ไม่ได้เด่นแค่หัวฟู : ทุกอย่างที่เด็กผีควรรู้เกี่ยวกับ ฮานนิบาล เมจบรี้

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือหนึ่งในสโมสรที่ปั้นแข้งดังมาประดับวงการลูกหนังมากมาย และล่าสุดมีข่าวว่าพวกเขาเตรียมดัน ฮานนิบาล เมจบรี้ เจ้าหนูวัย 17 ปีขึ้นสู่ชุดใหญ่ในอนาคตอันใกล้นี้

 

สื่อท้องถิ่นประจำเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ อีฟเวนนิ่ง นิวส์ ได้รายงานว่า ดาวรุ่งชาวFฝรั่งเศสจะกลายเป็นตัวเลือกลำดับที่ 6 ในแดนกลางของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ในฤดูกาลหน้า

 

แน่นอนว่า เมจบรี้ ถูกยกให้หนึ่งในดาวรุ่งมากพรสวรรค์ที่ได้รับการจับตามองในยุโรป และไม่ได้มีจุดเด่นแค่หัวฟูฟ่องเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ UFA ARNEA จะพาไปรู้จักกับว่าที่อนาคตดวงใหม่ในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ให้มากขึ้นผ่านบทความชิ้นนี้กัน

 

 

เส้นทางในปีศาจแดง

 

 

เมจบรี้ ลืมตาดูโลกในวันที่ 21 มกราคม ปี 2003 โดยเริ่มต้นฝึกฝนวิชาลูกหนังในรุ่นเยาวชนกับ ปารีส เอฟซี และ เอซี บูเลิร์ง บิลล็องคอร์ท ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ โมนาโก ปี 2017

 

ด้วยลีลาการเล่นที่โดดเด่นเกินวัยทำให้ ปีศาจแดง ต้องแข่งขันกับ ลิเวอร์พูล, บาร์เซโลน่า และ อาร์เซน่อล เพื่อคว้าลายเซ็นของดาวรุ่งแดนน้ำหอมมาร่วมทีมในปี 2019 โดยจ่ายค่าไปราวๆ 4.2 ล้านปอนด์ และอาจเพิ่มถึง 8.4 ล้านปอนด์ ในอนาคต

 

แข้งวัย 17 ปี ยิงไป 1 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ ใน 13 นัดที่ลงเล่นให้ทีมชุดยู-18 และช่วยให้ยูไนเต็ด ทะลุเข้าถึงรอบตัดเชือกในศึก เอฟเอ ยูธ คัพ 

 

แต่ไม่แค่นั้น เพราะก่อนหน้านี้ไม่นาน เขาถูกเรียกขึ้นไปเล่นในทีมชุดยู-23 พร้อมกับทำไป 3 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 5 นัดแรกใน พรีเมียร์ลีกชุดเล็ก

 

https://www.youtube.com/watch?v=I-Dh1RjVkwo

 

ส่วนในทีมชาติ กองกลางหนุ่มลงเล่นให้ทัพตราไก่รุ่นยู-17 ไปทั้งหมด 3 นัด โดยทำไป 2 ประตู และจ่ายเพื่อนยิงอีก 3 ลูก

 

สาวกเร้ด เดวิลล์ เดนตายอาจจำได้ว่า เมจบรี้ เคยถูกแฟนบอล ลีดส์ ยูไนเต็ด ร้องเพลงล้อเลียนว่าเป็น ‘ไซด์โชว์ บ็อบ’ หนึ่งในตัวละครจากการ์ตูนเรื่อง ‘เดอะ ซิมป์สัน’ ขณะลงแข่งในศึกเอฟเอ ยูธ คัพ รอบ 5 

 

อย่างไรก็ตาม แข้งแดนน้ำหอมเป็นฝ่ายได้หัวเราะในตอนท้าย หลังจากช่วยให้ปีศาจแดงเอาชนะคู่แค้นไป 1-0 ณ สนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

 

 

กองกลางจอมสร้างสรรค์

 

 

เมจบรี้ ลงเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวสร้างสรรค์เกม โดยหลักเขาจะมีบทบาทเป็นแข้งเบอร์ 10 ประจำทีมปีศาจแดง แต่ก็สามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในแดนกลางเช่นกัน

 

อีกทั้งตัวของเขาเองถูกนำไปเปรียบเทียบกับ พอล ป็อกบา รุ่นพี่ในสโมสรและทีมชาติ หรือแม้กระทั่ง รอย คีน และ เดวิด เบ็คแฮม 2 ตำนานปีศาจแดง เนื่องจากทักษะเทคนิคต่างๆที่ยอดเยี่ยม, วิสัยทัศน์ที่กว้างไกล, จิตใจที่แข็งแกร่ง และความั่นใจในการลากเลื้อยหรือพาบอลขึ้นไปทำเกมรุกในแดนหน้า

 

แมนยูไนเต็ดในชุดปัจจุบัน มีกองกลางฝีเท้าดีมากมายในทีม แต่ด้วยอนาคตที่ไม่แน่นอนของ เจสซี่ ลินการ์ด ที่ตกเป็นข่าวว่าอาจแยกทางกับสโมสรได้ ยิ่งทำให้โอกาสในการฉายแสงของ เมจบรี้ มีมากขึ้นกว่าเดิมในทีมชุดใหญ่

 

 

บิดาผู้อยู่เบื้องหลัง

 

 

ในตอนที่ย้ายมาค้าแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมจบรี้ ได้เปิดใจกับ เลอ ปารีเซียง สื่อในบ้านเกิดว่า “รู้สึกเป็นเกียรติมาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ และเป็นที่รู้จักดีในด้านการฝึกแข้งเยาวชน มันจะช่วยให้ผมพัฒนา  พยายาม ลงเล่นในวันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”

 

“ผมดูวีดีโอมากมายจากในอดีต มีแข้งดังมากมายเคยส่วมเสื้อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นเกียรติจริงๆที่ได้สวมมันต่อจากพวกเขา”

 

“ถ้าผมสามารถขึ้นไปชุดใหญ่ได้ภายใน 2 ปี คงเป็นเรื่องที่ดีเลย แต่หลังจากนั้น ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับผมแล้ว”

 

แต่รู้หรือไม่ว่าคนที่ช่วยผลักดันให้ เมจบรี้ ก้าวมาถึงจุดนี้ได้คือ ลอฟตี้ บิดาบังเกิดเกล้าอดีนนักฟุตบอลชาวตูนิเซีย ทั้งพยายามปกป้องลูกชายที่โดนแมวมองจากสโมสรต่างๆตามจีบตั้งแต่อายุ 9 ขวบ, สร้างเสริมแนวคิดให้กับลูกชายว่าการศึกษาคือสิ่งที่สำคัญ ด้วยการวางแนวทางให้ เมจบรี้ จบไปเป็นทนายหรือไม่ก็ แพทย์ หากเส้นทางลูกหนังไม่เป็นไปดั่งหวัง 

 

อีกทั้ง พ่อของ เมจบรี้ ได้เปิดเผยกับ เลอ ปารีเซียงเจ้าเดิม ว่า เขาและลูกเคยปัดข้อเสนอก้อนโตของ ลิเวอร์พูล ทีมอริของปีศาจแดง ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ อาร์เซน่อล ไม่สามารถเสนอค่าตัวที่ดีพอได้

 

นั่นยิ่งทำให้แฟนบอลยูไนเต็ดชื่นชอบเจ้าหนูวัย 17 ปี ยิ่งกว่าเดิมหลายเท่าตัว และคาดหวังว่าจะก้าวมาเป็นตัวหลักในทีมรักของพวกเขาในอนาคตได้

 

 

ตำนานสโมสรออกปากชม

 

 

ความเก่งกาจเกินวัยของ เมจบรี้ ได้รับการยืนยันจากคนในแมนยูไนเต็ดหลายคน หนึ่งในนั้นคือ นิคกี้ บัตต์ ที่เป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนาทีมชุดใหญ่ ที่มีโอกาสเห็นฝีเท้าของเขาในทีมชุดเล็ก

 

“เรามีผู้นำชั้นยอดมาตลอดอย่างเช่น รอย คีน, สตีฟ บรูช, ไบรอัน ร็อบสัน ซึ่งพวกเขาพร้อมที่จะตะโกนสั่งเพื่อนร่วมทีม, เต็มไปด้วยความดุดัน และมีความเป็นผู้นำอย่างแท้จริง” บัตต์ กล่าวกับ แมนเชสเตอร์ อีฟเวนนิ่ง นิวส์ 

 

 “นอกจากนี้คุณคงเห็นเห็นผู้นำแบบ พอล สโคลส์ หรือ เดวิด เบ็คแฮม หรือ ไรอัน กิ๊กส์ ซึ่งคนเหล่านี้มักจะเงียบๆ แต่แสดงความเป็นผู้นำโดยเป็นตัวอย่างว่าจะต้องเล่นยังไง และทำงานหนักมากแค่ไหน”

 

“เรามีผู้นำในสไตล์เก่าๆ ที่มักจะเข้าไปคุยกับเพื่อนร่วมทีม และคอยกระตุ้นทีม ฮานนิบาล มีความเป็นผู้นำ แนวทางที่เขาลากเลี้ยงด้วยความเร็ว 100 ไมล์ต่อชั่วโมง เขาพร้อมที่จะวิ่งขึ้นวิ่งลงแบบไม่มีหยุดด้วย” 

 

ขณะที่ นิก ค็อกซ์ ซึ่งรับตำแหน่งหัวหน้าศูนย์ฝึกเยาวชนต่อจาก บัตต์ ได้พูดถึงดาวรุ่งคนเก่งถึงการปรับตัวกับทีมผ่านสื่อท้องถิ่นเจ้าเดิมว่า “ฟอร์มของเขายอดเยี่ยมมากๆ”

 

 

“เป้าหมายแรกของผู้เล่นที่มาจากต่างแดน คือการอยู่และสร้างสัมพันธ์ และปรับตัวให้ชินกับสภาพแวดล้อมที่คุณจะต้องอยู่อาศัย, เรียนรู้สิ่งต่างเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของคุณ”

 

“นั่นเป็นความคาดหวังเดียวที่เรามีต่อเขาในช่วงแรกตอนนั้น แค่การอยู่อาศัย และเขาก็ทำมันได้ดี จากนั้น มันจะเป็นเรื่องว่าเราจะดูแลเอาใจใส่เขาอย่างไร เพื่อช่วยให้เขามีโอกาสเข้าใกล้ทีมชุดใหญ่มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”