เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก คู่ระหว่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง บุกไปเยือน เรอัล มาดริด คือเกมที่หลายคนจับตามอง เนื่องจากทั้ง 2 ทีมเต็มไปด้วยผู้เล่นระดับโลกมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นเอเด็น อาซาร์, เซร์คิโอ รามอส, แกเร็ธ เบล ของราชันชุดขาว หรือ คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้, เนย์มาร์, เอดิสัน คาวานี่ ของเปเอชเช ที่คอยวาดลวดลายในซานติอาโก้ เบอร์นาเบว
อย่างไรก็ตาม นักเตะที่โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นที่สุดในเกมวันนั้น คือกองหน้าวัยแตะเลข 3 อย่าง คาริม เบนเซม่า ซึ่งเล่นงานทีมของโธมัส ธูเคิ่ล จนเกือบเอาตัวไม่รอด
เป็นเวลา 10 มาแล้วที่เขาบอกลา โอลิมปิก ลียง เพื่อมาค้าแข้งกับโลส บลังโกส และเขาได้รับการยกย่องจาก แกรี่ ลินิเกอร์ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษว่าเป็นกองหน้าที่ถูกมองข้ามมากที่สุดคนหนึ่งในโลกลูกหนัง
ว่าแต่ ทำไม เบนเซม่า ถึงไม่ได้รับการยกย่องอย่างที่ควรจะเป็นเหมือนกับแข้งดังรายอื่นๆ ทาง UFA ARENA จะทุกท่านไปวิเคราะห์เรื่องราวของกองหน้าผู้ถูกมองข้ามผ่านบทความชิ้นนี้กัน
ยิงไม่มาก แต่มาเรื่อยๆ
ในช่วงเวลาที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ ยกระดับของฟุตบอลขึ้นไปอีกขั้นด้วยการแข่งขันกันถล่มประตูคู่แข่งและวัดฝีเท้าเพื่อเป็นแข้งเบอร์หนึ่งของโลก สถิติการทำประตูของ เบนเซม่า ก็ตามทั้งคู่มาแบบห่างๆ
แม้เกมล่าสุด ต้นสังกัดของเขาทำได้แต่เสมอกับเปแอชเช 2-2 แต่เบนซ์ก็ทำไปถึง 2 ประตู แถมในเกมยุโรปนัดก่อนหน้านี้ที่เอาชนะกาลาตาซาราย 6-0 เขาก็เหมาไปถึง 2 ลูกเช่นเดียวกัน
ซึ่งนั่นทำให้ หัวหอกชาวฝรั่งเศสกลายเป็นนักเตะคนที่ 2 ต่อจาก เมสซี่ ที่สามารถทำประตูได้ 15 ฤดูกาลติดต่อกันในแชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งแม้แต่ โรนัลโด้ อดีตเพื่อนร่วมทีมของเขาก็ทำไม่ได้ เนื่องจากไม่สามารถยิงคู่แข่งในรอบแบ่งกลุ่มได้ในสมัยที่ค้าแข้งกับยูไนเต็ด เมื่อฤดูกาล 2005-06
นอกจากนี้ เขายังยิงได้ 50 ประตูในบอลยุโรป เทียบเท่า อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ กองหน้าระดับตำนานของโลส บลังโกส และตามหลังแค่ 2 คนที่แฟนบอลก็รู้ว่าใครอย่างโรนัลโด้ และเมสซี่ กับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (59 ลูก) เท่านั้น นับตั้งแต่แชมเปี้ยนส์ลีกในปี 2009
ในเกมลีกอาทิตย์ก่อน เบนเซม่าทำไป 2 ประตูช่วยให้ทีมเอาชนะเออิบาร์ 4-0 ทำให้เขาขึ้นไปรั้งดาวยิงสูงสุดตลอดกาลอันดับที่ 6 ของสโมสร ตามหลัง เฟเรนซ์ ปุสกัส อดีตดาวยิงชาวฮังการีไม่ห่าง และจำนวน 234 ประตูที่เขาทำได้ ทำให้เขากลายเป็นแข้งชาวฝรั่งเศสที่ทำประตูกับสโมสรต่างแดนมากที่สุด แซงหน้า เธียร์รี่ อองรี เจ้าของสถิติเดิมที่ทำไว้กับอาร์เซน่อลเรียบร้อย
ส่วนเรื่องความสำเร็จกับราชันชุดขาว เบนเซม่าคว้าได้ทั้ง ถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก 4 สมัย, ลาลีก้า 2 สมัย, โคปา เดล เรย์ 2 สมัย, ยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ 3 สมัย และ แชมป์สโมสรโลกอีก 4 สมัย
แต่ที่น่าสังเกตุมากที่สุดก็คือ ไม่ว่าเขาจะทำงานร่วมกับกุนซือคนไหนทั้งมานูเอล เปเยกรินี่, โชเซ่ มูรินโญ่, คาร์โล อันเชล็อตติ, ราฟาเอล เบนิเตซ, ซีเนดีน ซีดาน (2 ครั้ง), ฆูเลน โลเปเตกี และ ซานติอาโก้ โซลารี่ ก็ได้รับการไว้วางใจให้เป็นหัวหอกเบอร์หนึ่งของทีมตลอด
ซึ่งช่วงที่เขาต้องแข่งขันเพื่อแย่งตำแหน่งในทีมมากที่สุดคงเป็นตอนที่ กอนซาโล่ อิกวาอิน และ อัลบาโร่ โมราต้า อยู่ในสโมสร แต่ปัจจุบัน หัวหอกดาวรุ่งค่าตัวแพงอย่าง ลูก้า โยวิช ก็ยังไม่สามารถเบียดสู้ เบนเซม่าได้เลย หนำซ้ำยังยิงได้แค่ลูกเดียวเท่านั้นในฤดูกาลนี้
นั่นทำให้ อดีตแข้งลียง ยังคงเป็นเพชรฆาตตัวหลักของสโมสรต่อไป และรั้งตำแหน่งดาวซัลโวของลาลีก้าด้วยจำนวน 10 ประตูในฤดูกาลล่าสุด
อยู่เป็นไม่เห็นแก่ตัว
ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เบนเซม่ามักจะโดนวิพากษ์วิจารณ์มาตลอด แต่เขาก็ยังทำผลงานได้เป็นอันดับต้นๆในสโมสร และจากการทำผลสำรวจของมาร์ก้า สื่อดังในสเปนได้โหวตให้ เขาเป็นนักเตะที่ถูกมองข้ามมากที่สุดด้วย
“ผมคิดว่าการไม่รับการยอมรับกับความสามารถที่เขามีทำให้เขาเป็นแบบนี้” จอห์น เบนเน็ตต์ ผู้สื่อข่าวจาก บีบีซี เผย “ย้อนกลับไปในเดือนมกราคม เลอ กิ๊ป (สื่อดังในฝรั่งเศส) ได้จัดอันดับ 15 กองหน้ายอดเยี่ยมประจำปี 2018”
“เบนเซม่าไม่ติดอันดับ และเขาก็ใช้โซเชียล มีเดีย พิมพ์ไปว่า ‘เฮ้ เลอกิ๊ป เพื่อนยาก ผมน่าจะอยู่อันดับที่ 16 ใช่มั้ย?’ น่าเศร้าที่การพูดคุยนอกสนามเหล่านั้นอาจหมายความว่าเขาไม่ได้รับเครดิตอย่างที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะในฝรั่งเศส”
สถิติการทำประตูของเขาค่อนข้างจะธรรมดาเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ช่วยให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูได้อย่างสม่ำเสมอตลอดนับตั้งแต่ย้ายมาที่ค้าแข้งสเปนตั้งแต่ปี 2009
ในช่วงนั้น มีแค่เมสซี่ (140), โรนัลโด้ (96) และ หลุยส์ ซัวเรซ (84) เท่านั้นที่แอสซิสต์ได้มากกว่าที่ เบนเซม่าทำได้ (76) จากบรรดานักเตะใน 5 ลีกใหญ่ยุโรป
“เบนเซม่าเป็นที่ชื่นชอบของผู้จัดการทีมและเหล่าผู้เล่นในเรอัล มาดริด สำหรับการช่วยดึงฟอร์มการเล่นของเพื่อนๆออกมาได้มากที่สุด” เบนเน็ตต์ กล่าวเสริม
“คุณคงเห็นกองหน้าระดับท็อปไม่กี่คนหรอกที่เล่นแบบไม่เห็นแก่ตัว แต่เบนเซม่าคือหนึ่งในนั้น เขาเป็นผู้เล่นเพื่อทีมอย่างแท้จริง”
“แข้งชาวฝรั่งเศสมีส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้ โรนัลโด้ ประสบความสำเร็จนเบอร์นาเบว ด้วยการแอสซิสต์ให้กับเขามากกว่านักเตะเรอัล มาดริด ทุกคนในลาลีก้า”
สถิติการยิงประตูของเขามักจะถูกวิจารณ์ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะมีช่วงเวลาที่เขาทำได้น้อยอยู่เหมือนกัน แต่ในฤดูกาลก่อน เขาก็พัฒนาการจบสกอร์ หลังยิงไป 30 ประตูในทุกรายการลงเล่น ซึ่งเป็นสถิติยิงมากที่สุดต่อฤดูกาลเป็นอันดับ 2 ในตลอดอาชีพค้าแข้งของเขา (มากที่สุด 32 ประตู ในฤดูกาล 2011–12)
เบนเซม่า มุ่งมั่นทำงานมากกว่าเครดิตที่เขาควรได้รับ ทั้งในและนอกสนาม ไม่มีทางที่เขาจะเล่นได้สม่ำเสมอแบบนี้ในทุกๆปี หากไม่มีความฟิตที่ยอดเยี่ยมและการใช้ชีวิตนอกสนามที่ถูกที่ควร
โดนตัดขาดจาก เลอ เบลอส์
แม้ว่า สถิติที่แสดงให้เห็นในระดับสโมสรจะทำให้เขาก้าวขึ้นไปเป็นหัวหอกระดับต้นๆของยุโรป แต่ฟอร์มการเล่นเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำให้เขากลับไปติดทีมชาติฝรั่งเศสได้เหมือนก่อน
เบนเซม่าทำประตูในลีกได้มากกว่า หัวหอกของทัพตราไก่ชุดปัจจุบัน ทั้ง อองตวน กรีซมันน์ และ อเล็กซองเดร ลากาแซตต์ เช่นเดียวกับ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ที่คว้าแชมป์โลกกับทีม โดยไม่ยิงประตูแม้แต่ลูกเดียวตลอด 7 นัดของทัวร์นาเม้นต์นั้น
แข้งวัย 31 ปี ไม่เคยสวมชุดเลอ เบลส์ เลยนับตั้งแต่มีคดีเซ็กซ์เทปอันอิ้อฉาวในปี 2015 ซึ่งทำให้เขาถูกดร็อปและอดไปเล่นศึกยูโรปี 2016 รวมไปถึงในเวิร์ดคัพฉบับหมีขาวอีก 2 ปีต่อมาด้วย
ในช่วงพักเบรกทีมชาติของเดือนนี้ ประธานสมาคมฟุตบอลแห่งฝรั่งเศส นูเอล เลอ กราต ได้กล่าวชื่นชมกองหน้าจากเรอัล มาดริด ว่าเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ปิดประตูสู่ทีมชาติของเบนเซม่าในเวลาเดียวกัน และยืนยันว่าไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน
เบนเน็ตต์ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ‘เกมสุดท้ายกับทีมชาติฝรั่งเศสของเขาคือเดือนตุลาคมปี 2015 แต่ชื่อของเขาก็ยังโผล่ขึ้นมาในทุกๆช่วงพักเบรกทีมชาติ โดยมีเหล่ากูรูหลายคนในประเทศกล่าวในลักษณะที่เศร้าใจว่า เขาคงไม่สามารถเล่นให้ทีมได้อีกต่อไปแล้ว“
เส้นทางในทีมชาติของเบนเซม่าช่างแตกต่างจากตอนที่อยู่กับโลส บลังโกส เหลือเกิน แม้แต่ในช่วงท้ายที่เล่นให้ทีมชาติฝรั่งเศส เขาก็ถูกวิจารณ์ว่าโชว์ฟอร์มในทีมชาติได้ไม่ดีเหมือนกับที่เล่นในสโมสร
และถ้าไม่มีข่าวฉาวเรื่องเซ็กซ์เทปของ มาติเยอ วัลบูเอน่า เขาก็น่าจะได้ลงเล่นเป็นกองหน้าตัวหลักแทนที่ ชิรูด์ และอาจจะได้สัมผัสถ้วยแชมป์โลกกับทีมชาติฝรั่งเศสในปีที่ผ่านมาก็เป็นได้