ไม่มีพลิกโผ! เรือใบ-ชุดขาวกอดคอเข้ารอบรองฯแชมเปี้ยนส์ลีก

ราชันชุดขาว กอดคอ เรือใบสีฟ้า เข้ารอบตัดเชือกแชมเปี้ยนส์ลีก หลังผลรวมเป็นใจในเกมเลกสอง

 

ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่สองในคืนวันที่ 14 เมษายน ลิเวอร์พูล เปิด แอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือนของ เรอัล มาดริด โดยเกมแรกพวกเขาเสียเปรียบอย่างมาก หลังพ่ายไปก่อน 3-1 

 

หงส์แดงได้ลุ้นตั้งแต่นาทีแรกจากบอลยาวมาในกรอบเขตโทษให้ ซาดิโอ มาเน่ สะกิดให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้กดด้วยซ้าย แต่ติดเซฟ ธิโบต์ กูร์ตัวส์ อย่างน่าเสียดาย แต่ก็ได้โอกาสอีกครั้งจากลูกยิงหน้ากรอบเขตโทษของ เจมส์ มิลเนอร์ ได้ตั้งป้อมปั่นด้วยขวา บอลโค้งเกือบเสียบเสาแต่ก็ไม่ผ่าน กูร์ตัวส์ ที่บินเซฟได้อยู่ดี

 

รูปเกมส่วนใหญ่เป็นฝั่ง เจ้าบ้านที่ครองบอลบุกได้มากกว่า แต่ก็ยังไม่ผ่านแนวรับของ ราชันชุดขาวอยู่ เช่นเดิม โดยคนที่ทำหน้าที่ป้องกันมากสุดคือ กูร์ตัวส์ ที่เซฟจังหวะสำคัญหลายครั้งก่อนหมดเวลาครึ่งแรก

 

ครึ่งหลัง ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็หวังเดินหน้าบุกเพื่อทำประตูความหวังพลิกเข้ารอบ และมีโอกาสจบได้มากกว่า แต่สุดท้ายก็ยังไม่ดีพอที่จะยิงประตูผ่าน กูร์ตัวส์ และแนวรับของ โลส บลังโกส ไม่ต่างจากครึ่งแรก จนกระทั่งจบเกม มาดริด ยันเสมอ ลิเวอร์พูล 0-0 ผ่านเข้ารอบตัดเชือกด้วยสกอร์รวม 3-1

 

Image

 

ขณะที่อีกเกมอีกคู่ในเวลาเดียวกันระหว่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ณ สนาม ซิกนัล อิดูน่า ปาร์ค เสือเหลืองเป็นฝ่ายขึ้นนำไปก่อนตั้งแต่นาทีที่ 15 จาก จู้ด เบลลิ่งแฮม และจะผ่านเข้ารอบต่อไปด้วยกฏประตูทีมเยือน หากรักษาสกอร์นี้ไว้ได้

 

อย่างไรก็ตาม ทีมจากเยอรมัน ก็หมดโอกาสนั้น เมื่อ เรือใบสีฟ้า ได้ประตูตีเสมอจากจุดโทษของ ริย๊าด มาห์เรซ ในนาทีที่ 55 ก่อนที่ ฟิล โฟเด่น จะบวกเพิ่มในนาทีที่ 75 ทำให้ ซิตี้ เอาชนะไป 2-1 และผ่านเข้ารอบต่อไปด้วยสกอร์รวม 4-2

 

โดยในรอบรองชนะเลิศของแชมเปี้ยนส์ลีก เรอัล มาดริด จะพบกับ เชลซี และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะพบ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในระหว่างวันที่ 27-28 เมษายนกับเกมเลกแรก และ 4-5 พฤษภาคม ในเกมเลกสอง