1 ปีที่ผ่านพ้นไป : อเล็กซิส ซานเชซ จะตื่นจากฝันร้ายได้หรือไม่

 

เมื่อปีที่แล้ว อเล็กซิส ซานเชซ ได้ย้ายร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในช่วงตลาดหน้าหนาว และได้รับการคาดหวังว่าจะเป็นแข้งตัวหลักในทีมของโชเซ่ มูรินโญ่ แต่ทว่าวันเวลาผ่านไปบรรจบครบ 1 ปี ความเป็นจริงกับสิ่งที่หวังช่างต่างกันเหลือเกิน ซานเชซ กลายเป็นนักเตะที่ถูกลืมหลังยิงประตูไปแค่ 4 ลูกจาก 32 นัดที่ลงเล่นให้ปีศาจแดง

 

 ทำไมดาวเตะชาวชิลีฟอร์มถึงไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนสมัยสวมเครื่องแบบปืนใหญ่? อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ยิงประตูและสร้างประโยช์นให้ทีมได้น้อยนิด รวมไปถึงเขาจะกลับมาคืนฟอร์มกับปีศาจแดงได้หรือไม่ GAMEOVER จะพาทุกท่านไปหาคำตอบกัน

 

ความคาดหวังที่มากเกินไป

 

การเข้ามาของอเล็กซิส ซานเชซ ทำให้แฟนผีต่างตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้เห็นเขาลงเล่นกับทีม ด้วยคุณภาพและความสามารถของเขา ไม่แปลกใจเลยที่ใครๆจะคิดว่าเขาต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมรุกของยูไนเต็ดอย่างแน่นอน

 

แต่ฟอร์มของซานเชซ ตลอดเวลา 12 เดือนที่ผ่านมาต้องบอกว่าค่อนข้างน่าผิดหวัง แต่บางนัดเจ้าตัวก็ทำได้ดีมากๆ เช่นนัดที่พบกับนิวคาสเซิลในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว หลังจากที่ทีมตามหลังสาลิกาดงอยู่ถึง 2-0 แต่ในช่วง 20 นาทีสุดท้าย ซานเชซก็ลุกจากม้านั่งสำรองและช่วยให้ปีศาจแดงพลิกกลับมาชนะ 3-2 ในนาทีสุดท้าย

 

และอีกช่วงของซานเชซที่แฟนๆพอจะพูดได้เต็มปากว่ายอดเยี่ยม คือเกมที่ยูไนเต็ดพลิกแซงแมนฯซิตี้ในฤดูกาลที่แล้ว โดยสร้างโอกาสในเกมได้ถึง 3 ครั้ง และ แอสซิสต์ได้ 2 ลูก ทำให้เรือใบสีฟ้าต้องเลื่อนการฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีกไปอีกหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ

 

อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่น่าจดจำของแข้งชิลียามสวมเครื่องแบบปีศาจแดงก็มีพอมีอยู่บ้าง แม้จะไม่ได้มากมายอย่างที่แฟนปีศาจแดงคาดหวังไว้ก็ตาม

 

 

อยู่กับกุนซือผิดคน?

 

นับตั้งแต่โอเล่ กุนนาร์ โซลชาเข้ามาคุมทีมแทน โชเซ่ มูรินโญ่ ในเดือนธันวาคม ก็สร้างสถิติใหม่ชนะรวด 8 นัดติดในทุกรายการ และเปลี่ยนการเล่นของปีศาจแดงให้ดูดุดันมากขึ้น

 

 

ปัญหาหนึ่งที่ทำให้มูรินโญ่โดนปลดก็คือ เขาไม่สามารถดึงศักยภาพของนักเตะในทีมออกมาได้สูงสุด เช่น พอล ป็อกบา และแน่นอนว่า ซานเชซก็คือหนึ่งในนั้น จนทำให้เขาถูกดร็อปกลายเป็นตัวสำรองในช่วงท้ายที่กุนซือชาวโปรตุกีสคุมทีมอยู่ จนมีข่าวว่าเขาได้เงินเดิมพันจากเพื่อนในทีม หลังมูรินโญ่โดนไล่ออก แม้เจ้าตัวจะออกมาปฏิเสธในภายหลังก็ตาม

 

แต่หลังจากที่โซลชาเข้ามา ซานเชสก็กล่าวชื่นชมนายใหญ่คนใหม่ทันที โดยกล่าวว่า “ผู้เล่นในทีมของโซลชาก็เป็นชุดเดียวกับทีมของมูรินโญ่ แต่ตอนนี้เราเล่นเกมรุกได้อันตรายขึ้น รวมไปถึงเกมรับ เราก็ทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม”

 

“เขา (โซลชา) มีประวัติศาสตร์ร่วมกับทีมมามากมาย ปรัชญาของเขาคือสัมผัสบอลให้เยอะๆ คุมเกม และทำประตูให้ได้ ตอนเป็นนักเตะ เขาเล่นกองหน้าก็จริง แต่เขาก็ต้องการให้เราดูแลกรอบเขตโทษของฝั่งเราให้ดีด้วย นั่นเป็นวิธีที่จะทำให้คุณมีผลลัพธ์ที่ดีขึ้น” ซานเชซกล่าวทิ้งท้ายไว้กับ มิลเรอร์ สื่อดังจากอังกฤษ

 

ดูเหมือนว่าตอนนี้ ซานเชซจะได้หัวหน้าในแบบที่เขาต้องการแล้ว อย่างไรก็ตามอาการบาดเจ็บอาจจะทำให้เขาไม่ได้ลงเล่นในช่วงแรกที่โซลชาเข้ามา แต่ในนัดล่าสุดเขาก็ค่อยทำผลงานได้ดีขึ้นหลังจากยิงประตูได้ในเกมที่ปีศาจแดงเอาชนะอาร์เซน่อล ทีมเก่าของเขาไป 3-1 ในศึกเอฟเอ คัพเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำให้พอจะสันนิษฐานได้ว่าหนึ่งในเหตุผลที่ซานเชซฟอร์มตก เพราะเขาแค่เข้ามาอยู่กับผู้จัดการทีมผิดคนเท่านั้นเอง

 

 

ความหวังยังไม่สิ้นสุด

 

ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ซานเชซมีสถิติในการแอสซิสต์ต่อเกมมากว่าผู้เล่นในทีมปีศาจแดงทุกคน (0.53 ครั้งต่อเกม) รวมถึงการสร้างโอกาสใน 90 นาทีด้วยเช่นกัน (3.03 ครั้งต่อเกม)

 

 

ในฤดูกาลที่แล้ว ในทีมมีแค่ มคิตาร์ยาน (2.71 ครั้งต่อเกม) และ ฆวน มาต้า (2.38 ครั้งต่อเกม) ที่สร้างโอกาสใน 90 นาทีมากกว่า ซานเชซ (2.24 ครั้งต่อเกม) และในปีนี้ ซานเชสลงสนามในลีก 11 นัด ยิงไปทั้งหมด 14 ครั้ง เข้ากรอบ 7 ครั้ง แต่เป็นประตูแค่ 1 ลูกเท่านั้น

 

สถิตต่างๆเหล่านั้นเป็นตัวยืนยันได้อย่างดีว่า ซานเชซ เหมาะกับบทบาทจอมสร้างสรรค์ในยูไนเต็ด มากกว่าเป็นผู้เล่นที่ทำประตูเป็นหลัก ซึ่ง มาร์คัส แรชฟอร์ด เป็นคนรับเหมาตำแหน่งดาวยิงประจำทีมไปแล้วในตอนนี้ ทำให้ซานเชซไม่ต้องมุ่งเน้นไปที่การยิงประตูให้ทีมก็ได้

 

แม้ในช่วงบาดเจ็บ กุนซือชาวนอร์เวย์ก็ยังกล่าวชื่นชมซานเชซว่าเป็นนักเตะที่มีทัศนคติที่ดี และโซลชาก็ตั้งตารอวันที่เขาหายเจ็บกลับมาช่วยทีมอีกครั้ง

 

ทุกอย่างดูเป็นใจให้อดีตแข้งอาร์เซน่อลแล้วในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการเล่นของทีมที่เน้นเกมรุกซึ่งเหมาะกับสไตล์การเล่นของซานเชซมากๆ รวมไปถึงกุนซือที่มั่นใจในตัวเขา เชื่อว่าหลังจากนี้เส้นกราฟชีวิตลูกหนังของ อเล็กซิส ซานเชซ จะสูงขึ้นกว่าเดิมแน่นอน อยู่ที่ว่าเขาจะคว้าโอกาสนั้นไว้หรือไม่เท่านั้นเอง