ไม่มีคำว่าสาย: 6 สโมสรที่รอคว้าแชมป์ลีกยาวนานกว่าช่วงชีวิต

 

ในช่วงเช้าของวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แคนซัสซิตี้ ชีฟส์ ทีมอเมริกันฟุตบอลดัง คว้าแชมป์ซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 54 ได้สำเร็จด้วยการพลิกแซงชนะ ซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้ไนเนอร์ส 31-20 คะแนน  

 

ความสำเร็จครั้งนี้ของ แคนซัสซิตี้ ชีฟส์ ถือเป็นการคว้าแชมป์ซูเปอร์โบว์ลครั้งแรกในรอบ 50 ปีของทีม หลังเคยคว้าแชมป์หนสุดท้ายได้ตั้งแต่สมัยยังเป็นเอเอฟแอล ลีกในปี 1970

 

หากย้อนกลับมาดูในวงการฟุตบอล พบว่ามีหลายสโมสรไม่น้อยที่ประสบชะตากรรมเดียวไม่ต่างกับ ชีพส์ ที่ต้องร้างราความสำเร็จไปนานหลายทศวรรษกว่าจะกลับมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้ง

 

ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จะพาไปพบกับ 6 สโมสรที่รอคว้าแชมป์ลีกนานเกินหลายทศวรรษราวกับเป็นทั้งชีวิตของแฟนๆเลย

 

 

เบิร์นลี่ย์ (39 ปี)

 

 

คงจะยากหน่อย หากจะจินตนาการว่า เบิร์นลี่ย์ จะสามารถกลายเป็นม้ามืดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็เคยคว้าแชมป์ลีกผู้ดีได้ถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 1921 ซึ่งเป็นฤดูกาลที่พวกเขาไม่แพ้ใครถึง 30 นัดเลย

 

ต่อมา แฟนบอล ‘เดอะ คลาเร็ตส์’ ต้องรออีกนานถึง 39 ปี หรือในฤดูกาล 1959-60 ทีมรักของพวกเขาถึงจะคว้าแชมป์ลีกมาครองได้เป็นครั้งที่ 2 ด้วยการเบียดตัวเต็งอย่าง วูล์ฟแฮมป์ตัน และ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ พร้อมกับได้เข้าไปเล่นฟุตบอลยุโรปครั้งแรกในฤดูกาลต่อมา ก่อนจะถูก ฮัมบูร์ก เขี่ยตกรอบในรอบ 8 ทีมสุดท้าย

 

นับตั้งแต่นั้น ทีมจากแลงคาเชียร์ ก็จบอันดับสูงสุดแค่อันดับ 2 เท่านั้น ใน 2 ฤดูกาลหลังจากนั้น นอกจากนี้ เบิร์นลี่ย์ ยังเป็นหนึ่งในไม่กี่ทีมที่คว้าแชมป์ลีกในอังกฤษได้ครบถึง 4 ดิวิชั่นด้วย

 

 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (44 ปี)

 

 

กว่าที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะคว้าแชมป์ลีกได้เป็นสมัยที่ 2 ของสโมสร พวกเขาต้องรอนานถึง 31 ปี ระหว่างครั้งแรกในปี 1937 และครั้งที่ 2 ในปี 1968 ด้วยการเบียด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอริร่วมเมืองที่คว้าแชมป์ยุโรปในปีเดียวกัน

 

แต่อีก 4 ทศวรรษต่อมา เรือใบสีฟ้าก็ไม่มีโอกาสได้สัมผัสความสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันอีกเลย จนกระทั่งการเข้ามาเทคโอเวอร์ของ ชีค มันชูร์ ในปี 2008 ช่วยสร้างพวกเขากลายเป็นทีมเบอร์ต้นๆของอังกฤษจากเม็ดเงินมากมายมหาศาลในตอนนั้น

 

จากนั้น ซิตี้ ใช้เวลาเพียง 4 ปี ก็คว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 3 ในประวัติศาสตร์ของสโมสรมาครองได้สำเร็จ ในฤดูกาล 2011-12 และทำได้เพิ่มอีก 3 ครั้ง ในเวลาต่อมา โดย ปัจจุบัน พวกเขาก็ยังเป็นทีมเบอร์ต้นๆในพรีเมียร์ลีกอยู่ แม้จะหมดโอกาสป้องกันแชมป์ลีกในฤดูกาลล่าสุดแล้วก็ตาม

 

 

เชลซี (50 ปี)

 

 

อีกหนึ่งสโมสรในแดนผู้ดีที่การเทคโอเวอร์มีส่วนทำให้ประวัติศาสตร์ของทีมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อ มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย โรมัน อับราโมวิช เข้ามาช่วยให้เชลซีรอดพ้นจากการล้มละลายในปี 2003 และเปลี่ยนให้พวกเขากลายเป็นตัวเต็งลุ้นแชมป์ด้วยเม็ดเงินที่มากมายเกินกว่าทีมไหนในยุคเดียวกัน

 

แม้ ทีมฉายา ‘สิงห์บลู’ ก็คว้าแชมป์บอลถ้วยได้บ่อยๆ ก่อนหน้าที่ เสี่ยหมี จะกลายเป็นเจ้าของสโมสร แต่พวกเขาก็เคยคว้าแชมป์ลีกมาครองได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นในปี 1955 

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยทุนที่มีไม่อั้นกับ มันสมองของ โชเซ่ มูรินโญ่ ทำให้ เชลซี คว้าแชมป์ลีกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี ในฤดูกาล 2004-05 ก่อนจะป้องกันแชมป์ลีกได้ในปีต่อมา และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ หลังจากนั้นเป็นต้นมา

 

 

แอสตัน วิลล่า (71 ปี)

 

 

หากพูดถึงทีมที่เก่าแก่เป็นอันดับต้นๆในลูกหนังแดนผู้ดี คงหนีไม่พ้น แอสตัน วิลล่า ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงยุคเริ่มแรกของการแข่งขันฟุตบอลอาชีพ ด้วยการคว้าแชมป์ลีก 6 สมัย ระหว่างที่ลีกก่อตั้งในปี 1888 ถึงปี 1910

 

ทว่าหลังจากนั้น สิงห์ผงาด ก็ไม่สามารถกลับไปอยู่ในจุดที่เคยอยู่ได้ด้วยการทำเต็มที่เพียงตำแหน่งรองแชมป์ ผสมกับการวนเวียนตกชั้นไปอยู่ดิวิชั่น 2 และ ดิวิชั่น 3 ในบางฤดูกาล

 

แต่การรอคอยของแฟนวิลล่าก็สิ้นสุดดลงในอีก 71 ปี เมื่อประตูของ ปีเตอร์ วิธ ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดอีกครั้งใน ฤดูกาล 1980-81 และต่อมาเขาเป็นฮีโร่ของสโมสรจากมิดแลนด์อีกครั้ง ด้วยยิงประตูชัยให้ แอสตัน วิลล่า คว้าแชมป์ยุโรปมาครองเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวของสโมสรในฤดูกาลถัดมา

 

 

แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส (81 ปี)

 

 

อีกสโมสรเก่าแก่ไม่แพ้ แอสตัน วิลล่า อย่าง แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ก็ประสบความสำเร็จไม่น้อยในช่วงตั้งไข่ของฟุตบอลลีกผู้ดี ด้วยการคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 ถึง 2 สมัย ในปี 1912 และ 1914 ก่อนจะร้างแชมป์ นับตั้งแต่ หลังช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นต้นมา

 

ทีมกุหลาบไฟ ใช้เวลานานหลายทศวรรษกว่าจะกลับมายืนหยัดในลีกสูงสุดแดนผู้ดีได้อย่างมั่นคงในปี 1992 และก่อนหน้า เขลซี หรือ แมนซิตี้ สโมสรจากแลงคาเชียร์ น่าจะเป็นทีมแรกๆในยุคพรีเมียร์ลีกที่มีการใช้เงินลงทุนเพื่อความสำเร็จ

 

ด้วยเงินทุนสุดหน้าจาก แจ็ค วอลค์เกอร์ เจ้าของทีม ช่วยให้ เคนนี่ ดัลกลิช สร้างทีมขึ้นมาลุ้นแชมป์ได้อย่างเต็มตัว พร้อมกับปาดหน้า แชมป์เก่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวันสุดท้ายของฤดูกาล 1994-95 คว้าแชมป์ลีกที่แฟนบอลรอคอยมานานกว่า 81 ปี ในท้ายที่สุด

 

 

ลิเวอร์พูล (30 ปี)

 

 

แม้ว่า ลิเวอร์พูล จะยังไม่ได้คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เรียบร้อยในฤดูกาลนี้ ณ เวลาที่เขียนบทความชิ้นนี้อยู่ แต่จำนวนแต้มที่ทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่าถึง 22 แต้ม หากจะบอกว่าพวกเขาสัมผัสถ้วยไปแล้วใบก็คงไม่ผิดนัก และการันตีแชมป์ลีกแน่นอน หากพวกเขาเอาชนะคู่แข่งได้ 6 นัดในลีกต่อจากนี้

 

หลังคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 ในปี 1990 ได้ หงส์แดงมักจะเป็นพระรองตลอดในยุคพรีเมียร์ลีกที่มักจะอกหักจากแชมป์ลีกประจำ จนกระทั่งการเข้ามาของ เจอร์เก้น คล็อปป กุนซือมือดีชาวเยอรมัน ในปี 2017 เขาได้เปลี่ยนทีมยักษ์หลับแดนผู้ดีให้กลายเป็นสโมสรอันดับต้นๆในทวีปยุโรป 

 

เวลา 30 ปี อาจเทียบไม่ได้กับที่แฟนบอล เชลซี หรือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รอคอยในการคว้าแชมป์ลีก แต่เวลาเท่านี้ก็ยาวนานจนทรมาน เดอะ ค็อป ทั่วโลก มากพอแล้ว และคงจะสิ้นสุดลงในปีนี้เสียที