ไม่อยากเชื่อสายตา : รวม 10 แมตช์สุดพลิกล็อกในประวัติศาสตร์ยูโร

 

ตลอดการแข่งขันศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ที่จัดขึ้นนานกว่า 61 ปีเต็มไปด้วยเรื่องราวและผลการแข่งขันสุดเซอร์ไพรส์กว่าที่หลายคนคาดคิด 

 

ไล่ตั้งแต่ เดนมาร์ก ทีมนอกสายตาสู่แชมป์ยูโร 1992, กรีซกับแชมป์เทพนิยายในปี 2004 หรือ ไอซ์แลนด์กับการเล่นปีแรกสุดปังในยูโร 2016 รวมไปถึงเกมการแข่งขันในแต่ละปีที่เกิดการพลิกล็อกขึ้นแบบที่หลายคนไม่เชื่อสายตา

 

ในยูโร 2020 หนล่าสุด ก็เกือบเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม เมื่อ ฮังการี ทีมเต็งบ๊วยกลุ่ม F กลุ่มออฟเดธประจำทัวร์นาเม้นต์ ขึ้นนำ แชมป์โลก 4 สมัยอย่าง เยอรมัน ถึง 2 ครั้ง 2 ครา จนเกือบมีลุ้นเข้ารอบน็อคเอ้าท์ น่าเสียที่ ‘อินทรีเหล็ก’ ฮึดสู้ตีเสมอเป็น 2-2 จนทำให้ ‘แม็กย่าร์’ ตกรอบแบ่งกลุ่มไปตามคาด

 

แม้ยังไม่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น แต่เชื่อว่าในรอบน็อคเอ้าท์ของยูโร 2020 อาจมีเกมให้แฟนบอลช็อกตาตั้งก็เป็นได้ และด้วยเหตุนี้ UFAARENA จึงขอพาไปย้อนรำลึกถึง 10 เกมสุดพลิกล็อกมากที่สุดในประวัติศาสตร์ยูโร ตลอด 61 ปีที่ผ่านมา

 

 

อังกฤษ 0-1 ยูโกสลาเวีย | ยูโร 1968 รอบรองชนะเลิศ

 

 

หลังคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาครองเมื่อ 2 ปี ทีมชาติอังกฤษ ต้องพบกับ ยูโกสลาเวีย เพื่อเป็นใบเบิกทางไปเล่นในนัดชิงชนะเลิศศึกยูโร 1968 ที่อิตาลีเป็นเจ้าภาพ แต่นั่นกลับไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีสำหรับทีมของ อัลฟ์ แรมซี่ย์ เลย

 

แม้ ‘สิงโตคำราม’ ชุดนั้นเต็มไปด้วยยอดแข้งมากมาย ทั้ง บ็อบบี้ ชาร์ลตัน, บ็อบบี้ มัวร์, กอร์ดอน แบงค์ส และ เจฟฟ์ เฮิร์ตส์ แต่ทีมเลือดผู้ดี ก็โดนทีเด็ดของ ดรากัน ซายิช ยิงประตูชัยเข้าในนาที 86 ปิดประตูคว้าแชมป์เมเจอร์อีกรายการของ อังกฤษ โดยปริยาย

 

 

เยอรมันตะวันตก 0-1 สเปน | ยูโร 1984 รอบแบ่งกลุ่ม

 

 

เยอรมันตะวันตก เจ้าภาพศึกยูโร 1984 ต้องการเพียงแค่แต้มเดียวเท่านั้น ก็จะผ่านเข้ารอบตัดเชือกในฐานะรองแชมป์กลุ่ม และด้วยดีกรีแชมป์เก่าในปี 1980 ทำให้พวกเขามั่นใจว่าจะทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ

 

อย่างไรก็ตาม คู่แข่งนัดสุดท้ายอย่าง สเปน ไม่คิดเช่นนั้น แม้ในเวลานั้นพวกเขาไม่ใช่ทีมเบอร์ต้นๆ ในยุโรป แต่ก็เอาชนะทีมของ จุ๊ปป์ แดร์วอลล์ ไปได้ จากประตูชัยนาทีสุดท้ายของ อันโตนิโอ มาเคด้า

 

ประตูโทนในนัดดังกล่าวส่งผลให้ ‘อินทรีเหล็ก’ เก็บของกลับบ้านทันที ส่วน ‘กระทิงดุ’ ก็ผ่านเข้าไปเล่นถึงรอบชิงชนะเลิศ ก่อนพ่ายให้กับ ฝรั่งเศส ที่มี มิเชล พลาตินี่ เป็นจอมทัพ และดาวเด่นประจำทัวร์นาเม้นต์

 

 

โปรตุเกส 1-2 กรีซ | ยูโร 2004 รอบแบ่งกลุ่ม

 

 

หนึ่งในช่วงเวลามหัศจรรย์ในซัมเมอร์ที่ กรีซ ไม่มีทางลืม กับการคว้าแชมป์ยูโรแบบหักปากกาเซียนเหนือ โปรตุเกส เจ้าภาพในปี 2004

 

‘ฝอยทอง’ ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมตลอดในทัวร์นาเม้นต์ดังกล่าว แต่ทีมเดียวที่พวกเขาพ่ายแพ้ให้ตลอดเช่นกันก็คือ กรีซ เพราะนอกจากในเกมนัดชิงแล้ว พวกเขาก็ดวลกันมาก่อนแล้วในรอบแบ่งกลุ่ม ก่อนโคจรมาพบกันอีกครั้งในนัดสุดท้ายของรายการ

 

ทีมของ หลุยส์ ฟิลิเป้ สโคลารี่ ที่อุดมไปด้วยสตาร์ดังมากมาย สุดท้ายก็พ่ายให้กับ ทีมแดนเทพนิยายของ อ็อตโต้ เรห์ฮาเกล ในนัดประเดิมสนามของยูโรที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพด้วยสกอร์ 2-1

 

 

ยูเครน 0-2 ไอร์แลนด์เหนือ | ยูโร 2016 รอบแบ่งกลุ่ม

 

 

“บางที มันอาจเป็นสิ่งที่ยังไม่เลือนหายไปทั้งหมดในอีก 30 หรือ 40 ปีข้างหน้าก็เป็นได้”

 

นี่คือคำกล่าวและมุมมองของ เนลล์ แม็คกินน์ ผู้ยิงประตูอันโด่งดังในยูโร 2016 หลังจาก ลูกโหม่งของ แกเร็ธ แม็คออลลี่ย์ ช่วยให้ ไอร์แลนด์ เอาชนะ ยูเครน 2-0 และกลายเป็นชัยชนะครั้งแรกของพวกเขาในรายการเมเจอร์รอบสุดท้าย นับตั้งแต่ปี 1982 อีกด้วย

 

และชัยชนะนัดเดียววันนั้นในรอบแบ่งกลุ่ม ก็เพียงพอให้ทีมของ ไมเคิ่ล โอนีลล์ ผ่านเข้าไปเล่นในรอบน็อคเอ้าท์ได้สำเร็จ

 

 

ประเทศเครือรัฐเอกราช 0-3 สกอตแลนด์ | ยูโร 1992 รอบแบ่งกลุ่ม

 

 

“เมื่อพวกนายออกไปสนามในวันนี้ พวกนายจะทำสิ่งที่ไม่มีนักเตะสกอตติชคนไหนเคยทำมาก่อน” แอนดี้ ร็อกเบอระ เฮดโค้ชทีมชาตสกอตแลนด์ กล่าวกับลูกทีม ก่อนประเดิมศึกยูโรหนแรกในปี 1992

 

หลังพ่ายให้ เนเธอร์แลนด์ ในนัดแรก และ เยอรมัน ในเกมต่อมา ทำให้ ทีม วิสกี้ ตกรอบแล้วแน่นอน แต่พวกเขาก็สร้างความทรงจำในทัวร์นาเม้นต์กับชัยชนะครั้งแรกในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มที่ดวลกับ ประเทศเครือรัฐเอกราช หรือ CIS กลุ่มประเทศที่เกิดขึ้นหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต

 

พอล แม็คสเตย์, ไบรอัน แม็คแคลร์ และ แกรี่ แม็คอัลลิสเตอร์  ช่วยกันกดคนละประตูให้ทีมเอาชนะไปได้ 3-0 ทิ้งท้ายศึกยูโร 1992 แบบสวยงามสำหรับชาวสกอตทั่วประเทศ

 

 

เนเธอร์แลนด์ 0-1 เดนมาร์ก | ยูโร 2012 รอบแบ่งกลุ่ม

 

 

“เราบอกเลยว่าเราอิจฉาทีมดัตช์เล็กน้อยเหมือนกันนะ เราไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับพวกเขา พวกเขาเป็นตัวเต็ง ไม่ต้องสงสัยในเรื่องนั้นเลย”

 

นี่คือแถลงการณ์ของ มอร์เตน โอลเซ่น นายใหญ่ทีมชาติเดนมาร์ก ก่อนเกมดวล เนเธอร์แลนด์ ของ เบิร์ต ฟาน มาร์ไวจ์ ที่ยอมรับว่าทีมของเขาเป็นตัวเต็งเช่นกันในปี 2012 แต่มองย้อนกลับไปแล้วนี่อาจเป็นเกมจิตวิทยาของกุนซือทีม ‘โคนม’ ก็เป็นได้

 

อัศวินสีส้ม ที่มีดีกรีรองแชมป์โลก เมื่อ 2 ปีก่อน ติดสตั๊นเมื่อโดน ไมเคิ่ล โครห์น-เดห์ลี่ ยิงประตูให้ เดนมาร์ก เอาชนะไปได้ 1-0 ในเกมแรก ก่อนที่พลพรรค ‘ออรันเย่’ จะตกรอบแบ่งกลุ่มในฐานะบ๊วย โดยเอาชนะใครไม่ได้เลย

 

เดนมาร์ก แม้หักปากกาเซียนได้ในเกมนั้น แต่พวกเขาก็ไม่ผ่านรอบแบ่งกลุ่มเช่นกัน

 

 

เดนมาร์ก 2-0 เยอรมัน | ยูโร 1992 นัดชิงชนะเลิศ

 

 

จากที่ตกรอบไปแล้ว เดนมาร์ก กลับได้ส้มหล่นไปเล่นยูโรรอบสุดท้ายในปี 1992 แทนที่ ยูโกสลาเวีย ที่มีปัญหาการเมืองภายในประเทศ ทั้งๆ ที่ไม่กี่วันทัวร์นาเม้นต์จะเริ่มแข่งขันแล้ว

 

เป้าหมายของทัพ ‘โคนม’ ก็มีเพียงแค่ทำให้ดีที่สุดเท่านั้นโดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์อย่างอื่น แต่พวกเขาไปไกลกว่าที่คิด ทั้งพลิกล็อกเอาชนะ ฝรั่งเศส ในรอบแบ่งกลุ่ม หรือ ชนะการดวลจุดโทษเหนือเนเธอร์แลนด์ ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย

 

แต่ที่เหนือความคาดหมายที่สุดคือการผ่านเข้าไปเล่นนัดชิง พบเต็งหนึ่งอย่าง เยอรมัน เต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์ล้นทีม และเอาชนะ 2-0 จากผลงานของ จอห์น แจนเซ่น และ คิม วิลฟอร์ท ส่งให้  เดนมาร์ก คว้าแชมป์ฟุตบอลยูโรสมัยแรกและสมัยเดียวของพวกเขาแบบช็อกแฟนบอลทั่วโลก

 

 

เบลเยี่ยม 1-3 เวลส์ | ยูโร 2016 รอบ 8 ทีมสุดท้าย

 

 

“ถ้าผมเป็นประธานสโมสรในพรีเมียร์ลีก ผมคงเซ็นสัญญาคว้า ฮาล ร็อบสัน-คานู ไปร่วมทีมเป็นรายต่อไปแน่” จอห์น ฮาร์ตสัน อดีตกองหน้าทีมชาติเวลส์ กล่าวไว้ เมื่อ  5 ปีก่อน หลังทีมบ้านเกิดของเขาสร้างเกมที่เหลือเชื่ออีกนัดในวงการลูกหนัง

 

นั่นอาจเป็นค่ำคืนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล เวลส์ ก็เป็นได้กับเกม ยูโร 2016 รอบ 8 ทีมสุดท้ายที่ต้องดวลกับ เบลเยี่ยม และเอาชนะไปได้ 3-1 จากประตูของ แอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์, ร็อบสัน-คานู ที่ตอนนั้นยังเป็นแข้งไร้สังกัด และตัวสำรองอย่าง แซม โวคส์

 

นอกจากนี่เป็นทัวร์นาเม้นเมเจอร์ครั้งแรกของทีม ‘มังกรแดง’ แล้ว ยังเป็นครั้งแรกที่ทีมของ คริส โคลแมน ผ่านเข้าไปเล่นในรอบตัดเชือกในทัวร์นาเม้นต์ใหญ่อีกด้วย

 

 

ฝรั่งเศส 0-1 กรีซ | ยูโร 2004 รอบ 8 ทีมสุดท้าย

 

 

ถ้าพูดกันตรงๆ ณ เวลานั้น หลายคนคิดว่า กรีซ ของ อ็อตโต้ เรห์ฮาเกล คงจอดแค่รอบ 8 ทีมสุดท้ายในยูโร 2004 แล้ว เมื่อต้องเจอกับแชมป์เก่าอย่าง ฝรั่งเศส 

 

ไม่แปลกที่จะเป็นเช่นนั้น เพราะ ‘เลอ เบลอส์’ ชุดดังกล่าวเต็มไปด้วยแข้งระดับโลกมากมาย ทั้ง ซีเนดีน ซีดาน, โคล้า มาเกเลเล่ หรือ โรแบร์ ปิแรส กับ เธียร์รี่ อองรี ที่อยู่ในช่วงพีกสุดๆ หลังคว้าแชมป์ไร้พ่ายกับ อาร์เซน่อล มาหมาดๆ

 

แต่ ‘ตราไก่’ ก็ไม่สามารถเจาะประตูคู่แข่งได้ อีกครั้งยังมาโดนลูกโหม่งของ แองเกลอส คาริสเตียส ส่งให้ ทีมแดนเทพนิยาย ทะลุเข้าไปเล่นรอบตัดเชือกกับ เช็ก ก่อนสร้างประวัติศาสตร์ที่ยากจะลืมเลือนในเวลาต่อมา

 

 

อังกฤษ 1-2 ไอซ์แลนด์ | ยูโร 2016 รอบ 16 ทีมสุดท้าย

 

 

“เราทั้งหมดเชื่อมั่น คนทั้งโลกอาจไม่ แต่เราเชื่ออย่างนั้น” คารี่ อาร์นาสัน กองหลังทีมชาติไอซ์แลนด์  กล่าวหลังจากที่ทีมของเขา สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นม้ามืด เอาชนะ อังกฤษ ของ รอย ฮอดจ์สัน ไปได้แบบที่ไม่มีใครคิดว่าจะเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นจริง

 

แฟนบอลผู้ดีหลายคนก็เห็นตรงกันว่านี่เป็นฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่ที่สุดครั้งหนึ่งของ สิงโตคำราม ในทัวร์นาเม้นต์ใหญ่รอบสุดท้ายเลย เมื่อโดนทีมชาติที่ไม่มีนักฟุตบอลอาชีพมากมาย พลิกแซงชนะไปได้

 

เวย์น รูนี่ย์ ยิงจุดโทษให้ อังกฤษ ขึ้นนำได้ก่อนก็จริงในนาทีที่ 4 แต่โดนตีเสมออย่างรวดเร็วจาก รักนาร์ ซิเกิร์ดส์สัน ในนาทีที่ 6 จนทำให้เกมช็อตไปดื้อๆ ก่อนที่ โคลเบนน์ ซิกธอร์สสัน จะยิงขึ้นนำให้ในนาทีที่ 18 ของเกม และกลายเป็นประตูชัยให้ทีม ‘ยักษ์น้ำแข็ง’ เข้าไปเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ทั้งๆที่นี่คือหนแรกที่พวกเขาได้เล่นในทัวร์เม้นต์ใหญ่ก็ตาม