ทว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาก็จบลงแบบไม่มีทางกลับมาเป็นแบบเดิมได้แน่นอน

 

เมื่อเดือนมกราคมปี 2010 สื่อดังและหนังสือพิมพ์แท็ปลอยด์ได้ประโคมข่าวใหญ่ว่า กัปตันทีมสิงห์บลูเล่นชู้กับ วาเนสซ่า เพอร์รอนเซล อดีตแฟนสาวของบริดจ์จนตั้งครรถ์ ในช่วงปลายปี 2009 นานถึง 4 เดือน จนทำให้บริดจ์ตัดสินใจเลิกลากับเพอร์รอนเซลในทันที

 

 

ชื่อเสียงของเทอร์รี่เละไม่มีชิ้นดี แต่ที่หนักไปกว่านั้นคือความสัมพันธ์ของเขากับบริดจ์บาดหมางถึงขั้นไม่ยอมจับไม้จับมือกันในเกม แต่เขาก็ยังคงโลดแล่นในฟุตบอลอาชีพได้ต่อไป ผิดกับ อดีตเพื่อนรักที่เส้นทางค้าแข้งต้องสะดุดลงกับแมนซิตี้ และประกาศเลิกเล่นทีมชาติอังกฤษในเวลาต่อมา

 

 

ปาทริซ เอวร่า กับ หลุยส์ ซัวเรซ

 

 

ชื่อเสียงในแง่ลบของหลุยส์ ซัวเรซโด่งดังใช่เล่น ทั้งเจตนาปัดบอลออกจากเส้นประตูในฟุตบอลโลกปี 2010 หรือไปงับคอคู่แข่งตอนค้าแข้งกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม แต่ตอนที่เขาย้ายมาค้าแข้งในอังกฤษกลับสร้างพฤติกรรมชวนปวดหัวกว่าเดิมหลายเท่า ซึ่งในนั้นคือกรณีของเขากับ ปาทริซ เอวร่า ในปี 2011

 

กองหน้าชาวอุรุกวัยถูกกล่าวหาว่าเหยียดผิวใส่แบ็คซ้ายปีศาจแดงในเกมเอฟเอ คัพ ระหว่างเกมที่ ลิเวอร์พูล พบกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งหลังจากนั้น เอฟเอได้ตัดสินว่าเขามีความผิดจริง และได้ลงโทษเขาห้ามลงสนาม 8 นัด พร้อมกับ ปรับเงินอีก 4 หมื่นปอนด์

 

 

อีกหลายเดือนต่อมา ทั้งคู่กลายเป็นประเด็นในวงการลูกหนังอีกครั้ง เมื่อมีภาพจับได้ว่าซัวเรซยกมือข้ามเมินจับมือกับเอวร่าอย่างชัดเจน ทำให้เกิดการถเถียงกันครั้งใหญ่จากแฟนบอลทั้งสองฝั่ง ซึ่งแฟนหงส์แดงมองว่า เอวร่ายึกยักก่อน ทำให้กองหน้าของพวกเขาเลือกที่จะไม่จับมือ อย่างไรก็ตาม ซัวเรซก็ได้ออกมาขอโทษกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น

 

 

มักซี่ โลเปซ กับ เมาโร อิคาร์ดี้

 

 

ใครว่าเรื่องรักสามเส้าของ เทอร์รี่ กับ บริดจ์ หนักเอาเรื่องแล้ว แต่เจอกับเคสของ มักซี่ โลเปซ กับ เมาโร อิคาร์ดี้ ต้องบอกว่ากระอักกระอวนกว่าหลายเท่าตัว เพราะกองหน้ารุ่นน้องดันไปคบ วานด้า นาร่า อดีตภรรยาของกองหน้ารุ่นพี่ในทีมชาติอาร์เจนติน่ามาแบบไม่แคร์ใคร หลังจากที่ทั้งคู่หย่าขาดกับเรียบร้อยแล้ว และแน่นอนว่าโลเปซไม่มีทางจับมือกับอิคาร์ดี้ก่อนเกมการแข่งขันแน่นอน

 

ทั้ง อิคาร์ดี้ และ นาร่า ลงเอยถึงขั้นแต่งงานและมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน รวมถึงดูแลลูกของโลเปซเป็นอย่างดีเหมือนลูกของตัวเอง ถึงขั้นสักชื่อของพวกเขาทั้ง 3 ลงบนแขนของตัวเองเลย แต่ดูเหมือน พ่อแท้ๆของเด็กทั้ง 3 จะรับเรื่องนี้ไม่ได้เท่าไหร่

 

 

“ผมไม่สบายใจที่มีลูกๆของผมเข้าไปอยู่ในรูปนั้นด้วย ลูกๆคือกำลังใจของผม พวกเขารู้ดีว่าผมจะต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องพวกเขาแน่ เพราะพวกเขาทั้ง 3 คือทุกอย่างทุกอย่างของผม”  มักซี่ เผยความอัดอั้นตันใจผ่าน สกายสปอร์ต สื่อดังแดนผู้ดีเมื่อปี 2016

 

 

ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กับ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท

 

 

ในเกมอุ่นเครื่องระหว่าง สวีเดน กับ ฮอลแลนด์ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ปี 2004 ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ที่เป็นกองกลางดาวรุ่งอยู่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งคนที่ทำให้เขาเป็นเช่นนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือเพื่อนร่วมสโมสรอาแจ็กซ์อย่าง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช นั่นเอง

 

ซึ่งตัวของแข้งชาวดัชต์มองว่า ซลาตันจงใจทำให้เขาบาดเจ็บ เนื่องจากช่วงนั้นอดีตดาวยิงทีมชาติสวีเดนกำลังก้าวขึ้นมาเป็นซุปเปอร์สตาร์ภายในทีมเหนือตัวเขา แถมยังมีข่าวว่า อิบราฮิโมวิช พยายามจะแย่งเสื้อเบอร์ 10 ไปจากแข้งชาวดัชต์ด้วย

 

อย่างไรก็ตาม แข้งวัย 37 ปี ปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านั้น และไม่ได้เจตนาจะทำให้ฟาน เดอร์ ฟาร์ท บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ไม่ทิ้งลายพระเจ้าของวงการลูกหนังด้วยการขู่อดีตกองกลางสเปอร์สว่า ถ้าไม่หยุดกล่าวหาเขาอีก คราวนี้ได้ขาหนักของจริงแน่นอน

 

 

เท็ดดี้ เชอริ่งแฮม กับ แอนดี้ โคล

 

 

อีกหนึ่งคู่กองหน้าอันดับต้นๆในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ทุกคนยังจดจำได้ดีว่าเขาเข้าขากันเพียงใดยามค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ทว่าเป็นเรื่องแปลกอย่างมากที่ เท็ดดี้ เชอร์ริ่งแฮม กับ แอนดี้ โคล ไม่เคยคุยกันตลอดเวลาหลายปีที่อยู่ที่นั่น

 

สาเหตุแรกที่ทำให้ทั้งคู่ขุ่นเคืองกันคือเกมอุ่นเครื่องระหว่างทีมชาติอังกฤษและอุรุกวัยในปี 1995 ซึ่งเป็นเกมแรกในทีมชาติของโคล แต่ในตอนที่เปลี่ยนตัวลงสนาม น้าหมีกลับทำเมินใส่โคลแบบไม่ใยดี ทำให้กองหน้าผิวสีผูกใจเจ็บมาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

 

ผ่านมา 2 ปี ทั้งคู่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในฐานะเพื่อนร่วมทีมปีศาจแดง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาหรือดีขึ้นเลย แต่ทว่าเรื่องเหล่านี้ก็ไม่ได้หยุดความเข้าขารู้ใจในแดนหน้าของเขาทั้งสองอยู่ดี และเป็นกำลังสำคัญช่วยให้ทีมคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ในปี 1999 ด้วย อย่างไรก็ตามด้วยวัยที่โตขึ้นพร้มกับอีโก้ที่ลดลงทำให้ทั้งคู่ได้จับมือพูดคุยแบบเพื่อนทั่วไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

 

 

โอลิเวอร์ คาห์น กับ เยนส์ เลห์มันน์

 

 

โอลิเวอร์ คาห์น และ เยนส์ เลห์มันน์ ต่างเป็นนายทวารมือดีและเพื่อนร่วมทีมในทีมชาติเยอรมัน ซึ่งคิงคาห์นมักจะได้รับโอกาสเป็นมือหนึ่งก่อนเลห์มันน์ เสมอ แต่ทว่าในยุคที่ เจอร์เก้น คลินส์มันน์ เข้ามาคุมทัพอินทรีเหล็ก สถานะมือหนึ่งของอดีตมือกาวบาเยิร์น มิวนิคก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

 

อดีตกองหน้าฉายา ฉลามขาว ได้ประกาศก่อนฟุตบอลโลกปี 2006 ว่าไม่มีใครได้เป็นมือหนึ่งถาวรและ ทั้งคู่ต้องแข่งขันและโชว์ฟอร์มให้ดีที่สุดเพื่อตำแหน่งนั้นในทีมชาติ และผลปรากฏว่า เลห์มันน์ได้กลายเป็นเบอร์หนึ่งของเยอรมันในศึกครั้งนั้น

 

 

แน่นอนว่าตัวของคาห์นไม่โอเคกับเรื่องนี้ ทำให้ทั้งคู่เริ่มพูดจาแขวะใส่กันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยเลน์มันน์บอกว่าเขารับมือกับแรงกดดันได้ดีกว่า ขณะที่คาห์นก็แซะเรื่องที่เลห์มันน์เสียตำแหน่งนายทวารมือหนึ่งให้กับ มานูเอล อัลมูเนีย ในอาร์เซน่อล อย่างสนุกปาก

 

 

เอล ฮัดจิ ดิยุฟ กับ เจมี่ คาร์ราเกอร์

 

 

อดีตดาวเตะทีมชาติเซเนกัลมักจะสร้างศัตรูไว้มากมายในอาชีพค้าแข้ง แต่คนที่เขาดูจะเกลียดขึ้หน้ามากที่สุดคงหนีไม่พ้น เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตเพื่อนร่วมทีมในสมัยที่เล่นให้กับลิเวอร์พูล

 

แม้ว่าจะย้ายทีมออกไปนานแล้ว แต่แข้งจอมถุยและคาร์ร่าก็ยังปะทะคารมณ์ผ่านสื่ออยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือชีวประวัติของอดีตกองหลังหงส์แดง ที่ระบุว่า ดิยุฟ คือนักเตะที่ห่วยแตกที่สุดที่เขาเคยเล่นด้วย แถมเย้ยหยันว่าเขายิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้มากกว่าดิยุฟ โดยที่ไม่ต้องรวมลูกที่เขาทำเข้าประตูตัวเองด้วยซ้ำ

 

ทางฝั่งของดิยุฟก็ดุเดือดไม่แพ้กัน เมื่อเปรียบเทียบฝีเท้าของเขากับคาร์ราเกอร์ว่าห่างกันมากและไม่ต่างจากขยะ ล่าสุดดิยุฟก็ยังแขวะใส่เพื่อนรักไม่เลิก โดยบอกว่าที่คาร์ร่าได้เล่นให้ลิเวอร์พูลเพราะเป็นนักเตะท้องถิ่นเท่านั้น ไม่มีความเก่งกาจอะไรเลย และมองว่าเป็นนักเตะที่ถนัดเท้าขวาที่มีเท้าซ้าย 2 ข้าง เจ็บจิ๊ดมั้ยล่ะคาร์ร่า

 

 

ดิดิเย่ร์ โซโกร่า กับ เอ็มเร โบโลโซกลู

 

 

ดิดิเย่ร์ โซโกร่าเป็นนักเตะที่ติดทีมชาติไอวอรี่ โคสต์ มากที่สุดตลอดกาล โดยเล่นไป 123 นัดให้กับทีมช้างดำ และเล่นให้กับทีมดังในยุโรปมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ และ เซบีย่า ขณะที่ เอ็มเร โบโลโซกลู ก็ทำผลงานในทีมชาติตุรกีได้โดดเด่นไม่แพ้กัน โดยลงเล่นไปถึง 94 นัด แต่ว่าทำไมสองแข้งที่อยู่ต่างทวีปถึงเกลียดขี้หน้ากันขนาดนั้นล่ะ?

 

คำตอบทั้งหมดอยู่ในเกมมินิลีกระหว่าง แทร็ปซอนสปอร์ กับ เฟเนร์บาห์เช่ นัดแรกเพื่อหาแชมป์ในลีกแดนไก่งวง โซโกร่า โดน เบโลโซกลู เหยียดผิวด้วยการพูดจาและไม่ยอมจับมือก่อนลงสนาม ทำให้เขาเก็บความแค้นไว้ในใจจนกระทั่งได้พบกันอีกครั้งในนัดต่อมา มาในคราวนี้โซโกร่าเลือกที่จะไม่จับมือกับแข้งชาวตุรกีแทน

 

https://www.youtube.com/watch?v=p-m0TC_rtm0

 

แต่ดูเหมือนว่าแค่นั้นยังไม่สาแก่ใจอดีตแข้งไก่เดือยทอง ในเกมวันนั้นเขาวิ่งเข้าไปเตะผ่าหมากใส่ เบโลโซกลู เข้าเต็มเหนี่ยว จนแข้งคู่แข่งหน้าเขียวลงไปนอนกับพื้นสนาม ที่น่าเหลือเชื่อไปกว่านั้นคือ โซโกร่ากลับรอดพ้นจากใบแดงจากจังหวะนี้ไปแบบไม่น่าเชื่อ และที่สำคัญโบโลโซกลูต้องไปรับกรรมในคุกถึง 2 เดือนจากเหตุการณ์เหยียดผิวครั้งนี้

 

 

ดีเอโก้ มาราโดน่า กับ เปเล่

 

 

ใครเป็นนักเตะที่เก่งที่สุด ระหว่าง มาราโดน่า กับ เปเล่? คำถามโลกแตกแห่งวงการฟุตบอลที่ปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ชัดเจนนัก จริงอยู่ที่เขาทั้งคู่พาทีมชาติบ้านเกิดขึ้นไปบนยอดปีระมิดของวงการฟุตบอล แต่น่าเสียดายที่ดันเกิดกันคนละยุค ไม่งั้นแฟนบอลทั่วโลกคงได้ทั้งแขวะกันตั้งแต่ตอนนั้น

 

แต่หลังจากแขวนสตั๊ดเป็นต้นมา ทั้งไข่มุกดำและเสือเตี้ยต่างเขม่นกันไปมาว่าข้าคือเบอร์หนึ่งของโลกอยู่เสมอ โดยฝั่งมาราโดน่า มองว่าเปเล่ควรไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์ได้แล้ว เนื่องจากชอบพูดอะไรไร้สาระเรื่อยเปื่อยเหมือนกินยาผิดซองมา และยังเคลื่อนไหวไม่ต่างอะไรกับตุ๊กตาที่ถูกรีโมตบังคับ

 

 

แต่มีหรือที่อดีตดาวยิงทัพเซเลเซาจะยอมให้แซะอยู่ฝ่ายเดียว เขากล่าวชื่นชมว่าอดีตดาวตะชาวอาร์เจนไตน์คือหนึ่งในนักเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกก็จริง แต่แซะต่อว่าเสื้อเตี้ยโหม่งทำประตูไม่ได้เลย แถมทำประตูส่วนใหญ่ด้วยเท้าซ้าย และที่สำคัญเปเล่ยังมองว่าเป็นเรื่องตลกอย่างมาก ถ้ามีใครซักคนนำเขากับมาราโดน่ามาเทียบฝีเท้ากัน ซึ่งแน่นอนว่านั่นหมายความว่าเปเล่บอกว่าตัวเองเก่งกว่ามาราโดน่าเป็นไหนๆ