แม้ข่าวล่าสุดจะมีการตรวจพบ 6 รายจากทั้งหมด 3 ทีมที่ติดเชื้อโคโรน่าไวรัส บวกกับกลุ่มนักเตะบางคนเช่น ทรอย ดีนี่ย์ และ แดนนี่ โรส ที่ยืมยันหนักแน่นว่าไม่อยากกลับมาแข่งขันในเวลานี้
แต่เอาจริงๆ โอกาสที่พรีเมียร์ลีก จะเดินทางรอย บุนเดสลีกา ก็มีสูง เพราะมติที่ประชุมทั้ง 20 สโมสรเห็นพ้องต้องกันว่าอยากจะกลับมาทำให้ฤดูกาลนี้จบลงแบบสมบูรณ์ที่สุด
หลายๆ ทีมเริ่มซ้อมกันแล้ว อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มีการดูแลนักเตะอย่างเต็มที่ มีการตั้งจุดตรวจเชื้อแบบ ไดรฟ์-ทรู ตั้งแต่วันอาทิตย์ ซึ่งทิศทางแบบนี้ดูแล้วยังไงก็กลับมาหวดต่อใน 9 เกมที่เหลือแน่
วันนี้เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อยระหว่างรอการคอนเฟิร์มอย่างเป็นทางการ ทีมงาน ยูฟ่าอารีน่า ได้รวบรวมข้อมูลบ้างอย่าง ที่สามารถระบุได้ว่า 10 นักเตะในบรรทัดต่อจากนี้ คือกองกลางที่ดีที่สุดก่อนที่ลีกจะพักชั่วคราว
ลองไปดูซิว่ามีใครบ้าง และคุณผู้อ่านเองจะเดาถูกสักกี่คน ?
10.ท็อด แคนท์เวลล์ (นอริช)
สถิติเด่น : แคนท์เวลล์ ติดอันดับ 3 รวมในฐานะมิดฟิลด์ยิงประตูมากสุดในพรีเมียร์ลีก (6 ประตู)
แม้ชะตากรรมของ นอริช ในฤดูกาลนี้อาจจะจบลงด้วยการกลับไปเล่นในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ แต่ดูแล้วนักเตะของเขาหลายคนอาจจะคว้าตั๋วอยู่ต่อหลังทำผลงานส่วนตัวกันได้ดี ไม่ว่าจะเป็น ตีมู ปุ๊คกี้, แม็กซ์ อารอน, เอมิเลียโน่ บูเอ็นเดีย และไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ ท็อด แคนท์เวลล์
ปีกวัย 22 ปีทำไปแล้ว 6 ประตูกับ 2 แอสซิสต์ และมีข่าวว่าหลายทีมดังสนใจจะดึงตัวมาร่วมทีม โดยแฟนบอล อาร์เซนอล ก็เคยมีคอมเม้นต์ว่าเห็นเจ้าหนูรายนี้เล่นแล้วคิดถึง โธมัส โรซิคกี้ เพลย์เมกเกอร์ระดับตำนานทีมชาติเช็กเลยทีเดียว
9.เฟร็ด (แมนฯ ยูไนเต็ด)
สถิติเด่น : เฟร็ด เป็นนักเตะ “ผีแดง” คนเดียวที่ทำแท็คเกิ้ลและโอกาสมียิงอย่างน้อย 30 ครั้ง
จากกองกลางที่แฟนบอลไม่ปลื้มขี้หน้า ดาวเตะเจ้าของฉายา “แซมบ้าเซินเจิ้น” ใช้ผลงานในสนามค่อยๆ พิสูจน์ว่าเขามีของ และในที่สุดก็ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีมชนิดที่แฟนบอลต้องกลับมาบูชา
เฟร็ด เป็นมิดฟิลด์สไตล์ บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ ที่มีความขยันและความฟิตเป็นเลิศ แม้จะยังไม่มีประตูกับแอสซิสต์เลย แต่สถิติอื่นๆ ต้องบอกว่าเด่นมาก ปอล ป็อกบา ที่หายเจ็บกลับมาอาจไม่ง่ายในการคืนสู่ 11 ตัวจริง
8.โอลิเวอร์ นอร์วู้ด (เชฟฯ ยูไนเต็ด)
สถิติเด่น : นอร์วู้ด จ่ายบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย (final third) มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ (313 ครั้ง)
ดาวเตะวัย 28 ปีเป็นอีกหนึ่งเครื่องพิสูจน์ว่าดาวรุ่งจากอะคาเดมี่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ใช่ผลผลิตที่ล้มเหลว นักเตะหลายๆ คนอาจจะขึ้นสู่ชุดใหญ่ของ “ผีแดง” ไม่ได้ แต่ระดับฝีมือที่ถูกปลุกปั้นมาก็ดีพอที่จะเล่นในลีกสูงสุดได้แบบสบายๆ
นอร์วู้ด เป็นหนึ่งใน 5 นักเตะที่ คริส ไวล์เดอร์ จับลงสนามทุกนัดในฤดูกาลนี้ ด้วยสไตล์การเล่นที่ปิดทองหลังพระ อาจจะดูเงียบๆ ในสนาม แต่หากจะนิยามถึงเขาให้เห็นภาพง่ายๆ คงจะเป็น “ชาบี้ แห่งเชฟฟิลด์” อะไรประมาณนั้น
7.มาเตโอ โควาซิซ (เชลซี)
สถิติเด่น : โควาซิซ เป็นมิดฟิลด์ตัวกลางที่เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก เวลานี้ (69 ครั้ง)
มีคนเคยพูดว่าหาก เชลซี ไม่โดนแบนซื้อขาย 2ตลาดนักเตะ พวกเขาคงไม่ใช่ออปชั่นซื้อขาดดาวเตะทีมชาติโครเอเชีย มาร่วมทีมแบบถาวร เพราะฤดูกาลก่อนต้องยอมรับว่า โควาซิซ ผลงานยังไม่ค่อยเข้าตานัก
อย่างไรก็ตามเมื่อดาวเตะวัย 26 ปีมาเจอกับกุนซือใหม่อย่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด ก็ไม่ต่างจากการเจอเนื้อคู่ เพราะฟอร์มที่ว่าแย่พลิกโฉมไปโดยสิ้นเชิง โควาซิซ กลายเป็นมิดฟิลดจอมพริ้ว เลี้ยงบอลติดเท้า เวลาเจ้าตัวได้บอลต้องบอกว่าแย่งยากมากๆ จริงๆ
6.จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม (ลิเวอร์พูล)
สถิติเด่น : ไวจ์นัลดุม เสียบอลเฉลี่ยต่อเกมแค่ 7.87 ครั้ง น้อยที่สุดในผู้เล่นเอาท์ฟิลด์ของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้
ในแผงกองกลางของ ลิเวอร์พูล มิดฟิลด์ดีกรีทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เป็นหนึ่งคนที่ถูกมองว่า “อันเดอร์เรท” หรือคุณภาพต่ำกว่าความเป็นจริง เวลาทีมมีข่าวกับตัวใหม่ก็มักจะเป็นเขาที่ถูกเอ่ยชื่อว่าจะต้องย้ายทีมสวนทาง
อย่างไรก็ตามทุกอย่างถูกตอบโต้ด้วยผลงานในสนาม ด้วยสถิติที่ออกมาหลังเกม ไวจ์นัลดุม คือมดงานที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ขาดไม่ได้เลย ดูจากสถิติลงสนามในลีกถึง 28 นัดมากกว่าผู้เล่นคนใดๆ ในตำแหน่งเดียวกัน แค่นี้ก็ไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติมแล้ว
5.เจมส์ แม็ดดิสัน (เลสเตอร์)
สถิติเด่น : แม็ดดิสัน เป็นมิดฟิลด์ที่มีโอกาสยิงมากสุดอันดับ 3 ของพรีเมียร์ลีก (68 ครั้ง)
การที่ เลสเตอร์ สามารถบินสูงในเวลานี้ ผลงานส่วนหนึ่งต้องบอกว่า แม็ดดิสัน คือกุญแจสำคัญในเกมรุกของทีมชนิดที่ไม่ได้ด้อยค่าด้อยราคาไปกว่า เจมี่ วาร์ดี้ ดาวยิงตัวเก่งของทีมเลย
เพลย์เมกเกอร์วัย 23 ปีจะเป็นคนชี้ขาดจังหวะสุดท้ายให้กับทีม ไม่ว่าจะยิงเอง หรือจ่ายให้เพื่อน นอกจากนี้ยังมีดีที่ลูกตั้งเตะอีกด้วย ฤดูกาลนี้ซัดไปแล้ว 6 ประตูกับ 3 แอสซิสต์ อาจจะดร็อปลงไปนิดถ้าเทียบกับปีก่อน แต่เหลืออีก 9 เกมตัวเลขมันยังสามารถขยับได้อีกเยอะ
4.วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ (เลสเตอร์)
สถิติเด่น : เอ็นดีดี้ เข้าสกัด 92 ครั้ง และตัดบอล 61 ครั้ง มากที่สุดทั้งสองสถิติในผู้เล่นกองกลางของพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้
หาก แม็ดดิสัน คือหัวใจในเกมรุก วิลเฟร็ด เอ็นดีดี้ ก็คงเป็นขั้วตรงข้าม หรือพูดง่ายๆ ก็คือหัวใจเกมรับของ “จิ้งจอกสยาม” อะไรประมาณนั้น นับเฉพาะปี 2020 ห้าเกมที่ เลสเตอร์ ไม่มีเขาลงสนามไม่สามารถควานหาชัยชนะได้เลย
ในระบบ 4-1-4-1 ที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เลือกใช้งานในฤดูกาลแล้วทำได้ดี เป็นเพราะพวกเขาสามารถบุกได้อย่างเต็มที่ด้วยตัวรุกถึง 5 คน ไม่ต้องห่วงเกมรับแต่อย่างใดเพราะถ้า เอ็นดีดี้ ลงสนามเขาคนเดียวดีพอจะเก็บกวาดก่อนถึงแผงหลังได้เสมอ
3.แจ็ค กรีลิช (แอสตัน วิลล่า)
สถิติเด่น : กรีลิช เป็นนักเตะที่ถูกทำฟาวล์มากที่สุดใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรป (127 ครั้ง)
กัปตันทีม “สิงห์ผงาด” อาจจะเป็นอีกหนึ่งแข้งที่จบฤดูกาลแล้วต้องไปเริ่มต้นใหม่ด้วยการย้ายทีม หลังสถานการณ์ล่าสุด แอสตัน วิลล่า อยู่ในตำแหน่งรองบ๊วยและมีโอกาสสูงที่จะหล่นไปเล่นในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ
อย่างไรก็ตามถ้าวัดจากฟอร์มส่วนตัว กรีลิช กลายเป็นนักเตะที่ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม กูรูหลายคนเชียร์ให้ทีมใหญ่แย่งกันจีบเขา เอาแค่สถิติสร้างโอกาสลุ้นประตูจากโอเพ่นเพลย์ตอนนี้มีแค่ เควิน เดอ บรอยน์ (72) คนเดียวเท่านั้นที่ทำได้ดีกว่าเขา (57)
2.จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (ลิเวอร์พูล)
สถิติเด่น : เฮนเดอร์สัน ไม่แพ้ในพรีเมียร์ลีกมา 39 เกมติดต่อกันที่ลงสนาม
“เฮนโด้” เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่ถูกปรามาสมาตลอดว่าเก่งไม่จริง ดีไม่สุด จนได้ฉายาว่า “เฮียแปะ” เพราะทำได้แค่ส่งบอลสั้นซ้ายขวา และแทบไม่มีทีเด็ดอะไรให้แฟนบอลได้จดจำเลย
อย่างไรก็ตามกัปตันทีม “หงส์แดง” พัฒนาฝีเท้าขึ้นมาก ฤดูกาลนี้ก็มีบอลยาวสวยๆ ให้เห็นบ่อยครั้ง ขณะที่อิทธิพลความเป็นผู้นำก็ฉายแววดีขึ้นเรื่อยๆ พูดง่ายๆ ถ้าไม่ดีจริงคงไม่ถูกส่งชื่อลุ้นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาลอย่างแน่นอน
1.เควิน เดอ บรอยน์ (แมนฯ ซิตี้)
สถิติเด่น : เดอ บรอยน์ เป็นนักเตะที่สร้างโอกาสลุ้นประตูมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ (96 ครั้ง)
ไม่ใช่แค่มิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก นาทีนี้กระแสแรงอวยทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เควิน เดอ บรอยน์ คือเพลย์เมกเกอร์ที่ดีที่สุดในโลก หลังเจ้าตัวทำผลงานได้ดีอย่างสม่ำเสมอทั้งในสีเสื้อ แมนฯ ซิตี้ และทีมชาติเบลเยี่ยม มาตลอด 5-6 ปีที่ผ่านมา
แม้ฤดูกาลนี้ เรือใบสีฟ้า จะไม่สามารถป้องกันแชมป์ลีกไว้ได้ แถมยังโดน ลิเวอร์พูล ทิ้งห่างแบบไม่เห็นฝุ่น แต่ในแง่ของผลงานส่วนตัวทุกคนก็ยังชมเชย เดอ บรอยน์ กันเหมือนเดิม และกำลังลุ้นว่าเจ้าตัวจะทำลายสถิติของ เธียร์รี่ อองรี ที่ทำแอซิสต์สูงสุดต่อฤดูกาลได้หรือไม่ หลังตามหลังอีกเพียง 4 เม็ดเท่านั้น