ไม่เหลือชิ้นดี : 10 กุนซือชื่อพังหลังรับงานในพรีเมียร์ลีก

 

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ  เป็นลีกที่มีการแข่งขันสูงและสร้างความลำบากให้กับกุนซือส่วนใหญ่ไม่น้อย แม้พวกเขาเหล่านั้นจะประสบความสำเร็จจากที่อื่นมาพอสมควร 

 

แฟนบอลต่างรู้ดีว่าจุดขายของ พรีเมียร์ลีก คือการมีนักเตะระดับโลก, กุนซือชื่อดังก้อง และ เงินตอบแทนมากมายมหาศาล ซึ่งหลายคนก็หวังว่าจะประสบความสำเร็จได้อย่างที่ต้องการ แต่ความฝันกับความเป็นจริงช่างต่างกันเหลือเกิน 

 

อดีตกุนซือชื่อดังหลายคนต้องเผชิญกับความคาดหวังที่หนักอึ้งและความกดดันจากการแข่งขันที่เข้มขันในลีก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยพังทลายไม่เหลือชิ้นดี อย่างเช่น ราล์ฟ ฮาเซนฮุทเทิล ที่เคยพาแอร์เบ ไลป์ซิก คว้าอันดับ 2 ในบุนเดสลีก้า แต่ตอนนี้เขากลับพาเซาแธมป์ตันรั้งอันดับที่ 18 ของตาราง และมีข่าวว่าบอร์ดนักบุญกำลังพิจารณาถึงอนาคตของเขาในถิ่น เซนต์ แมรี่ เร็วๆนี้

 

และนี่ 10 กุนซือชื่อพังหลังรับงานในพรีเมียร์ลีก และไม่เคยกลับมาโด่งดังได้อย่างที่เคย หลังโดนปลดออกจากตำแหน่งในอังกฤษ

คริสเตียน โกรส |สเปอร์ส

 

 

โกรสพาทีม กราสฮ็อปเปอร์ คว้าแชมป์ลีกสวิตเซอร์แลนด์ 2 สมัย และ สวิช คัพอีก 1 สมัย แต่ทันทีที่เขาย้ายมารับงานกุนซือกับ สเปอร์ส ในปี 1997 ความหวังในการพาทีมชูถ้วยเหมือนก่อนกลับหายวับไปกับตา

 

ไก่เดือยทองทำผลงานได้ย่ำแย่มากๆ ภายใต้การดูแลของนายใหญ่แดนนาฬิกา ถึงขนาดพาทีมหล่นไปอยู่โซนหนีตกชั้น ก่อนที่เจอร์เก้น คลินส์มันน์ กองหน้ามากประสบการณ์จะช่วยยิงประตู จนทีมกลับมาจบในอันดับที่ 14 ของตารางได้ 

 

แต่ในฤดูกาลต่อมา เวลาของเขาในถิ่น ไวท์  ฮาร์ท เลนก็หมดลง หลังพาทีมชนะได้แค่ 3 จาก 10 นัด ส่งผลให้อลัน ชูการ์ ประธานสโมสรของสเปอร์สในตอนนั้น สั่งปลด โกรส กลางอากาศ ก่อนที่เขาจะกลับไปบ้านเกิดและประสบความสำเร็จกับ บาเซิล ในเวลาต่อมา 

 

บรูซ ริอ็อค | อาร์เซน่อล 

 

 

บรูซ ริอ็อค พาโบลตัน เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกและพาเช้าชิง ลีก คัพ ในช่วง 3 ปีที่เขาทำงานกับ เดอะ ทร็อตเตอร์ส ก่อนที่ อาร์เซน่อล จะสนใจดึงตัวเขาไปร่วมงานด้วยในปี 1995

 

แม้จะกุนซือชาวสก็อตจะเป็นจดจำในฐานะคนที่คว้า เดนนิส เบิร์กแคมป์ มาร่วมทีม แต่ก็เหตุการณ์ทีทำให้คนจดจำเขาได้ดีไม่แพ้กันก็คือ ตอนที่ปะทะฝีปากกับ เอียน ไรท์ กองหน้าตำนานของสโมสร จนทำให้หัวหอกผิวสีขอขึ้นบัญชีย้ายทีม

 

เมื่อมีการแบ่งฝั่งกันเกิดขั้น สโมสรปืนใหญ่เลือกที่จะอยู่ฝั่งนักเตะ และปลด ริอ็อค ออกจากตำแหน่งผู้จัดกการทีมไป และหลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยกลับมาคุมทีมในพรีเมียร์ลีกเลย

 

เฟลิกซ์ มากัธ | ฟูแล่ม

 

 

เฟลิกซ์ มากัธ กุนซือผู้รับฉายา ‘จอมขมังเวทย์’ ด้วยการพาบาเยิร์น มิวนิค และ โวล์ฟบวร์ก คว้าแชมป์บุนเดสลีก้า แต่วิธีการของเขาไม่สามารถยกระดับให้ ฟูแล่ม ก้าวออกมาจากการเป็นแค่ทีมหนีตกชั้นได้

 

 ครั้งหนึ่ง นายใหญ่ชาวเยอรมัน เคยแนะนำวิธีการรักษาแปลกให้แก่ เบรเด้ ฮันเกลันด์ ด้วยการเอาชีสมาทาที่น่องเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บบริเวณนั้น อีกทั้งยังถูกนักเตะมองว่ามีวิธีการซ้อมที่หนักและประหลาดกว่ากุนซือคนอื่นมากๆ ซึ่งน่าจะมีส่วนไม่น้อยที่ทำให้ทีมเจ้าสัวต้องตกชั้นในเล่นในแชมเปี้ยนส์ชิพ

 

มากัธ ถูกปลดหลังจากที่พาทีมคว้าเพียงแค่แต้มเดียวเท่านั้นจาก 7 เกมแรกในลีกรองแดนผู้ดี ก่อนจะหันไปรับงานที่เมืองจีนกับ ซานตง ลู่เนิ่ง แต่ก็อยู่ได้ปีเดียวเท่านั้น กุนซือวัย 66 ปีก็ว่างงานแบบยาวๆจนถึงปัจจุบัน

 

เรมี่ การ์ด | แอสตัน วิลล่า

 

 

ไม่มีใครคิดหรอกว่า เรมี่ การ์ด จะทำผลงานได้แย่กว่า ทิม เชอร์วู้ด ในการกุมบังเหียนแอสตัน วิลล่า เมื่อปี 2015 เนื่องจากก่อนหน้านี้ สไตล์การทำทีมที่เน้นระเบียบวินัยเหนือสิ่งใดช่วยให้เขาคว้าแชมป์มากมายกับ โอลิมปิก ลียง สโมสรเก่าของเขาก่อนหน้านี้

 

แต่ว่า ความจริงที่เห็นดูไม่เป็นแบบนั้น เมื่อ การ์ด มักจะวิจารณ์นักเตะตนเองออกสื่อ และเคร่งกฏหนักเกินไปถึงขั้นยกเลิกงานคริสมาสต์ เมื่อทีมตกอยู่ในโซนอันตราย และนั่นก็ไม่ได้ช่วยผลงานดีขึ้น เมื่อสิงห์ผงาดคว้าชัยแค่ 2 จาก 20 เกม ส่งผลให้สโมสรแถลงการณ์ยกเลิกสัญญาของเขาลงในเดือนมีนาคมปี 2016

   

 

เปาโล ดิ คานิโอ | ซันเดอร์แลนด์

 

 

การที่ซันเดอร์แลนด์ แต่งตั้ง ดิ คานิโอ เป็นกุนซือก็เป็นเรื่องเสี่ยงมากพอตัวอยู่แล้ว เนื่องจากเขาเป็นคนอารมณ์ร้อนและตกเป็นเป้าโจมตีของสื่อแย่ๆในงานแถลงข่าว แม้ว่าจะพาทีมแนวดำเอาชนะ นิวคาสเซิลได้ 3-0 ในศึกดาร์บี้แดนอีสาน จะเป็นการออกสตาร์ทที่ดี และคลายความกังวลเรื่องหนีตกชั้นได้ แต่ดิ คานิโอ ก็คือ ดิ คานิโอ อยู่วันยังค่ำ

 

กุนซือชาวอิตาเลี่ยนเริ่มต้นปีต่อมาได้อย่างย่ำแย่ ประกอบกับ การมีปัญหากับ จอห์น โอเช กัปตันทีม และ เหล่าแฟนบอล ทำให้เขาถูกเด้งในเวลาต่อมา แม้ในตอนนี้ เขายังคงเปิดรับข้อเสนอจากทีมต่างอยู่ แต่สถิติชนะเพียง 3 จาก 13 เกมหลังสุด คงไม่มีสโมสรไหนสนใจเขาแบบจริงจังอย่างแน่นอน

 

 

บ็อบ แบรดลี่ย์ | สวอนซี

 

 

บ็อบ แบรดลี่ย์ เป็นกุนซือชาวอเมริกันคนแรกที่เข้ามาคุมสโมสรในพรีเมียร์ลีก น่าเสียดายที่แฟนบอลจดจำเขาได้แค่การตะโกนใส่นักเตะแบบคนกีฬาแดนลุงแซมเท่านั้น เช่นเดียวกับแทคติกสุดซับซ้อนยากที่นักเตะสวอนซีจะเข้าใจในฤดูกาล 2016-17

 

และการที่เขาพาทีมคว้าได้เพียง 8 แต้ม จากทั้งหมด 33 คะแนน ก็เพียงพอที่จะทำบอร์ดบริหารตัดสินใจว่าจะทนกับฟอร์มแบบนี้ต่อไป หรือ เลือกแต่งตั้งผู้จัดการทีมคนที่ 3 ของฤดูกาลเข้ามาแทนที่เขา

 

พอล อินซ์ | แบล็คเบิร์น

 

 

เส้นทางการคุมทีมของ พอล อินซ์ เริ่มต้นได้สวยสดงดงามไม่น้อย หลังทำทีมอย่าง แม็คเคิ่ลสฟิลด์ และ เอ็มเค ดอนส์ ด้วยสไตล์การเล่นที่โดดเด่น ทำให้เขาได้เลื่อนขั้นแบบก้าวกระโดดเพื่อไปคุมทีมในลีกสูงสุดของอังกฤษ กับ แบล็คเบิร์น ในปี 2008

 

แต่ผลงานของกัฟเนอร์ ในถิ่นอีวู๊ค ปาร์ค กลับผิดคาดมากๆ เมื่อเขาพาทีมชนะเพียง 3 จาก 17 นัด ทำให้เขาถูกปลดในเดือนธันวาคมปี 2008 หรือ ทำหน้าที่กุนซือให้ทีมกุหลาบไฟเพียง 177 วันเท่านั้น

 

เอกิล โอลเซ่น | วิมเบิลดัน

 

 

ด้วยสไตล์การทำทีมที่เน้นแทคติกบอลยาวและ การประกบคู่แข่งด้วยการคุมโซนสุดหนาแน่น ทำให้ เอกิล โอลเซ่น มีชื่อเสียงในฐานะกุนซือทีมชาตินอร์เวย์ ที่พาทีมม้ามืดประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลกปี 1998 ก่อนจะได้โอกาสมาคุมทีมวิมเบิลดันในปีต่อมา

 

แม้ว่ารูปแบบและแนวทางการเล่นของทีมจะคล้ายกับวิธีของโอลเซ่นอยู่พอสมควร แต่เหล่า เครซี่ แก็งค์ ก็แสดงให้เห็นว่าเป็นอะไรที่เกินกว่า กุนซือชาวนอร์เวย์จะรับไหว ทั้งเรื่องความไร้ระเบียบทั้งในและนอกสนาม ส่งผลให้ทีมทำได้แค่แต้มเดียวจาก 11 เกมในลีก และนั่นทำให้เขาต้องเก็บข้าวของออกไปจากทีม หลังพาวิมเบิลดันตกชั้น และ ทั้งโอลเซ่นและสโมสรก็ไม่เคยโผล่มาให้เห็นในพรีเมียร์ลีกอีกเลย

 

 

แฟรงค์ เดอ บัวร์ | คริสตัล พาเลซ

 

 

ชื่อเสียงของ แฟรงค์ เดอ บัวร์ ในการเป็นผู้จัดการก็ดูไม่ดีอยู่แล้ว ตั้งแต่ก่อนมาคุม คริสตัล พาเลซ และมันก็ถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี หลังจากที่เขาได้ลาทีมไป กุนซือผู้เคยพาอาแจ็กซ์คว้าแชมป์ลีก 4 สมัย และคุมอินเตอร์ มิลาน แค่ 85 วัน ก่อนจะย้ายมารับงานในถิ่น เซลเฮิร์ต ปาร์ค

 

ถ้าอดีตกลางทีมชาติฮอลแลนด์ คิดว่า คงไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่าตอนที่คุมงูใหญ่แล้ว เขาก็คงต้องคิดใหม่ในเวลาต่อมา เมื่อเขาพาปราสาทเรือนแก้วแพ้  5 เกมใน 5 นัดแรกของเขา และโดนปลดหลังมาเป็นผู้จัดการทีมพาเลซได้เพียง 77 วันเท่านั้น

 

ลอรี่ย์ ซานเชซ | ฟูแล่ม

 

 

หลังรับงานคุมฟูแล่ม ต่อจาก คริส โคลแมน ที่ถูกปลดออกไป ลอรี่ย์ ซานเชซ พยายามที่ประสบความสำเร็จให้เหมือนกับตอนที่เขาเป็นกุนซือทีมชาติไอร์แลนด์เหนือให้ได้มากที่สุด

 

ดาวิด เฮลลี่,สตีเว่น เดวิส, อารอน ฮิวจ์ และ คริส แบร์ด ได้เข้ามาค้าแข้งใน คราเวน คอตเทจ แต่ก็ไม่ได้ช่วยยกระดับทีมได้มากนัก เจ้าสัวคว้าชัยได้เพียง 2 นัดเท่านั้น ก่อนช่วงคริสมาสต์ในปี 2007 และซานเชซก็ถูกปลดออกจากตำแหน่ง หลังพ่านพ้นเทศกาลแห่งความสุขนี้ไปได้ 4 วันเท่านั้น