ไม่ต้องรอซัมเมอร์! 8 แข้งค่าตัวแพงสุดตลาดหน้าหนาว

ตลาดซื้อขายช่วงหน้าหนาวรอบนี้เพิ่งปิดฉากลงไป ถึงแม้ว่าจะไม่มีดีลที่เรียกเสียงฮือฮาเท่าไรนัก แต่ก็มีนักเตะที่ย้ายทีมด้วยเม็ดเงินมหาศาลในครั้งนี้เช่นกัน นั้นก็คือ บาร์เซโลน่า ซึ่งยอมทุ่มเงินถึง 65.3 ล้านปอนด์ คว้าตัว แฟรงกี้ เดอ ยอง จาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม มาร่วมทีม

 

อันที่จริงแล้วแล้วการซื้อขายแบบยอมทุ่มเงินจำนวนมากมักจะเกิดขึ้นในช่วงตลาดซัมเมอร์ซะมากกว่า อย่างไรก็ดีที่ผ่านมาก็เคยมีการใช้เงินก้อนโตลงทุนในช่วงหน้าหนาวด้วยเช่นเดียวกัน

 

โดยวันนี้ Ufa Arena จะพาแฟนบอลไปย้อนดูกันว่า 8 อันดับการซื้อขายช่วงหน้าหนาวที่แพงสุดตลอดกาล จะมีดีลไหนกันบ้าง ลองไปดูกันเลย

 

เฟร์นานโด ตอร์เรส – 50 ล้านปอนด์ จาก ลิเวอร์พูล ไป เชลซี

 

การย้ายตัวของอดีตดาวเตะ “หงส์แดง” ไปอยู่กับ เชลซี ในช่วงตลาดหน้าหนาวปี 2011 เป็นเรื่องที่เรียกได้ว่าสร้างความฮือฮามากพอสมควร ณ เวลานั้น เนื่องจาก เฟร์นานโด ตอร์เรส ถือเป็นหนึ่งในสองแข้งสำคัญของ ลิเวอร์พูล ร่วมกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และเคยถูกยกย่องให้เป็น 1 ใน 50 นักเตะที่ดีสุดตลอดกาลของสโมสร

 

อย่างไรก็ดีฟอร์มการเล่นของอดีตขุนพลทีมชาติสเปนชุดแชมป์โลกและแชมป์ยูโร ดันไปเข้าตา โรมัน อับราโมวิช เจ้าของสโมสร “สิงโตน้ำเงินคราม” จนเขาอยากได้ตัวมาร่วมทีม ประกอบกับศูนย์หน้าหมายเลข 9 เริ่มไม่แฮปปี้หลังไม่สามารถหาความสำเร็จที่ เมอร์ซี่ไซด์ ได้

 

ก่อนท้ายที่สุดทุกอย่างจบลงด้วยการย้ายทีมของ เฟร์นานโด ตอร์เรส ช่วงวันสุดท้ายของตลาดซื้อขาย มาอยู่กับ เชลซี ด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่าเป็นการย้ายทีมระหว่างสโมสรบนเกาะอังกฤษที่แพงสุดในเวลานั้นด้วย

 

ภายหลังที่  “เอล นินโญ” มาอยู่กับ เชลซี กราฟชีวิตค้าแข้งของเขาไม่ค่อยรุ่งโรจน์สักเท่าไรนัก ผลงานค่อนข้างหน้าผิดหวัง ตลอดระยะเวลา 5 ซีซั่นในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ เขาลงสนามไปถึง 172 นัด แต่กลับยิงไม่เพียง 45  ลูกเท่านั้น ถึงแม้จะมีส่วนช่วยทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก, ยูโรปา ลีก และ เอฟเอคัพ ได้สำเร็จ แต่เขาก็ไม่อาจตอบโจทย์ความต้องการของตัวเองในการความแชมป์ลีกได้

 

ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง – 57 ล้านปอนด์ จาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ไป อาร์เซน่อล

 

ศูนย์หน้าตัวเก่งของทีมชาติกาบองรายนี้ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ ทีม “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ซีซั่น 2016/2017 ก่อนที่ฤดูกาลถัดมาเขายังคงระเบิดฟอร์มฮอตต่อเนื่อง ด้วยการยิงไปอีก 13 ประตูจาก 16 เกม ในศึก บุนเดสลีกา เยอรมัน ก่อนเข้าสู่ช่วงพักเบรคปีใหม่

 

ด้วยฟอร์มการเล่นที่เรียกได้ว่ากำลังขาขึ้นสุดๆ ประกอบกับเจ้าตัวต้องการออกไปหาความท้าทายใหม่ๆ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล จึงเป็นทางเลือกที่ใช่สำหรับ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ซึ่งเขาเพิ่งย้ายมาอยู่กับทีมช่วงตลาดหน้าหนาวปีที่ผ่านมา ด้วยค่าตัวสูงถึง 57 ล้านปอนด์ และนั่นทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่แพงสุดของยอดทีมแห่งกรุงลอนดอนอีกด้วย

 

ปัจจุบันแข้งวัย 29 ปี คือกำลังสำคัญในถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ภายหลังจากที่ทีมต้องเสียนักเตะอย่าง อเล็กซิส ซานเชซ ไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมกับซัดประตูให้ทีมไปแล้ว 28 ประตู จากการลงสนามทั้งหมด 44 นัด รวมทุกรายการตลอด 1 ปี กับ “เดอะกันเนอร์”

 

คริสเตียน พูลิซิช – 57.5 ล้านปอนด์ จาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ไป เชลซี

 

เป็นหนึ่งในดีลที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆช่วงตลาดซื้อขายหน้าหนาวรอบที่ผ่านมา หลังจากที่ คริสเตียน พูลิซิช ปีกวันเดอร์คิดทีมชาติสหรัฐอเมริกา ตกลงสัญญาส่วนตัวเตรียมย้ายจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์  ไปเล่นให้กับ “สิงห์บลู” เชลซี ในซีซั่นหน้า

 

ดาวรุ่งวัย 20 ปี ทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆนับตั้งแต่ได้โอกาสลงสนามให้กับทีม “เสือเหลือง” ชุดใหญ่เมื่อปี 2015 จนทำให้เขากลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่น่าจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งในยุโรปเวลานี้

 

อย่างไรก็ตามเจ้าตัวกำลังจะได้ไปโชว์ฝีเท้าให้ต้นสังกัดใหม่ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นหน้ากับทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” หลังยอดทีมแห่งเมืองผู้ดียอมทุ่มเงินสูงถึง 57.5 ล้านปอนด์ เพื่อเป็นค่าตัวของ คริสเตียน พูลิซิช ซึ่งนั่นทำให้เขากลายเป็นนักเตะจากแดนลุงแซมที่มีค่าตัวแพงสุดตลอดกาลด้วย

 

เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์ – 58 ล้านปอนด์ จาก แอธเลติก บิลเบา ไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้  

 

อดีตปราการหลังตัวแกร่งจาก แอธเลติก บิลเบา คือหนึ่งในนักเตะที่ทำผลงานได้ดีที่สุดคนหนึ่งบนลีกสูงสุดแดนกระทิงดุ ตลอดหลายซีซั่นที่ผ่านมา และเคยมีชื่อติดอยู่ในทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของ ลาลีกา สเปน เมื่อฤดูกาล 2013/2014

 

จนในที่สุดแฟนบอลทั่วโลกก็ได้รู้จักเขามากขึ้น หลัง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยอมควักกระเป๋าใช้เงินถึง 58 ล้านปอนด์ ดึงตัว เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์ จากแคว้นบาสก์มาเล่นในถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม ช่วงตลาดซื้อขายหน้าหนาวปี 2018

 

ถึงแม้ว่าผลงานในปีแรกบนเกาะอังกฤษของแข้งวัย 24 ปี อาจจะไม่โดดเด่นมากเท่าไรนัก แต่สำหรับฤดูกาลนี้ เขากลายหนึ่งในแผงหลังคนสำคัญของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือใหญ่ทีมไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และถือเป็นเซ็นเตอร์แบ็คระดับท็อปของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เวลานี้

 

ออสการ์ – 60 ล้านปอนด์ จาก เชลซี ไป เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี

 

แข้งบราซิเลียนวัย 27 ปี เคยเป็นหนึ่งในนักเตะที่ทำผลงานได้ดีที่สุดของ เชลซี และถูกคาดหวังว่าเขาจะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีมได้ในเวลาต่อมา

 

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ ออสการ์ อำลาบ้านเกิดจาก อินเตอร์นาซิอองนาล มาอยู่กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เป็นเวลา 4 ปีครึ่ง เขาได้ตัดสินใจครั้งสำคัญอีกครั้ง ช็อคแฟนบอล “สิงห์บลู” ด้วยการเลือกย้ายออกจากยอดทีมแห่งกรุงลอนดอนไปอยู่กับ เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี สโมสรอภิมหาเศรษฐีในศึก ไชนีส ซุปเปอร์ลีก ในช่วงหน้าหนาวปี 2017

 

โดยค่าตัวในการย้ายทีมของ ออสการ์ ไปอยู่กับทีมแกร่งในประเทศจีน มีมูลค่าสูงถึง 60 ล้านปอนด์เลยทีเดียว ซึ่งนั้นทำให้เขากลายเป็นแข้งค่าตัวแพงที่สุดตลอดกาลของลีกแดนมังกรด้วย

 

สำหรับผลงานของ ออสการ์ ภายหลังจากที่ย้ายไปอยู่กับ เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี เขากลายเป็นหัวใจคนสำคัญของทีมแบบไม่ต้องสงสัยด้วยสถิติลงสนาม 79 นัด ซัดไป 25 ประตู และเพิ่งพาทีมคว้าแชมป์ ไชนีส ซุปเปอร์ลีก ซีซั่นล่าสุดมาครองได้สำเร็จ

 

แฟรงกี้ เดอ ยอง – 65.3 ล้านปอนด์ จาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ไป บาร์เซโลน่า

 

ดาวรุ่งพรสวรรค์สูงที่กำลังถูกจับตามองและโดงดังสุดๆ ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เขาคือนักเตะอนาคตไกลของ “อัศวินสีส้ม” ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ และเพิ่งถูกดึงตัวไปร่วมทีม บาร์เซโลน่า สดๆร้อนๆ เมื่อช่วงตลาดซื้อขายรอบที่ผ่านมา

 

แฟรงกี้ เดอ ยอง คือหนึ่งในเป้าหมายหลักในการเสริมทัพของ “อาซูลกราน่า” ในช่วงหน้าหนาวนี้ ซึ่งพวกเขาก็ไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวัง หลังสามารถคว้าตัวแข้งวัย 21 ปี มาร่วมทัพได้สำเร็จด้วยค่าตัว 65.3 ล้านปอนด์ จาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม

 

อย่างไรก็ตามผลงานของเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปในถิ่น คัมป์ นู ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก เพราะเขาต้องเบียดแย่งตำแหน่งกับนักเตะระดับท็อปมากมาย ซึ่งมันเป็นบทพิสูจน์สำคัญว่าเขาจะสามารถก้าวขึ้นไปเป็นสุดยอดนักเตะในอนาคตตามที่หลายคนคาดหวังได้หรือไม่

 

เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ – 75 ล้านปอนด์ จาก เซาแธมป์ตัน ไป ลิเวอร์พูล

 

หลายครั้งที่ ลิเวอร์พูล มักจะเสียผู้เล่นตัวสำคัญออกจากทีมไปในช่วงตลาดซื้อขายช่วงเดือนมกราคม ทั้งในกรณีของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ และ เฟร์นานโด ตอร์เรส  ทว่าในยุคของกุนซือใหญ่อย่าง เจอร์เกน คล็อปป์ พวกเขากลับเป็นฝ่ายที่ยอมทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อเสริมนักเตะระดับท็อปเขามาสู่ทีมซะเอง

 

โดยในช่วงครึ่งแรกของซีซั่น 2017/2018 “หงส์แดง” เวลานั้นกำลังมีปัญหาอย่างหนักกับผู้เล่นตำแหน่งแนวรับที่ผลงานไม่ค่อยดีนัก จนกระทั้งพวกเขาต้องมองหาผู้เล่นคนใหม่เข้ามาสู่ทีม นั้นก็คือ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ซึ่งก่อนหน้า ลิเวอร์พูล เคยออกมายืนยันว่าพวกเขาจะเลิกความพยายามดึงตัวแข้งรายนี้ เข้ามาร่วมทีม หลังจากที่แอบเจรจากับนักเตะแบบลับๆช่วงซัมเมอร์นั้น จนทำให้ทางต้นสังกัดอย่าง เซาแธมป์ตัน ไม่พอใจ

 

ท้ายที่สุดแล้วปราการหลังดัตช์แมนก็ยังคงเป็นเป้าหมายของทีม และยอมทุ่มเงินกว่า 75 ล้านปอนด์ คว้าตัวมาร่วมทีมได้สำเร็จ หลังจากนั้นแนวรับวัย 27 กลายเป็นหนึ่งในนักเตะคีย์แมนของทีมทันที มีส่วนสำคัญพาทีมเข้าถึงรอบชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รวมไปถึงพาทีมลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ครั้งแรกของสโมสรในซีซั่นนี้

 

ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ – 142 ล้านปอนด์ จาก ลิเวอร์พูล ไป บาร์เซโลน่า

 

อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่า ลิเวอร์พูล มักจะต้องเสียนักเตะตัวสำคัญออกจากทีมไปในช่วงตลาดซื้อขายมกราคม และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เลือกย้ายออกจากถิ่น แอนฟิลด์ ในช่วงเวลาดังกล่าว

 

หากย้อนไปก่อนนั้น แข้งแซมบ้าตกเป็นข่าวกับทีม “ต่างดาว” อย่างต่อเนื่องตลอดช่วงซัมเมอร์ ทั้งกระแสข่าวลือต่างๆที่ทำเอาแฟน “เดอะค็อป” ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ แต่แล้วเขาก็ได้อยู่กับทีมต่อไปหลังจากนั้น

 

ทว่าความฝันของเขาคือการย้ายไปเล่นให้ยอดทีมแห่งแคว้นคาตาลัน ไม่ว่า “หงส์แดง” จะทำยังไงแม้กระทั้งมอบปลอกแขนกัปตันทีมให้เจ้าตัวก็ไม่คิดเปลี่ยนใจ ก่อนทุกอย่างจะจบลงหลัง บาร์เซโลน่า ยอมทุ่มเงินก้อนโตเพิ่มออปชั่นเสริมรวมแล้วประมาณ 142 ล้านปอนด์กระชากตัว คูตินโญ่ ไปร่วมทีมอย่างเป็นทางการ

 

อย่างไรก็ตามปัจจุบันเขากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับฟอร์มการเล่นที่ยังทำได้ไม่ดีนัก จนเริ่มมีกระแสข่าวลือว่าเจ้าตัวเริ่มไม่มีความสุขกับ บาร์เซโลน่า เหมือนที่เคยเป็น