ศึกลูกหนัง ‘วันแดงเดือด’ กำลังจะระเบิดขึ้นอีกครั้งที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในวันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม และถือเป็นการพบกันครั้งที่ 207 ของทั้ง 2 ทีมนี้ด้วย
ลิเวอร์พูล อาจหมดโอกาสป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกไปแล้วในฤดูกาล 2020-21 แต่การเจอกับคู่อริอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือเป็นศึกแห่งศักดิศรีที่พวกเขาจะแพ้ไม่ได้ เช่นเดียวกับ ปีศาจแดง ที่ต้องคว้าชัยเพื่อไล่จี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูงต่อไปเช่นกัน
อย่างไรก็ตามในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา 2 คู่รักคู่แค้น นอกจากสร้างแข้งดังฝีเท้าดีมากมายให้แฟนบอลหลายคนได้รู้จักแล้ว พวกเขายังมีดาวดับชั้นแย่อยู่ในทีมไม่น้อยเช่นกัน
UFA ARENA จึงรวมดาวดับของทั้ง 2 สโมสรในรอบทศวรรษ โดยอ้างอิงตามที่สื่อเมืองจากอังกฤษ จัดทัพออกมาเรียกน้ำย่อยก่อนเกมบิ๊กแมตช์ที่ โรงละครแห่งความฝัน ในวันอาทิตย์นี้
ผู้รักษาประตู | แบรด โจนส์ (ลิเวอร์พูล)
ไม่แปลกกที่นายทวารที่ถูกลืมของ ลิเวอร์พูล อย่าง แบรด โจนส์ จะถูกเลือกจากสื่ออังกฤษในทีมรวมดับผี-หงส์ เนื่องจากได้ลงสนามกับสโมสรเพียง 27 นัดเท่านั้นในทุกรายการ ตลอด 5 ปีในถิ่นแอนฟิลด์
นายด่านชาวออสซี่ ย้ายจาก มิดเดิ้ลสโบรห์ มาเฝ้าเสาให้ หงส์แดง ในปี 2010 แต่ก็รับบทบาทส่วนใหญ่เป็นอะไหล่ของทีม และถูกปล่อยให้ ดาร์บี้ ยืมไปใช้งานในปี 2011 ก่อนถูกปล่อยออกจากทีมในปี 2015 โดยปัจจุบันอยู่ อัล นาสเซอร์ ในลีกซาอุดิอาราเบีย
เชื่อว่าเดอะ ค็อป ส่วนใหญ่คงไม่ลืมฟอร์มสุดแย่ของ โจนส์ กับเกมแดงเดือดในช่วงเดือนธันวาคมปี 2014 ที่มีส่วนทำให้ทีมพ่าย แมนฯยูไนเต็ด ถึง 3-0 อีกด้วย
แบ็คขวา | อังเดร วิสดอม (ลิเวอร์พูล)
อังเดร วิสดอม คือเด็กปั้นสโมสรที่หลายคนคาดหวังไม่น้อย โดยได้ประเดิมสนามให้กับ ลิเวอร์พูล ในเกมเอาชนะ ยัง บอยส์ 5-3 ในศึกยูโรป้า ลีก ปี 2012 แต่นั่นคือเกมเดียวที่กองหลังชาวอังกฤษได้โชว์ผลงานในสีเสื้อหงส์แดง
จากนั้น เขาย้ายไปเล่นแบบยืมตัวกับ ดาร์บี้ เค้าน์ตี้, เวสต์บรอม, นอริช และ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ก่อนจะย้ายซบ ‘แกะเขาเหล็ก’ แบบถาวรด้วยค่าตัว 4.5 ล้านปอนด์ในปี 2017
เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ | แพดดี้ แม็คแนร์ (แมนฯ ยูไนเต็ด)
แพ็ดดี้ แม็คแนร์ ถือว่าเป็นหนึ่งในแข้งดาวรุ่งของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ฉายแววดีใช้ได้เลย หลังได้รับโอกาสในชุดใหญ่ครั้งแรกช่วงที่ หลุยส์ ฟาน กัล กุมบังเหียน ในปี 2014
ทว่าท้ายที่สุด กองหลังชาวไอร์แลนด์เหนือ ก็ไม่สามารถเบียดขึ้นตำแหน่งตัวจริงได้ แถมฟอร์มก็ไม่ได้สม่ำเสมอเหมือนเก่า จนทำให้เขาต้องย้ายไปซันเดอร์แลนด์ในปี 2016 หลังการมาของ โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือคนใหม่ ณ ตอนนั้น
เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ | สตีเว่น คอลเกอร์ (ลิเวอร์พูล)
ช่วงกลางปี 2016 สตีเว่น คอลเกอร์ ได้ย้ายมาเล่นกับ เซาแธมป์ตัน แบบยืมตัว ซึ่งได้ลงเล่นตัวจริงเป็นนัดสุดท้ายในเกมที่โดนลิเวอร์พูลถล่มไป 6-1 แต่ถึงอย่างนั้น ฝีเท้าของปราการหลังชาวอังกฤษดันไปเตะตา เจอร์เก้น คล็อปป์ ซะอย่างนั้น ก่อนจะดึงมาร่วมทัพ ‘หงส์แดง’ แบบยืมตัวในช่วงตลาดนักเตะหน้าหนาว ซึ่งทีม ‘นักบุญ’ ก็เห็นดีเห็นงามด้วยจึงยกเลิกสัญญายืมตัวระยะยาวกับแข้ง คิวพีอาร์ ไปทันที
ในทีมใหม่ คอลเกอร์ได้ลงเล่นในตำแหน่งของตัวเองแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ก่อนที่กุนซือชาวเยอรมัน ทำเรื่องสุดล้ำด้วยการส่งกองหลังร่างโย่งไปเล่นเป็นกองหน้าจำเป็น และไม่แค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่มากถึง 3 ครั้งเลย
นั่นก็ไม่ใช่ความคิดที่แย่อะไรนักหรอก เมื่ออดีตแข้งสเปอร์สสามารถยิงประตูชัยในช่วงท้ายเกมที่พบกับ อาร์เซน่อล และ นอริช ได้ แต่ด้วยปัญหาส่วนตัวทำให้เขาไม่ได้สวมเสื้อ หงส์แดง อีกเลยนับตั้งแต่หลังเดือนมกราคมเป็นต้นมา และถูกยกให้เป็นหนึ่งในการเซ็นสัญญาที่แย่ที่สุดของ คล็อปป์ ในถิ่น แอนฟิลด์ ด้วย
แบ็คซ้าย | คาเมร่อน บอร์ธวิค แจ็คสัน (แมนฯ ยูไนเต็ด)
เช่นเดียวกับ แม็คแนร์ คาเมร่อน บอร์ธวิค แจ็คสัน เป็นดาวรุ่งในอคาเดมี่อีกคนของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ได้รับโอกาสประเดิมชุดใหญ่ครั้งแรกในยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล และลงเล่นถึง 14 นัดในทุกรายการของฤดูกาล 2015-16
แต่การมาของ มูรินโญ่ ทำให้โอกาสแจ้งเกิดหายไปทันที เมื่อถูกปล่อยให้ทีมยืมใช้งานตลอด ทั้ง วูล์ฟแฮมป์ตัน, ลีดส์ ยูไนเต็ด, สคันธอร์ป และถึงเปลี่ยนมือกุนซือเป็น โอเล่ กุนนาร์ โซลชา แจ็คสัน ก็โดนปล่อยยืมอีกตามเคย กับ ทรานเมียร์ โเวอร์ส, โอลด์แฮม ก่อนย้ายซบทีม ‘นกฮูก’ ถาวร ในซัมเมอร์ปี 2020
กองกลาง | มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน (แมนฯ ยูไนเต็ด)
สาวก ‘เร้ด เดวิลส์’ ต่างเนื้อเต้นไม่น้อย เมื่อทีมรักได้ตัว มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน กองกลางตัวรับฝีเท้าดีจาก เซาแธมป์ตัน มาร่วมทีมในปี 2015 แต่ทว่าก็ดีใจได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น
ยามลงเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศส ไม่สามารถทำผลงานได้โดดเด่นเหมือนสมัยอยู่กับ ‘นักบุญ’ เลย ฟอร์มตกสุด ๆ อีกทั้งยังถูกเมินในยุคที่ มูรินโญ่ กุมบังเหียน จนต้องขอย้ายทีมไปเล่นกับ เอฟเวอร์ตัน ในปี 2017
ปัจจุบัน ชไนเดอร์ลิน ในวัย 31 ปี อยู่ นีซ สโมสรในบ้านเกิด และได้ออกเผยว่าสมัยที่เล่นกับปีศาจแดงในยุคของ ฟาน กัล เขาถูกจำกัดอิสระในการเล่นจนเป็นเหตุให้ไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งได้
กองกลาง | หลุยส์ อัลเบร์โต้ (ลิเวอร์พูล)
ณ เวลานี้ หลุยส์ อัลเบร์โต้ เป็นกองกลางเบอร์ต้น ๆ ของ ลาซิโอ ที่มีดีกรีแชมป์ โคปปา อิตาเลีย ปี 2019 และเป็นกำลังสำคัญพา อินทรีฟ้าขาว ไปลุยฟุตบอลยุโรปช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แต่คงไม่มีใครคิดว่าเขาจะเป็นแบบนี้ได้ หากดูฟอร์มของเขาสมัยอยู่ ลิเวอร์พูล
ลูกหม้อ เซบีย่า ย้ายมาร่วมทีม หงส์แดง ในปี 2013 ด้วยวัย 21 ปี พร้อมค่าตัว 6.8 ล้านปอนด์ แน่นอนว่าในทีมชุดเล็ก เขาฉายฟอร์มเหนือเพื่อนร่วมรุ่น อยู่แล้ว แต่เมื่อได้โอกาสในทีมชุดใหญ่ กลับไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่ง จนถูกปล่อยให้ทีมอื่นยืมไปใช้งาน ทั้ง มาลาก้า และ เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า ก่อนย้ายไปเล่นระเบิดฟอร์มกับ ลาซิโอ ตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา
ปีกขวา | ลาซาร์ มาร์โควิช (ลิเวอร์พูล)
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลคว้านักเตะมาเสริมทัพได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่, เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค หรือ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ไม่แปลกใจที่หลายคนจะลืมว่าพวกเขาก็เคยล้มเหลวในเรื่องนี้มาไม่น้อยหากย้อนไปก่อนหน้านี้ซัก 4-5 ปี
เช่น ลาซาร์ มาร์โควิช ที่ดับสนิทในถิ่นแอนฟิลด์หลังย้ายจาก เบนฟิก้า ในปี 2014 และใช้เวลาส่วนใหญ่เป็นแข้งที่สโมสรปล่อยให้ทีมอื่นยืมไปใช้งาน จน เดอะ ค็อป หลาย ๆ คน ลืมไปว่าปีกชาวเซิร์บ ยังมีสัญญาอยู่ในทีมด้วยซ้ำ
ณ ตอนนี้ มาร์โควิช ย้ายไปเล่นกับ ปาร์ติซาน เบลเกรด สโมสรที่เขาเคยค้าแข้งในบ้านเกิดตั้งแต่ปี 2019 จนถึงปัจจุบัน
ปีกซ้าย | ชินจิ คางาวะ (แมนฯ ยูไนเต็ด)
คางาวะ เคยถูกยกเป็นเเข้งเบอร์ต้น ๆ ของ ญี่ปุ่นในยุคหนึ่ง หลังระเบิดฟอร์มโหดกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ พาทีมคว้าเเชมป์บอลถ้วย 1 สมัย เเละเเชมป์ บุนเดสลีก้า 2 สมัย ทำให้ตกเป็นข่าวกับยักษ์ใหญ่หลายทีม
และเป็น แมนฯ ยูไนเต็ดทุ่มเงิน 12 ล้านปอนด์คว้าตัวเขามาจาก เสือเหลือง ซึ่งก็ดูเหมือนจะดี หลังบันทึกสถิติเป็นเเข้งญี่ปุ่นคนเเรกที่ยิงแฮตทริกได้ในพรีเมียร์ลีก ในเกมชนะนอริช ซิตี้ 4-0 รวมถึงยังเป็นดาวเตะซามูไรคนแรกที่ได้รับเหรียญแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวไม่สามารถที่จะดึงฟอร์มเก่งเหมือนสมัยที่อยู่ในเยอรมันได้เลย ก่อนโดนปล่อยตัวกลับไปอยู่กับ ดอร์ทมุนด์ อีกครั้ง หลังลงเล่นให้ทีมทั้งหมด 57 นัด กับ 6 ประตู ช่วง 2 ฤดูกาลในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
กองหน้า | เจมส์ วิลสัน (แมนฯ ยูไนเต็ด)
เชื่อว่า แฟนยูไนเต็ด ส่วนใหญ่ต้องตั้งความหวังกับ เจมส์ วิลสัน ไม่น้อย ในช่วงที่ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ของสโมสรใหม่ ๆ หลังโชว์ฟอร์มกระฉูดในทีมชุดเล็กปีศาจแดง ด้วย 15 ประตู 2 แอสซิสต์ จาก 31 นัดในลีกยู-23
หอกชาวอังกฤษ ได้โอกาสลงสนามมากที่สุดในฤดูกาล 2014-15 ก่อนที่ ปีศาจแดง จะปล่อยให้ไปเก็บประสบการณ์กับสโมสรอื่น ๆ แต่ทว่ายิ่งปล่อย ผลงานของ วิลสัน ยิ่งตกลงจากที่ทีมคาดหวัง ทำให้สโมสรตัดสินปล่อยตัวเขาในปี 2019 ก่อนที่ อเบอร์ดีน จะเซ็นสัญญาร่วมทีม โดยปัจจุบันเล่นกับ ซัลฟอร์ด ซิตี้ ในลีกทู
กองหน้า | ยาโก้ อัสปาส (ลิเวอร์พูล)
ยาโก้ อัสปาส เริ่มต้นค้าแข้งกับ เซลต้า บีโก้ สโมสรที่ปลุกปั้นเขาตั้งแต่เป็นเยาวชน โดยขึ้นชุดใหญ่ในปี 2008 แต่กลายเป็นตัวหลักจริง ๆ ในอีก 2 ปีต่อมา พร้อมพาทีมเลื่อนชั้นไปเล่นลาลีก้า ในฤดูกาล 2012-13 อีกทั้งยังมีส่วนสำคัญช่วยให้ทีมรอดตกชั้นอีกด้วย
นั่นทำให้ ลิเวอร์พูล ไม่รอช้า คว้ากองหน้าชาวสเปนไปร่วมทีมทันทีในปี 2013 แต่เขาก็ดูปรับตัวเข้ากับลีกอังกฤษไม่ได้นัก รวมถึงไม่สามารถแย่งตำแหน่งตัวจริงจาก หลุยส์ ซัวเรซ กับ ดาเนี่ยล สเตอร์ริจด์ ที่กำลังโชว์ฟอรมร้อนแรงอยู่
หลังถูกปล่อยให้ เซบีย่า ยืมตัวในฤดูกาลต่อมา อัสปาส ก็กลับมายัง เซลต้า บีโก้ อีกครั้งในปี 2015 และกลายร่างเป็นดาวยิงเบอร์หนึ่งของสโมสรนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา รวมถึงเป็นกองหน้าที่โชว์ฟอร์มได้สม่ำเสมอในลาลีก้าด้วย เมื่อซัดประตูเกิน 10 ลูกในลีกกระทิงมา 6 ฤดูกาลติดแล้ว