ตัวแทนลุยซ์ที่ดีกว่า: ไวท์จะช่วยเพิ่มมิติเกมรับปืนใหญ่ได้อย่างไร?

ไวท์

การไล่ล่าคว้า เบน ไวท์ ของ อาร์เซน่อล สร้างความสงสัยงุนงงให้กับแฟนบอลไม่น้อย ว่าเงินราวๆ 50 ล้านปอนด์ควรไปเสริมในตำแหน่งอื่นที่ควรแก้ไขกว่าหรือไม่?

แต่สำหรับ มิเกล อาร์เตต้า แล้วก็เหมือนกับผู้จัดการทีมฟุตบอลยุคใหม่หลายคนที่มองว่าหน้าที่ของกองหลังไม่ใช่แค่ป้องกันการทำประตูจากคู่แข่ง แต่ยังมีส่วนในการขึ้นเกมที่หวังผลและมีประสิทธิภาพได้ อีกทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นของการทำเกมบุกของทีมด้วย

อาร์เตต้ามองว่าการทำเกมจากแผงหลังเป็นหลักการสำคัญในปรัชญาของเขา แต่การขึ้นเกมบุกลักษณะนี้เป็นปัญหาที่คงอยู่ตลอดในช่วงที่เขาทำหน้าที่กับ ปืนใหญ่ ตลอดเกือบ 18 เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาจะไม่มีดาวิด ลุยซ์ ที่ลาทีมช่วงซัมเมอร์นี้ ส่งผลให้บทบาทการขึ้นเกมของแนวรับยังเป็นช่องว่างที่ต้องเติมเต็มในทีมอยู่

‘กูนเนอร์ส’ ต้องการเห็น วิลเลี่ยม ซาลิบา กลับมาและได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองแบบเต็มๆเสียที แต่ทว่านี่ก็เป็นอีกครั้งที่ต้นสังกัดเลือกปล่อยให้แข้งชาวฝรั่งเศสกลับไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับ โอลิมปิก มาร์กเซย แบบยืมตัวในฤดูกาลนี้ 

แต่ก็เห็นได้ชัดเจนว่า อาร์เตต้า ชื่นชอบในตัวกองหลังหนุ่มจาก ไบรท์ตัน มากกว่าจากข่าวช่วงที่ผ่านมา และมีหลักฐานที่ชี้เห็นถึงความสามารถที่ปฏิเสธไม่ได้ของแนวรับวัย 23 ปี เพียงแต่การมาของเขาจะช่วยให้เกมรับของ ยอดทีมจากลอนดอนเหนือแข็งแกร่งกว่าที่เป็นอยู่หรือไม่…

 

สารพัดประโยชน์ไม่แพ้ใคร

Charles Watts provides update on Arsenal's pursuit of Ben White

ไวท์ แสดงให้เห็นถึงความสามารถชัดเจนกับ ไบรท์ตัน ในฤดูกาลที่ผ่านมา โดยเขาออกสตาร์ทเป็นตัวจริงให้กับทีมในพรีเมียร์ลีกทั้งหมด 36 นัด พลาดเพียง 2 เกมเท่านั้นภายใต้การดูแลของ แกรแฮม พ็อตเตอร์ ซึ่งย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ 1 ปี เขาได้สร้างความประทับใจให้กับ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า เช่นกัน

กุนซือ ลีดส์ ยูไนเต็ด พยายามจะคว้าแนวรับทีมชาตอังกฤษมาร่วมทีมแบบถาวร หลังยืมตัวมาเล่นในฤดูกาล 2019-20 และมีส่วนช่วยให้ ‘ยูงทอง’ เลื่อนชั้นขึ้นมาในลีกสูงสุด โดยที่ได้ลงเล่นครบทุกนาที แต่ด้วยข้อเสนอสูงถึง 25 ล้านปอนด์ ทำให้ ลีดส์ เลือกถอยออกมา ก่อนที่ค่าตัวของเขาจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในอีก 1 ปีต่อมา

ทั้ง พ็อตเตอร์ หรือ บิเอลซ่า ก็มีใช้การขึ้นเกมเหมือนกับ อาร์เตต้า ที่เริ่มต้นจากแผงหลัง รวมไปถึง แกเร็ธ เซาธ์เกต ที่ตัดสินใจหิ้ว ไวท์ ลุยศึกยูโร 2020 กับทีมชาติอังกฤษ และเชื่อว่าเขาจะกลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญของ ‘สิงโตคำราม’ ในอนาคต

กองหลังจาก เมืองพูล กลายเป็นที่จับตามองและมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นกับทักษะและเทคนิคที่ยอดเยี่ยม ทั้งการเล่นกับบอลได้ดี, ออกบอลระยะกลางถึงไกลได้แม่นยำ รวมถึงความนิ่งและความมั่นใจในการครอบครองบอล จนทำให้ พ็อตเตอร์ และ บิเอลซ่า เคยขยับเขามาเล่นเป็นกองกลางในบางครั้ง อีกทั้งยังสามารถโยกมาเล่นเป็น แบ็คขวา หรือ วิงแบ็คขวา ได้อย่างไม่เคอะเขินด้วย

 

กองหลังจอมทำเกมบุก

ความสามารถอันหลากหลายนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจจาก อาร์เซน่อล เช่นเดียวกับ เซาธ์เกต ที่อ้างถึงความยืดหยุ่นในการใช้งาน หลังเรียกมาติดทีมลุยศึกระดับทวีป ทว่าตำแหน่งโดยธรรมชาติของเขา ก็คือกองหลังด้านขวาในการเล่นระบบหลัง 3 หรือ 4 คน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เขาจำเป็นในถิ่น เอมิเรสต์ 

ก่อนหน้านี้ อาร์เซน่อล ใช้ ดาวิด ลุยซ์ เป็นจุดเริ่มในการขึ้นเกมเพื่อเริ่มโจมตีจากตำแหน่งนั้น ที่ที่จ่ายบอลผ่านแนวรับให้กับผู้เล่นแนวรุกได้ทำเกมในพื้นที่อันตราย แต่ตอนนี้หน้าที่ดังกล่าวจะตกเป็นของไวท์ในการรับผิดชอบ และเขาก็พร้อมสำหรับงานนี้

จากข้อมูลที่บันทึกในฤดูกาล 2020-21 แม้ว่าจ่ายบอลเฉลี่ยต่อเกมน้อยกว่า 2 แนวรับตัวหลักของ อาร์เซน่อล แต่แนวรับชาวอังกฤษ ก็มีเปอร์เซ็นต์สูงกว่าในการจ่ายบอลขึ้นหน้า (40.07%) เมื่อเทียบกับ ลุยซ์, กาเบรียล หรือ โฮลดิ้ง (35.10%, 36.17 และ 34.24 ตามลำดับ) สะท้อนให้เห็นว่าเขาพยายามเน้นให้ทีมบุกขึ้นหน้า มากกว่าครองบอลไปมาในแดนตัวเอง

ในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาลที่แล้วกับ ไบรท์ตัน ผลงานของ แข้งวัย 23 ปี ช่วยทำให้ เอริค แลมพ์ตี่ย์ ฉายแสงในตำแหน่งวิงแบ็คขวา และถึงแม้ดาวรุ่งร่างเล็กจะบาดเจ็บในเวลาต่อมา เขาก็ช่วยให้แผงกองกลางที่ทั้ง ปาสคาล โกรส, อีฟ บิสซูม่า หรือแม้กระทั่ง เลอันโดร ทรอสซาร์ เล่นได้อย่างลื่นไหลไร้กังวล

แต่ ไวท์ ไม่ได้ใช้การขึ้นเกมแค่การจ่ายบอลเท่านั้น อันที่จริงแล้ว หนึ่งในคุณสมบัติที่สะดุดตาที่สุดของเขา และคุณสมบัติที่แทบจะไม่มีใครเหมือนในกองหลังตัวกลางในพรีเมียร์ลีกก็คือ ความสามารถของเขาในการเลี้ยงบอลขึ้นมาจากแนวรับ 

ในฤดูกาลที่ผ่านมา นักเตะจากทีม ‘นกนางนวล’ เป็นกองหลังที่เลี้ยงบอลสำเร็จได้มากที่สุดในลีก (24) และจากสถิติที่ Opta บันทึกไว้ว่าเขาพาบอลขึ้นไปในแดนหน้าเฉลี่ย 5 เมตรต่อเกมยิ่งทำให้น่าประทับใจขึ้นไปอีก

อีกทั้งเขายังเป็นกองหลังที่เลี้ยงผ่านคู่แข่งมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกดูกาลก่อนที่ 18 ครั้ง มากกว่ากองหลังคนอื่นเกือบ 2 เท่า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความคล่องแคล่วว่องไวของเขาในการไปกับบอล และช่วยสร้างพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีมโจมตีมากขึ้น

สิ่งเหล่านี้ยังดึงดูด อาร์เซน่อล ในแง่ของการเล่นเกมรับด้วย โดย อาร์เตต้า มักดันแผงหลังขึ้นไปสูง ไม่ต่างจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นายเก่าผู้เปรียบเหมือนอาจารย์ของเขา แต่การที่ กองหลังที่มีในทีมชุดปัจจุบัน ขาดความเร็วทำให้แผงหลัง ‘ปืนใหญ่’ กลายเป็นจุดอ่อน และความเร็วของว่าที่กองหลังหน้าใหม่จะช่วยเปลี่ยนแปลงในจุดนั้น

 

ทดแทน ลุยซ์ ได้สมบูรณ์แบบ

White says Arsenal transfer rumours are 'nice' but Brighton defender  doesn't talk to team-mates about future | Goal.com

ความสามารถในการอ่านเกมของ แนวรับจาก ไบรท์ตัน ก็ถือว่าเกินอายุพอสมควร เมื่อเทียบกับวัยเพียง 23 ปีของเขา และสามารถรับรู้ถึงอันตรายได้รวดเร็วเสมอ โดยเขามีสถิติการแย่งบอลมากกว่ากองหลังจาก อาร์เซน่อล ทุกคนในฤดูกาลก่อน (62) และรั้งอันดับ 3 เมื่อเทียบกับกองหลังทุกคนในพรีเมียร์ลีก

อีกทั้งเมื่อนำมาเทียบกับ ลุยซ์ คนที่มาแทนที่ใน กันเนอร์ส แล้ว ว่าที่แนวรับคนใหม่แทบไม่แสดงความผิดพลาดออกมาให้เห็นเลย

82 นัดที่ลงเล่นในลีกให้ทั้งไบรท์ตัน และ ลีดส์ ตลอด 2 ฤดูกาลหลังสุด แนวรับวัย 23 ปี ไม่เคยทำพลาดจนส่งผลให้ทีมเสียประตูแม้แต่ลูกเดียวจากการบันทึกของ Opta ขณะที่ ลุยซ์ พลาดจนทีมเสียประตูไป 4 ครั้งจาก 53 นัด ในช่วงเวลาเดียวกัน

เห็นได้ชัดว่า ไวท์ เป็นกองหลังที่เกิดมาเพื่อฟุตบอลสมัยใหม่ แต่เขาก็มีความแข็งแกร่งอย่างที่แนวรับที่ดีควรจะมีเช่นกัน โดยช่วงที่เล่นแบบยืมตัวก่อนหน้า ลีดส์ ทั้งปีเตอร์โบโร่ ในลีกวัน และ นิวพอร์ท เค้าน์ตี้ ในลีกทู ต่างช่วยเสริมสร้างความสามารถทางกายภาพให้กับเขาได้เป็นอย่างดี รวมถึงมีประสบการณ์จากการพบเจอฟุตบอลระดับแตกต่างกัน

การเล่นแบบยืมตัวทำให้เขาต้องเผชิญกับความท้าทายในอนาคต และในที่สุดเมื่อเขากลับมาที่สโมสรในวัยเด็กเมื่อต้นฤดูกาลที่แล้วก็สร้างผลกระทบด้านบวกให้กับต้นสังกัดทันที

แม้ ไบรท์ตัน อาจจบอันดับที่ 16 ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลก่อน แต่พวกเขามีเกมรับเป็นอันดับต้นๆในลีก ทั้งการเก็บได้ 12 คลีนชีท เท่ากับ ลิเวอร์พูล กับ อาร์เซน่อล และเสียไป 46 ลูก มากกว่ารองแชมป์ อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพียง 2 ลูกเท่านั้น ซึ่งเขามีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้

จากมุมมองของ อาร์เซน่อล รวมไปถึงแฟนบอลของสโมสร ต่างมองว่าดีลนี้มีความเสี่ยงไม่น้อยเช่นกัน กับราคา 50 ล้านปอนด์เพื่อคว้านักเตะที่มีประสบการณ์กับลีกสูงสุดเพียงแค่ฤดูกาลเดียว

แต่ด้วยวัยเพียง 23 ปี ไวท์ ก็มีความสามารถที่เข้าใกล้คำว่า ‘ครบเครื่อง’ อยู่เช่นกัน และ อาร์เตต้า คงหวังว่าว่าที่กองหลังป้ายแดงจะพัฒนาฝีเท้าได้ดีขึ้นและมั่งคงในถิ่น เอมิเรสต์ สเตเดี้ยม  อย่างที่เป็นในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

 

บทความที่เกี่ยวกับ อาร์เซน่อล

จากร้อยเหลือศูนย์ : อาร์เตต้ากับฤดูกาลที่มืดมิดของอาร์เซน่อล