ไม่ใช่ปัญหา? :เหตุใด โซลชา ถึงไม่ซื้อกองหลังอุดรอยรั่วเกมรับ

 

ผลงานการพ่าย คริสตัล พาเลซ 1-3  ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมพรีเมียร์ลีก นัดประเดิมสนามเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว  สร้างความตื่นตระหนกให้เหล่าสาวก ปีศาจแดง ไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟอร์มการเล่นของผู้เล่นในเกมรับที่หละหลวมจนไม่น่าให้อภัย 

 

 

วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ รวมไปถึง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่เป็นปราการหลังตัวหลักของทีมในเวลานี้ แสดงให้เห็นอีกครั้งว่ายังทำได้ไม่ดีพอ โดยเฉพาะ ปราการหลังทีมชาติสวีเดน ที่มีส่วนร่วมกับทั้ง 3 ประตูที่ทีมเสียไป ที่สำคัญความผิดพลาดของทั้งคู่ ไม่ใช่เพิ่งมีมาให้เห็น แต่มันเกิดขึ้นมานานมากพอ  จนภาพจำกลายเป็นความเฟอะฟะมากกว่าความแข็งแกร่งไปซะแล้ว 

 

 

กลายเป็นว่าตอนนี้ตำแหน่งปัญหาของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ใช่แนวรุกอย่างที่ใครว่ากัน แต่มันคือปราการหลังตัวกลางที่ทุกคนเห็นเหมือนกันชัดเจนแจ่มแจ้ง 

 

 

 นั่นจึงทำให้ เกิดคำถามมากมายจากเหล่า สาวก เร้ด อาร์มี่  ว่าทำไมผ่านมาจนถึงเวลานี้ บอร์ดบริหารของสโมสร ยังไม่คิดที่จะเร่งเครื่องซื้อใครในตำแหน่งนี้เข้ามาเสริมทัพซักที   

 

 

ล่าสุดยิ่งสร้างความมึนงงเข้าไปอีกเพราะ  โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือของทีม ออกมายืนยันแล้วว่าจะไม่มีการเสริมทัพตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กในช่วงซัมเมอร์นี้อย่างแน่นอน พร้อมกับยังคงตั้งเป้าที่จะคว้าแนวรุกเข้ามาเช่นเดิม หลังมีข่าวแว่วมาว่า พวกเขาได้ยื่นข้อเสนอครั้งสุดท้าย 90 ล้านปอนด์ให้ โบรุสเซียร์ ดอร์ทมุนด์ พิจารณา ปล่อยตัว เจดอน ซานโช ให้ได้

 

 

แล้วมันเพราะอะไรหละ ทำไม ยูไนเต็ด ถึงไม่มองมายังจุดอ่อนที่แฟนบอลทุกคนมองเห็น วันนี้ UfaArena จะลองมาวิเคราะห์ดูกัน

 

 


 

 

เสริมทัพเซ็นเตอร์แบ็กไปแล้วกว่า 182 ล้านปอนด์ 

 

ตลอดช่วงหลายฤดูกาลที่ผ่านมา ทัพ “ปีศาจแดง” นั้นเล็งเห็นถึงปัญหาในแนวรับมาโดยตลอด และก็ลงทุนซื้อแข้งในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก มาใช้งานซึ่งหากนับดูนั้นมูลค่ารวมกันสูงถึง 182 ล้านปอนด์ (ราว 7,300 ล้านบาท) เข้าไปแล้วทั้ง  แฮร์รี่ แม็กไกวร์ (80 ล้านปอนด์) ,วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ (30 ล้านปอนด์) ,เอริค ไบยี่ (30 ล้านปอนด์) ,ฟิล โจนส์ (16 ล้านปอนด์) ,มาร์กอส โรโฮ (16 ล้านปอนด์) , คริส สมอลลิ่ง (10 ล้านปอนด์) นั่นจึงอาจะเป็นเหตุผลสำคัญที่บอร์ดบริหารไม่พร้อมจะลงทุนในส่วนนี้เพิ่มอีกแล้ว 

 

 

 

 

 

สถิติฤดูกาลที่แล้วเป็นเครื่องชี้วัด

 

ทัพ ปีศาจแดง สามารถมองไปที่ผลงานของเกมรับในฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งพวกเขานั้นเสียประตูในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไปเพียง 36 ประตู แจ่มสุดเป็นอันดับ 3 ของลีก เป็นรองเพียงแชมป์ของลีกอย่าง ลิเวอร์พูล (33 ประตู) และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (35 ประตู) เพียงสองทีมเท่านั้น   

 

 

 

 

 

โซลชา มั่นใจว่าทุกคนที่มีอยู่ศักยภาพดีพอ 

 

 

ก่อนเกมที่จะดวล ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟอัลเบี้ยน ในเกมพรีเมียร์ลีก ในเกมเมื่อวันเสาร์ กุนซือชาวนอร์วีเจี้ยน ออกมาเผยถึงความมั่นใจในศักยภาพแนวรับของทีม  “อย่างที่ผมเคยพูดไปหลายครั้งว่า ผมมั่นใจในตัวนักเตะชุดนี้มาก ฤดูกาลที่แล้ว เราพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราสามารถมีเกมรับที่ดีที่สุดได้อย่างไร เกมกับ คริสตัล พาเลซ อาจจะไม่ได้ยอดเยี่ยม แต่สถิติการป้องกันของเราเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ก็แสดงให้เห็นว่า วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ และ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ว่าเป็นคู่พาร์ทเนอร์ที่ยอดเยี่ยมมากแค่ไหน  “

 

 

นอกจากนี้เรายังได้ เอริค ไบญี่  กลับมาฟิตเต็มที่อีกครั้งในเวลานี้ ซึ่งถือว่าเป็นโบนัสก้อนโตของทีม และผมรอคอยที่จะได้เห็นเขามีโอกาสกลับมาลงสนามมากขึ้น นั่นจึงทำให้ผมมั่นใจว่าเราจะดีขึ้นอย่างแน่นอนนับจากนี้”

 

 

 

 

 

มีดาวรุ่งที่พร้อมก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลัก 

 

 

 

อั๊กเซล ตวนเซเบ้ ปราการหลังวัย 22 ปี และ เทเดน เมนจี้ ในวัย 18 ปี คือสองแข้งที่ โซลชา มั่นใจว่ามีดีพอที่จะก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักในไม่ช้านี้ โดยเฉพาะ ตวนเซเบ้ นั้นเคยสวมปลอกแขนกัปตันทีมมาแล้วในเกม คาราบาลีก คัพ เมื่อฤดูกาลก่อน ขณะที่ เมนจี้ ซึ่งเป็นลูกครึ่ง อังกฤษ – แองโกล่า นั้นก็มีพัฒนาการที่ก้าวกระโดดจากการขึ้นมาสู่ทีมชุด ยู18 ตั้งแต่อายุ 16 ปี ก่อนที่จะได้เขยิบมาสู่ทีมชุดใหญ่ในฤดูกาลนี้ 

 

 

 

 

เศรษฐกิจย่ำแย่ เหตุโควิด-19 ยังแพร่ระบาด 

 

 

แม้ว่าสถานการณณ์การเงินของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไม่เข้าขั้นวิกฤติเหมือนสโมสรอื่นๆ แต่พวกเขานั้นก็ได้รับผลกระทบจากพิษโคโรน่าไวรัส หรือ โควิด-19 ไปเต็มๆเช่นกัน และการจะซื้อปราการหลังระดับบิ๊กเนมเข้ามา นั้นจะต้องใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 70 ล้าปอนด์ ไม่ว่าจะเป็น คาลิดู คูลิบาลี่ ของนาโปลี หรือ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ ของ แอร์เบ ไลป์ซิก ที่ตกเป็นข่าวมาตลอดซัมเมอร์ที่ผ่านมา  ดังนั้นมันก็มีโอกาสที่พวกเขาจะพักเรื่องการใช้เงินทุ่มเสริมทัพไว้ก่อน และค่อยจัดเต็ม เมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง  

 

 

                     DaboyG