คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการคว้านักเตะฝีเท้าดีแบบไร้ค่าตัวในช่วงซื้อขายตลาดนักเตะ ซึ่งมีหลายคนโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมหลังย้ายไปทีมใหม่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาทั้งหมดจะทำผลงานได้ดีเกินคุ้มอย่างที่สโมสรคาดหวัง เช่นกรณีของ วิลเลี่ยน กับ อาร์เซน่อล
ปีกชาวบราซิลเลี่ยน ย้ายจาก เชลซี มาเล่นให้ ‘กันเนอร์ส’ แบบไร้ค่าตัวในซัมเมอร์ปี 2020 แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทำผลงานยอดเยี่ยมได้เลย ตลอดระยะเวลา 1 ปีเต็มๆในเอมิเรสต์ สเตเดี้ยม โดยยิงแค่ลูกเดียวจาก 37 นัดในทุกรายการ
ท้ายสุดท้ายเขากลายเป็นตัวสำรองอย่างเต็มตัว ก่อนตัดสินใจฉีกสัญญากับ ‘ปืนใหญ่’ หลังเล่นได้ปีเดียว เพื่อย้ายกลับไปเริ่มต้นใหม่กับ โครินเธียนส์ สโมสรในบ้านเกิดในซัมเมอร์นี้
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ย้ำเตือนให้สโมสรทุกแห่งบนโลกรับรู้ว่าพวกเขาอาจได้ของฟรีไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะคุ้มค่าและราคา โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากค่าเหนื่อยก้อนโตที่พวกเขาต้องจ่ายให้กับนักเตะเหล่านั้นในสัญญาระยะสั้น
UFA ARENA จึงขอพาไปพบกับ 10 แข้งที่พิสูจน์ว่าบางครั้งใช้เงินซื้อนักเตะมาร่วมทีมอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเลือกดึงแข้งไร้สังกัดค่าตัวฟรีก็เป็นได้
วินสตัน โบการ์เด้ | บาร์เซโลน่า ไป เชลซี, 2000
วินสตัน โบการ์เด้ เดินทางมาสู่ทีมดังลอนดอนเมื่อปี 2000 ด้วยดีกรีที่ไม่ธรรมดา เมื่อเคยได้แชมป์ยุโรปกับอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ปี1995 เคียงข้างนักเตะชื่อดังในยุคนั้นอย่าง เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด, แฟร้งค์ เดอ บัวร์, ยารี่ ลิตมาเน่น และคลาเรนซ์ ซีดอร์ฟ แถมเคยเล่นให้กับ เอซี มิลาน และ บาร์เซโลน่า มาแล้ว
จานลูก้า วิอัลลี่ เป็นกุนซือ ‘สิงห์บลู’ ที่ดึงตัวกองหลังชาวดัตช์มาร่วมทีม แต่เมื่อมีการเปลี่ยนกุนซือกะทันหัน เคลาดิโอ รานิเอรี่ กลับมองว่า โบการ์เด้ เป็นส่วนเกินในแผนการทำทีมของเขา
แม้ว่าทีมจะต้องการขาย โบการ์เด้ ออกไป แต่เขาก็อยู่กับทีมจนครบสํญญา 4 ปี กับค่าเหนื่อย 40,000 ด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งถือว่าสูงมากในสมัยนั้น โดยลงเล่นเพียง 9 นัดในลีก ก่อนแขวนสตั๊ดทันทีในปี 2004
มาร์ค บอสนิช | แมนฯยูไนเต็ด ไป เชลซี, 2000
แม้ถูกตราหน้าว่าไม่มีความเป็นมืออาชีพจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่ มาร์ค บอสนิช ก็เป็นนักเตะคนเดียวที่ เฟอร์กี้ เคยคว้ามาร่วมทีมถึง 2 หน ในแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยกลับมาอีกครั้งในปี 1999 แต่การมาของ ฟาเบียน บาร์กเตซ ทำให้เขาตัดสินใจลา โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อีกครั้งในปี 2001
เชลซี ไม่ปล่อยให้โอกาสทองหลุดมือด้วยการยื่นข้อเสนอให้นายทวารชาวออสซี่ 18 เดือน เพื่อเข้ามาแย่งตำแหน่งมือหนึ่งกับ คาร์โล คูดิชินี่ ในสแตมฟอร์ด บริดจ์ ทว่าสุดท้าย เขาลงเฝ้าให้ทีมแค่ 11 นัดในทุกรายการ พร้อมถูกตะเพิดพ้นสโมสรในปี 2002 หลังจากที่ไม่ผ่านการตรวจโด๊ปยาในเดือนกันยายน 2002 อีกทั้งการเสพติดโคเคนทำให้ บอสนิช หมดอาชีพในวงการฟุตบอลอาชีพโดยปริยาย
เอียน รัช | ลิเวอร์พูล ไป ลีดส์, 1996
หลังหมดสัญญากับการเล่นให้ ลิเวอร์พูล ช่วงที่ 2 ในซัมเมอร์ปี 1996 เอียน รัช ก็ถูกลีดส์ ยูไนเต็ด ที่จบอันดับที่ 13 ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลก่อน กระชากตัวไปร่วมทีม
อย่างไรก็ตาม กองหน้าชาวเวลส์วัย 34 ปีในขณะนั้น ไม่ได้เฉียบคมเหมือนช่วงพีกกับ ‘หงส์แดง’ อีกแล้ว แม้ แฟนยูงทอง จะพยายามหนุนหลังมากแค่ไหนก็หนีความจริงไม่พ้น เพราะ รัช ยิงเพียง 3 ประตูจาก 43 นัดในทุกรายการ ก่อนย้ายหนีไป นิวคาสเซิล หลังจบฤดูกาล 1996-97
โจ โคล | เชลซี ไป ลิเวอร์พูล , 2010
“เมสซี่ สามารถทำสิ่งที่สุดยอดได้ แต่ทุกอย่างที่เขาทำได้ โจ ก็ทำได้ดีเช่นกัน” สตีเวน เจอร์ราร์ด กองกลางกัปตันทีม ลิเวอร์พูล กล่าวไว้ในปี 2010 หลังทีมของเขาคว้า โจ โคล จาก เชลซี แบบไร้ค่าตัว พร้อมค่าเหนื่อยอีก 90,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ พร้อมเชื่อว่าแข้งป้ายแดงมีลุ้นคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมในฤดูกาลด้วย
แต่ความเป็นจริงแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้ามกับที่ เจอร์ราร์ด ทำนายไว้ลิบลับ เมื่อ อดีตปีกทีมชาติอังกฤษ โดนใบแดงตั้งแต่เกมประเดิมเกมลีกให้ ‘หงส์แดง’ แถมโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานจนไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งเหมือนตอนเล่นให้ ‘สิงห์บลู’ ได้เลยตลอดฤดูกาล 2010-11 ก่อนถูกปล่อยให้ ลีลล์ ยืมใช้งานในฤดูกาลต่อมา
โชเซ่ โบซิงวา | เชลซี ไป คิวพีอาร์ , 2012
การย้ายฟรีที่สร้างความวุ่นวายให้ทีมของจริง เมื่อ โชเซ่ โบซิงวา ย้ายไปเล่นในถิ่น ลอฟตัส โร้ด เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2012 หลังก่อนหน้าเพิ่งคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก กับ เชลซี เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว
แบ็คชาวโปรตุกีส กดประตูแรกให้ทีมได้หลังลงเล่นเพียง 2 นัด ทำให้แฟน คิวพีอาร์ ดูปลื้มใจไม่น้อย แต่สุดท้ายเขาก็สร้างปัญหาขึ้นจนได้ เมื่อปฏิเสธเป็นตัวสำรองในเกมดาร์บี้พบ ฟูแล่ม เดือนธันวาคม จนถูกปรับเงิน 2 สัปดาห์ ก่อนที่ในเวลาต่อมา เขาจะสร้างความหงุดหงิดให้แฟน เมื่อมีภาพของเขากำลังหัวเราะชอบใจ หลังทีมเสมอกับ เร้ดดิ้งแบบไม่สกอร์ ซึ่งยืนยันการตกชั้นอย่างเป็นทางการของ คิวพีอาร์ ในเดือนเมษายน
ไมเคิล โอเว่น | แมนฯยูไนเต็ด ไป สโต๊ค, 2012
ไมเคิล โอเว่น ที่หมดสัญญาใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ย้ายไปเล่นกับ สโต๊ค ในยุคของ โทนี่ พูลิส แบบไร้ค่าตัวในปี 2012 ด้วยความหวังในการลงเล่นให้ทีมสม่ำเสมอมากขึ้น แต่อาการบาดเจ็บก็ทำการเริ่มต้นกับทีมใหม่ของสะดุดลง อีกทั้งยังไม่สามารถแย่งตำแหน่งตัวจริงจาก ปีเตอร์ เคร้าช์ ได้เลย
อดีตดาวยิง ลิเวอร์พูล ไม่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมพรีเมียร์ลีกแม้แต่นัดเดียวให้กับ ‘ช่างปั้นหม้อ’ โดย 8 จาก 9 นัดในทุกรายการ มาจากการลงเล่นเป็นตัวสำรอง และยิงแค่ประตูเดียว ก่อนตัดสินใจแขวนสตั๊ดในซัมเมอร์ปี 2013
โรแบร์ ปิแรส | บียาร์เรอัล ไป แอสตัน วิลล่า, 2010
อดีตปีกชุดแชมป์ไร้พ่ายของ อาร์เซน่อล อย่าง ปิแรส กลับมาค้าแข้งในลีกอังกฤษอีกครั้งในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่ลาทีมจากลอนดอนเหนือ โดยหนนี้เขาย้ายไปเล่นกับ แอสตัน วิลล่า ด้วยสัญญา 6 เดือนในเดือนพฤศจิกายนปี 2010
แต่ชัดเจนว่า ดาวเตะวัย 37 ปี ในขณะนั้นผ่านช่วงเวลาที่ดีที่สุดในอาชีพไปเรียบร้อยแล้ว และไม่สามารถทำผลงานได้น่าประทับใจได้ตลอด 9 นัดที่ลงเล่นให้ ‘สิงห์ผงาด’ ภายใต้การดูแลของ เชราร์ อุลลิเย่ร์
นิโคลาส์ อเนลก้า | เซี้ยงไฮ้ เสิ่นหัว ไป เวสต์บรอม, 2013
หลังเคยค้าแข้งกับ อาร์เซน่อล, ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, โบลตัน และ เชลซี นิโคลาส์ อเนลก้า ย้ายมาเล่นให้ เวสต์บรอม เป็นสโมสรที่ 6 ของเขาในพรีเมียร์ลีก หลังย้ายจาก เซี้ยงไฮ้ เสิ่นหัว ในปี 2013
ปัญหาเรื่องพฤติกรรมชวนปวดหัวคือสิ่งที่หอกเฟรนช์แมนถูกพูดถึงอยู่บ่อยๆตลอดอาชีพค้าแข้ง และในวัย 34 ปี ก็ยังมีให้เห็นอยู่ เมื่อเขาแสดงท่าดีใจที่สื่อถึงการต่อต้านชาวยิวในแมตช์เสมอกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-3
อเนลเก้า ถูกสโมสรสั่งพักงานชั่วคราว หลังโดนเอฟเอ ปรับเงินและแบนเป็นเวลา 5 นัด ก่อนท้ายที่สุด เขาจะไม่ได้ลงเล่นให้ ‘เดอะ แบ็กกี้ส์’ อีกเลย หลังยกเลิกสัญญากับสโมสรในเวลาต่อมา
วิคตอร์ บัลเดส | บาร์เซโลน่า ไป แมนฯยูไนเต็ด, 2015
ปัญหาอาการบาดเจ็บหนักที่หัวเข่าทำให้เส้นทางของ วิคตอร์ บัลเดส กับ บาร์เซโลน่า ต้องจบลงในปี 2014 หลังเจ้าตัวประกาศว่าจะไม่ต่อสัญญากับทีมหลังซัมเมอร์ปีนั้น
หลังเข้ามาฝึกซ้อมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรก็ตัดสินใจคว้าเข้ามาร่วมทีมในฐานะฟรีเอเย่นต์ช่วงเดือนมกราคมปี 2015 อย่างไรก็ตาม นายทวารชาวสแปนิช ก็เป็นได้แค่เพียงอะไหล่สำรองของ ดาบิด เคอา นายด่านรุ่นร้องร่วมชาติอยู่ดี แถมจบไม่สวยด้วยการถูกตะเพิ่ดพ้นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หลังอยู่ในทีมแค่ 6 เดือน เนื่องจากปฏิเสธลงเล่นในทีมชุดสำรอง
โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ | แมนฯยูไนเต็ด ไป แมนฯซิตี้, 2011
ด้วยดีกรีแชมป์บุนเดสลีก้า 4 สมัยกับ บาเยิร์น มิวนิค และ แชมป์พรีเมียร์ลีกกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมไปถึงถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกกับทั้ง 2 ทีมอย่างละสมัย ทำให้ไม่มีใครสงสัยในความสามารถของ โอเว่น ฮาร์กรีฟส์
ในซัมเมอร์ปี 2011 กองกลางชาวอังกฤษ หมดสัญญากับ ‘ปีศาจแดง’ แต่ก็พิสูจน์ตัวเองอย่างหนักว่ายังฟิตเต็มถังผ่านวีดีโอบนยูทูป และดูเหมือนว่าจะโน้มน้าว แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรอริของทีมเก่าได้สำเร็จ หลังมอบสัญญาให้เขาเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งก็ดูเป็นช่วงที่ดีไม่น้อยในการย้ายข้ามฟากจากสีแดงมาเป็นสีฟ้า เมื่อ ‘เรือใบสีฟ้า’ คว้าแชมป์ลีกในรอบ 44 ปีได้สำเร็จ
แต่น่าเศร้าสำหรับ ฮาร์กรีฟส์ เพราะเขาได้ลงเล่นแค่เกมเดียวในพรีเมียร์ลีก ทำให้หมดสิทธิ์ได้เหรียญแชมป์ลีกไปคล้องคอ ก่อนตัดสินใจแขวนสตั๊ดในปี 2012 ด้วยวัยเพียง 31 ปีเท่านั้น