เกมแห่งศักดิ์ศรี : 10 เกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ที่ดีที่สุดตลอดกาล

แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้

แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ คือหนึ่งในเกมดาร์บี้ที่ดุเดือดเลือดพล่านมากที่สุดในลูกหนัง ซึ่งเต็มไปด้วยรสชาติที่หลากหลายในการแข่งขัน พร้อมทั้งเหตุการณ์ที่น่าจดจำไม่รู้ลืม

และในช่วง 10 ปีหลังที่ผ่านมา  แฟนบอลทั่วโลกเริ่มให้ความสนใจกับเกมการแข่งขันนี้มากขึ้น หลัง ‘เรือใบสีฟ้า’ เปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็นทีมอันดับต้นๆในอังกฤษ เทียบเคียงกับ ‘ปีศาจแดง’ จนตอนนี้แซงหน้าทีมอริร่วมเมืองฝ่ายแดงไปแล้วพอตัว

แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ความน่าสนใจในเกมนี้ลดลงแต่อย่างใด และในคืนวันอาทิตย์นี้ ทั้งคู่จะเปิดฉากศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ครั้งที่ 187 และส่งผลต่ออันดับในตารางของพวกเขาไม่ต่างจากการแข่งขันครั้งที่ผ่านๆมา

ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จึงพาทุกท่านไปย้อนรำลึก 10 เกมดาร์บี้สุดมันส์จากเมืองแมนเชสเตอร์ที่ดีสุดตลอดกาล นับตั้งแต่แข่งขันกันครั้งแรกในปี 1881

 

แมนยูไนเต็ด 0-1 แมนซิตี้, 1974

เมื่อ เดนนิส ลอว์ ลูกยิงตอกส้นเป็นประตูใส่ทีมเก่า ทำให้เขากลายเป็นคนที่ปิดฉากเส้นทาง 36 ปีในลีกสูงสุดของ ‘ปีศาจแดง’ แต่ถึงแข้งชาวสก็อตจะไม่ได้ยิงประตูในเกมนั้น พวกเขาก็ต้องตกชั้นอยู่ดี เนื่องจากเบอร์ฮิ่งแฮม เอาชนะนอริช ได้ในเกมสุดท้ายของลีก

ลอว์ ไม่ได้แสดงอาการดีใจแต่อย่างใด และถูกเปลี่ยนตัวทันทีหลังจากนั้น ซึ่งในเวลาต่อมา เขาก็ไม่ลงเล่นให้ ‘เรือใบสีฟ้า’ อีกเลย และนั่นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้เป็นอย่างดี เพราะหัวหอกแดนวิสกี้ใช้เวลา 11 ปีในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ยิงประตูไปมากถึง 237 ลูกจาการลงเล่น 404 นัด ก่อนจะถูกปล่อยออกจากทีมในซัมเมอร์ปี 1973 ด้วยวัย 33 ปี

เกมวันนั้นไม่ได้มีการเป่านกหวีดจบการแข่งขัน หลังแฟนบอล ‘ปีศาจแดง’ บุกเข้าในโรงละครแห่งความฝัน โดยที่เหลือเวลาอีก 5 นาที แต่นั่นก็ไม่ได่ทำให้ผลการแข่งขันเปลี่ยนไป ส่งผลให้ทีมสีแดงจากแมนเชสเตอร์ต้องหล่นไปเล่นในดิวิชั่น 2 แต่ก็หล่นได้แค่ปีเดียวเท่านั้นก็เลื่อนชั้นขึ้นมาได้

 

แมนยูไนเต็ด 4-3 แมนซิตี้, 2009

Owen breaks City hearts | Football News | Sky Sports

นี่เป็นเกมแรกจากทั้งหมด 4 ครั้ง ที่ทั้ง 2 ทีมต้องพบกันในฤดูกาล 2009-10 และมันเป็นเกมที่สนุกเข้มข้นมากๆ จนใครหลายคนอาจยกให้นี่เป็นเกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ที่ดีที่สุดตลอดกาลเลยก็ว่าได้

แมนซิตี้เสริมทัพไปมากกว่า 100 ล้านปอนด์ ในซัมเมอร์นั้น ไม่ว่าจะเป็น เอ็มมานูเอล อเดบายอร์, โจลีออน เลสคอตส์, และ คาร์คอส เตเบซ อดีตแข้งปีศาจแดง ทว่าเกมวันนั้นไม่ใช่สิ่งที่เงินจะสามารถช่วยพวกเขาเอาชนะคู่อริร่วมเมืองได้

ทีมของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ขึ้นนำในเกมนั้นถึง 3 ครั้ง แต่ ‘เรือใบสีฟ้า’ ก็ยังตามตีเสมอได้ทั้งหมด แต่แล้วในนาทีที่ 96 ไมเคิ่ล โอเว่น ก็ทำประตูชัยให้ ‘ปีศาจแดง’ คว้า 3 แต้มสำคัญในบ้านได้สำเร็จ

 

แมนยูไนเต็ด 1-1 แมนซิตี้, 2001

หลายคนไม่ได้จดจำว่านี่เป็นการแข่งขันที่สนุกตื่นเต้นในเชิงลูกหนังนัก แต่เป็นเรื่องความแค้นของ รอย คีน กับ อัลฟ์ อิงเก้ ฮาแลนด์ ที่รอวันสะสางนานถึง 4 ปีเต็ม ต่างหาก

เรื่องมันเริ่มมาจาก กัปตัน ‘ปีศาจแดง’ โดนแข้งชาวนอร์เวย์ซึ่งเล่นให้ ลีดส์ อยู่ ณ ตอนนั้น กล่าวหาว่าแกล้งเจ็บ ในปี 1997 ทั้งๆที่เขาเจ็บจริงๆและต้องพักยาวไปทั้งฤดูกาลเลย ทำให้ คีโน่ รอวันล้างแค้นในอีก 4 ปีต่อมา ด้วยการเปิดปุ่มใส่หน้าแข้งของ ฮาแลนด์ แบบชัดเจน และถูกใบแดงไล่ออกสนาม โดนแบนอีก 3 เกม พร้อมกับถูกปรับเป็นเงิน 5,000 ปอนด์ 

แถมในภายหลัง แข้งชาวไอร์แลนด์ก็ยืนยันว่าตนไม่ได้เสียใจกับการกระทำในครั้งนั้นของตน และน่าจะเล่นงานคู่อริของตนให้มากกว่านี้ ผ่านทางหนังสืออัตชีวประวัติ

อย่างไรก็ตาม ฮาแลนด์ไม่ได้ปิดฉากอาชีพค้าแข้งเพราะเหตุการณ์นั้น เพราะตัวเขาเองมีปัญหาเรื้องรังที่หัวเข้าซ้ายอยู่แล้ว ก่อนจะจำใจแขวนสตั๊ดไปในปี 2003 

สำหรับคนที่อยากรู้ผลในเกมนั้น เท็ดดี้ เชอร์ริงแฮม ซัดจุดโทษให้ ‘ปีศาจแดง’ ขึ้นไปก่อนในช่วงครึ่งหลัง แต่ สตีฟ ฮาวี่ย์ ก็ยิงประตูช่วยให้ ซิตี้ บุกมาแบ่งแต้มได้ในช่วงท้ายเกม

  

แมนซิตี้ 2-3 แมนยูไนเต็ด 1993

แฟนบอลซิตี้ในสนาม เมน โร้ด ร้องเพลงล้อเลียน ทีมอริร่วมเมืองที่ไปเสมอ กาลาตาซารายในบ้าน 3-3 ณ ศึกแชมเปี้ยนส์ลีก ทั้งๆที่นำก่่อน 2 ประตู และพวกเขาก็ดีใจมากขึ้นไปอีก เมื่อ นีล ควินน์ โหม่ง 2 ประตูให้ ‘เรือใบสีฟ้า’ ออกนำยูไนเต็ดไปก่อน 2-0 ในครึ่งแรก

แต่จากความผิดพลาดของ ไมเคิล วองค์ ที่โหม่งคืนหลังไม่ดี ทำให้ เอริค คันโตน่า ฉกบอลเข้าไปยิงประตูตีไข่แตกได้ และหัวหอกชาวฝรั่งเศสยิงเพิ่มเป็นลูกตีเสมอ 2-2 ในนาทีที่ 78 ก่อนที่ คีน จะยิงประตูปิดกล่องให้ทีมพลิกแซงเป็น 3-2 ในช่วง 3 นาทีสุดท้ายก่อนหมดเวลา

นั่นกลายเป็น 3 แต้มสำคัญที่ทำให้ทีมของเฟอร์กี้คว้าแชมป์ลีกได้เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน พร้อมพ่วงแชมป์เอฟเอ คัพ ไปด้วย ขณะที่ซิตี้ก็เกือบไม่รอด เมื่อจบอันดับที่ 16 ในตาราง โดยมีแต้มห่างจากโซนตกชั้นแค่ 3 คะแนนเท่านั้น

 

แมนยูไนเต็ด 1-6 แมนซิตี้, 2011

โรแบร์โต้ มันชินี่ เป็นหนึ่งในกุนซือไม่กี่คนบนโลกใบนี่ที่บุกมาเหยียบจมูกเฟอร์กี้ได้ถึงโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ซึ่งนายใหญ่ชาวสก็อตเอ่ยปากยอมรับเลยว่าเกมในวันนั้นคือวันที่แย่ที่สุดที่เขาทำงานกับ ‘ปีศาจแดง’ เลย

มาริโอ บาโลเตลลี่ ยิงประตูแรกได้ในนาทีที่ 22 พร้อมกับฉลองประตูด้วยเสื้อที่มีข้อความว่า ‘ทำไมต้องเป็นฉันตลอด?’ (ก่อนที่อีกวันต่อมาเขาจุดพลุในบ้านตัวเอง) แต่จุดเปลี่ยนสำคัญคือใบแดงของ จอนนี่ อีแวนส์ ทำให้ซิตี้กุมความได้เปรียบเข้าไปใหญ่ และบวกประตูเพิ่มแบบไม่เกรงใจจาก บาโลเตลลี่, อเกวโร่, เชโก้ (2 ลูก) และ ซิลบา ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 

และในตอนท้ายฤดูกาล ทีมของ ‘มันโช่’ ก็เป็นฝ่ายปาดหน้าคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปได้ด้วยผลประตูได้เสียที่ดีกว่าเท่านั้น หลังมีแต้มเท่ากันในนัดสุดท้ายที่ 89 คะแนน

     

แมนซิตี้ 4-1 แมนยูไนเต็ด, 2004

แมนยูไนเต็ดได้บุกไปเยือนสนาม ซีตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2003-04 ซึ่งในขณะนั้น ทีมของเฟอร์กี้ ตามหลังอาร์เซน่อลชุดไร้พ่ายอยู่ 12 แต้ม ทำให้ต้องการคว้า 3 แต้มเพื่อตามจี้ ‘ปืนใหญ่’ ให้ถึงที่สุด แต่การเจอ ‘เรือใบสีฟ้า’ ที่กำลังหนีตกชั้นอยู่กลับกลายเป็นจุดจบที่ทำให้พวกเขาหมดโอกาสตามทีมของ เวนเกอร์ ไปโดยปริยาย

ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ซัดประตูแรกให้เข้าบ้านขึ้นไปก่อน จากนั้นอดีดแข้งเยาวชนของยูไนเต็ด จอน แม็คเค่น ก็ยิงประตูขึ้นนำเพิ่มอีกลูก แม้พอล สโคลส์ จะตีไข่แตกได้ใน 3 นาทีหลังจากนั้น ความผิดพลาดของ มิกาแอล ซิลแวสต์ ก็ทำให้ เทรเวอร์ ซินแคลร์ ยิงทิ้งห่างไปอีก 2 ลูก ก่อนที่ ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ จะยิงปิดท้ายให้ซิตี้เอาชนะไปได้อย่างเหนือความคาดหมาย

ท้ายที่สุด ยูไนเต็ดจบอันดับ 3 ในลีก โดยมีแต้มตามหลังอาร์เซน่อล แชมป์ของปีนั้น 15 คะแนน ส่วนซิตี้ก็เอาตัวรอดจากโซนอันตรายได้สำเร็จ และทิ้งห่างทีมตกชั้นอย่างเลสเตอร์ถึง 9 แต้มเลย

 

แมนซิตี้ 5-1 แมนยูไนเต็ด, 1989

ซิตี้ฉลองการเลื่อนชั้นมาเล่นในลีกสูงสุดได้อย่างมีสไตล์ด้วยการยิงคู่แค้นร่วมเมืองยับเยิน และชัยชนะในครั้งนั้นก็ทำให้พวกเขาได้คุยโวได้อย่างน้อย 2-3 ฤดูกาล

‘ปีศาจแดง’ ของเฟอร์กี้ในตอนนั้นยังไม่ใช่ชุดที่ฉายแววเก่งเลย แถมกองหลังก็ยังไว้ใจได้ไม่มากนัก เมื่อแกรี่ พัลลิสเตอร์ ลื่นจนทำให้ เดวิด โอลด์ฟิลด์ ยิงประตูแรกในเกมได้ ก่อนแนวรับของทีมจะผิพลาดซ้ำจนทำให้เสียลูกที่ 2 จาก เทรเวอร์ มอร์ลี่ย์ อีก

  แข้ง ‘เรือใบ’ ปิดฉากได้สวยงามจากลูกโหม่งของโอลด์ฟิลด์เอาชนะไป 5-1 แม้จบฤดูกาลพวกเขาตามหลัง ‘ปีศาจแดง’ อยู่หนึ่งอันดับด้วยผลลูกได้เสียประตูที่แย่กว่า แต่อย่างน้อยซิตี้ก็รู้สึกว่าพวกเขาได้เอาชนะในศึกสำคัญประจำฤดูกาลได้ภาคภูมิใจ

 

แมนซิตี้ 2-3 แมนยูไนเต็ด, 2012

7 เดือนหลังจากที่ แมนซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปดในฤดูกาล 2011-12 ทีมของเฟอร์กี้ก็เวียนมาพบเจอกับคู่อริร่วมเมืองอีกครั้งใน แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ช่วงกลางฤดูกาลต่อมา ซึ่งในเวลานั้น ยูไนเต็ดรั้งจ่าฝูงของตารางใน 15 เกมแรก โดยมีซิตี้ตามหลังมา 3 แต้ม และยังไม่แพ้ใคร

ทีมของ มันชินี่ ดูหมดหนทางชนะตั้งแต่ครึ่งแรก เมื่อ เวย์น รูนี่ย์ เบิ้ล 2 ประตูให้ ‘ปีศาจแดง’ ออกนำ 2-0 ตั้งแต่ครึ่งแรก แต่ฝั่งเจ้าบ้านก็ไม่ยอมแพ้ เมื่อได้ประตูไล่ตีเสมอจาก ยาย่า ตูเร่ และปาโบล ซาบาเลต้า 

เกมทำท่าว่าจะจบด้วยการแบ่งแต้ม แต่ในช่วงทดเวลาครึ่งหลัง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ก็กลายเป็นฮีโร่ ซัดฟรีคิก (โดยแฉลบเท้าของซามีร์ นาสรี่) ชนเสาไกลเหลี่ยมในเข้าประตูไป แต่หลังก็เหตุการณ์ชุลมุ่นอยู่พักนึง เมื่อริโอ เฟอร์ดินานด์ โดนแฟนซิตี้ขวางเหรียญใส่ จน โจ ฮาร์ท ต้องมาห้ามปรามแฟนบอลทีมตังเองที่บุกเข้ามาในสนามไว้

ท้ายที่สุด ยูไนเต็ดชำระแค้นได้สำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ลีกโดยมีแต้มทิ้งห่างซิตี้ 11 แต้ม ส่วนมันโช่ ก็โดนบอร์ดปลดออกจากตำแหน่งทันทีที่รู้ว่าทีมหมดโอกาสป้องกันแชมป์แล้ว

  

แมนซิตี้ 3-3 แมนยูไนเต็ด, 1990

จากความพ่ายแพ้แบบหมดรูป 5-1 ใน แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ฤดูกาลก่อน ทำให้ทีมของเฟอร์กี้พัฒนาแนวทางการเล่นได้ดียิ่งขึ้นกับการมาเล่นในถิ่น เมน โร้ด และสู้กับทีมของ ฮาเวิร์ด เคนเดลล์ ได้อย่างสมศักดิ์ศรี

ภายใต้การคุมทีมของอดีตกุนซือเอฟเวอร์ตัน ซิตี้แพ้แค่เกมเดียวจาก 9 นัดแรก มีแต้มเหนือยูไนเต็ด 3 คะแนน และพวกเขาก็มีโอกาสเอาชนะไปได้อย่างงดงามอีกครั้ง ในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกมนั้นหลังออกอาคันตุกะถึง 3-1

แต่ประตูของ ไบรอัน แม็คแคลร์ ก็จุดประกายความหวังให้ ‘ปีศาจแดง’ อีกครั้ง ในช่วงท้ายพวกเขาก็แบ่งแต้มจากเจ้าบ้านได้สำเร็จจากลูกโหม่งของ สตีฟ บรูซ

ถึงจะพลาดเสมอกับยูไนเต็ดไปแบบเจ็บใจ แต่ท้ายฤดูกาลนั้น พวกเขาก็จบที่ 5 ของตารางเหนือกว่าทีมอิรร่วมเมืองที่รั้งอันดับ 6 ทว่านั้นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาทำแบบนั้น และต้องใช้เวลากว่า 21 ปี ถึงจะทำอันดับดีกว่ายูไนเต็ดได้อีกครั้ง

  

แมนยูไนเต็ด 2-1 แมนซิตี้, 2011

ในเกมฤดูกาล 2010-11 ในเดือนกุมภาพันธ์ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายเปิด โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต้อนรับการมาเยือนของ เพื่อนบ้านผู้น่ารำคาญ และก็เป็นแบบนั้น เมื่อโดน แมนฯ ซิตี้ ตามตีเสมอ ในครึ่งหลัง

ทว่าในจังหวะที่ หลุยส์ นานี่ บรรจงหยอดบอลเข้ามากรอบเขตโทษจากกราบขวา เวย์น รูนี่ย์ ก็กระโดดเอี่ยวตัวโอเวอร์เฮดคิกด้วยขวาเข้าไปเต็มข้อ ส่งบอลพุ่งไปนอนที่ก้นตาข่ายแบบที่ โจ ฮาร์ท ได้แต่ใช้สายตาป้องกัน พร้อมกลายเป็นประตูชัยให้แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ครั้งนั้น ก่อนที่ ปีศาจแดง จะกลับมาคว้าแชมป์ลีกได้อีกครั้งในฤดูกาลดังกล่าว

นอกจากนี้ ประตูของ วาสซ่า ยังถูกโหวตให้เป็นประตูที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีกด้วย

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ฮุสเซน ยาสเซอร์
ฮุสเซน ยาสเซอร์ : ดาวรุ่งกาตาร์ผู้ล้มเหลวในแมนเชสเตอร์