15ปีผ่านไป…”เพื่อนเมสซี่”ในตอนนั้นวันนี้ไปอยู่ไหน 

 

 

ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ใครจะไปเชื่อว่าวันนั้น โลกลูกหนังจะได้จารึกว่ามีหนึ่งในนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดนับตั้งแต่โลกเคยมีมา 

 

 

1 พ.ค. 2005 กับคืนที่ ลีโอเนล เมสซี่ จะไม่มีวันลืม เมื่อเขาได้ขึ้นมาสูดอากาศกับทีมชุดใหญ่ในถิ่น คัมป์ นู โดยเกมลาลีกา สเปน นัดที่ 34 ที่ทัพ “อัลซูลกราน่า” พบกับ อัลบาเซเต้ ในช่วงท้ายเกม แฟรงค์ ไรค์จการ์ด กุนซือชาวดัตช์ ได้มอบโอกาสครั้งสำคัญให้กับเจ้าหนูชาววอาร์เจนไตน์วัย 17 ปี ที่สวมเสื้อหมายเลข 30 ลงสนามในฐานะตัวสำรอง  และเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวังเมื่อได้บอลจาก โรนัลดินโญ่ แนวรุกรุ่นพี่ ก่อนจะซัดบอลเข้าประตูไป พร้อมกับกลายเป็นแข้งที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ด้วยอายุ 17 ปี 3 เดือน 22 วัน 

 

และนั่นคือการเริ่มต้นนับ 1 ในการทำประตู ก่อนที่เขาจะก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของบาร์เซโลน่า  การันตีด้วยผลงานการคว้า บัลลงดอร์ มากที่สุดถึง 6 สมัย พร้อมขึ้นครองเป็นดาวซัลโวหลังซัดไป 627 ประตู

จากเกมลูกหนังในวันนั้น 11 ขุนพลแข้งตัวจริงของ “เจ้าบุญทุ่ม” ที่นำโดย โรนัลดินโญ่ ,การ์เลส ปูโยล ,อันเดรส อิเนียสต้า และ ซามูเอล เอโต้ ซึ่งเมื่อพอพูดชื่อขึ้นมาแล้วมันก็พาลให้คิดถึง เอาเป็นว่าวันนี้เราจะขอพาทุกท่านไปดูกันว่าเหล่าผองเพื่อนเมสซี่ในวันนั้นทำอะไรกันอยู่บ้างในวันนี้

 

บิคตอร์ บัลเดส  (ผู้รักษาประตู)

หลังคว้าแชมป์ ลาลีกา ร่วมกับทีมได้ 6 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกอีก 3 สมัย ในปี 2014 ก็ถึงเวลาที่ บัลเดส ต้องอำลาทีม ด้วยการย้ายไปเฝ้าเสาให้กับ โมนาโก รวมไปถึงได้ร่วมทีมยักษ์ใหญ่ในพรีเมียร์ลีกกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงเวลาสั้นๆด้วย จากนั้น เขาก็ถูกปล่อยตัวไปร่วมทัพ สตองดาร์ลีแอช และกลับมาอังกฤษอีกครั้งกับ มิดเดิลสโบรช์  และก็ได้แขวนถุงมืออย่างเป็นทางการเมื่อปี 2017

 

จนเมื่อปี 2018 บัลเดส ได้กลับมาคืนสู่เหย้ากับ บาร์เซโลน่า อีกครั้ง ด้วยการได้เป็นโค้ชในทีมชุด ยู-19 ของทีม อย่างไรก็ตามในอีกไม่กี่เดือนต่อมาก็ต้องถูกปลดออกจากตำแหน่งอีกครั้ง และว่างงานอยู่จนถึงปัจุบันนี้

 

ชูเลียโน่ เบลเล็ตติ  (แบ็กขวา)

ฟูลแบ็กชางบราซิล ค้าแข้งกับทีมเป็นเวลา 3 ฤดูกาลก่อนที่จะต้องอำลาทีมหลังจากการเข้ามาของ ดาเนี่ยล อัลเวส ในปี 2017 นี่คือหนึ่งในนักเตะที่สร้างความประทับใจกับทีมไม่น้อย จากการที่เขาเป็นผู้ยิงประตูชัยในเกมที่ บาร์ซ่า เอาชนะ อาร์เซน่อล 2-1 ในรอบชิง แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อปี 2006 ซึ่งเวลาผ่านมาถึงปัจจุบัน เบลเล็ตติ ได้ก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของสโมสร บาร์เซโลน่า เป็นที่เรียบร้อย

 

โอเลเกร์ เปร์ซาส  กองหลัง

โอเลเกร์ นั้นอำลาถิ่น คัมป์ นู เมื่อปี  2008 ก่อนจะย้ายไปเล่นใน เอเรดิวิซี่ ลีก กับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ปัจจุบัน เจ้าตัวนั้นได้กลายเป็น นักกิจกรรมทางการเมืองและรณรงค์ในเรื่องการเป็นอิสระของแคว้นคาตาโลเนีย นอกจากนี้เขายังเรียนจบปริญญาคณะเศรษฐศาสตร์ และเป็นนักเขียนชื่อดังอีกด้วย เรียกว่าโยกจากนักเตะกลายเป็น นักวิชาการอย่างเต็มตัว

 

การ์เลส ปูโยล   (กองหลัง)

สุดยอดปราการหลังผมหญิกฟูรายนี้คือแนวรับระดับตำนานของสโมสรอย่างแท้จริง และเขาก็คว้าแชมป์มามากมายตลอดการสวมปลอกแขวนกัปตันทีม ในการค้าแข้ง 15 ปี ที่บาร์เซโลน่า ปูโยล คว้าแชมป์ ลาลีกา ได้ถึง 6 สมัย และถ้วยบิ๊กเอียร์อีกถึง 3 ครั้ง นอกจากนี้ยังคว้าแชมป์โลก และ แชมป์ยูโร ร่วมกับทีมชาติสเปน อีกด้วย

ก่อนที่ในฤดูกาล2013/14 เขาจะอำลาทีมไป และเวลานี้ ปูโยล ยังคงมีความสุขดีนับตั้งแต่แขวนสตั๊ด ก่อนจะได้กลับมาเป็น ผู้อำนวยการด้านกีฬาของบาร์เซโลน่า เมื่อไม่กีเดือนที่ผ่านมานี่เอง

 

จิโอวานนี่ ฟาน บรองฮอร์สท์ (แบ็กซ้าย)

แบ็กซ้ายดัตช์แมน อำลา บาร์ซ่า เมื่อปี 2007 เพื่อย้ายไปค้าแข้งกับ เฟเยนูร์ด ในเอเรดิวิซี่ลีก ก่อนจะแขวนสตั๊ดหลังจบฟุตบอลโลกปี 2010 กับทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ จากนั้น ฟาน บรองฮอร์สท์ ก็ก้าวเข้าสู่การเป็นโค้ชอย่างเต็มตัว เริ่มจากเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีม เฟเยนูร์ด ในปี 2011 ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นกุนซือเต็มตัวในปี 2015 พร้อมสร้างผลงานสุดยอดด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จในฤดูกาล 2016/17  ก่อนจะอำลาทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์ในปี 2019

 

ในปัจุบันในวัย 45 ปี เขากลับมาเป็นกุนซืออีกครั้ง เมื่่อได้รับโอกาสย้ายไปเป็นกุนซือแดนมังกรกับ ทีม กว่างโจว อาร์แอนด์เอฟ ยักษ์ใหญ่แห่งศึก ไชนีส ซุเปอร์ลีก เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา

ราฟาเอล มาร์เกวซ  (กองกลางตัวรับ )

ห้องเครื่องเม็กซิกัน นั้นค้าแข้งในถิ่น คัมป์นู ยาวนานถึง 7 ปี ก่อนจะอำลาทีมไปเล่นใน เมเจอร์ลีก ซ็อคเกอร์ เพื่อร่วมทัพ นิวยอร์ก เร้ด บูล์ส ในปี 2010 ก่อนจะกลับไปเล่นให้กับ เม็กซิกโก บ้านเกิด กับสโมสร คลับ เลออน จากนั้นโชคชะตาที่ปลายสตั๊ดก็ได้พาเขากลับมาค้าแข้งในดินแดนยุโรปอีกครั้งกับสโมสร เวโรน่า ในกัลโช่ เซเรียอา อิตาลี  จนกระทั่งเมื่อปี 2018 เขาได้เข้ารับตำแห่นงเป็นผู้อำนวยการกีฬาของสโมสร แอตลาส ทีมในบ้านเกิดของตัวเอง

อันเดรียส อิเนียสต้า ( กองกลาง )

  นี่คือฮีโร่ที่ยิงประตูชัยช่วยให้ สเปน เอาชนะเนเธอร์แลนด์ ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-0 คว้าแชมป์โลกได้เป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์  อิเนียสต้า ค้าแข้งในถิ่น คัมป์ นู ยาวนานถึง 16 ปีเต็ม พร้อมคว้าแชมป์กับทีมแบบนับไม่ถ้วน ก่อนจะตัดสินใจอำลาถิ่น คัมป์ นู เพื่อหาแพสชั่นในการเตะฟุตบอลอีกครั้งด้วยการย้ายไปร่วมทัพ วิสเซล โกเบ ในศึก เจลีก ประเทศ ญี่ปุ่น เมื่อปี 2018 ซึ่งเวลานั้นมี ธีราทร บุญมาทัน แบ็กซ้ายทีมชาติไทยเป็นเพื่อนร่วมทีมด้วย ปัจุบันในวัย 35 ปี  อิเนียสต้า นั้นยังคงค้าแข้งและกินซูชิอยู่ที่นั่น  และยังมีความสุขในสังเวียนหญ้าต่อไป

 

เดโก้ (กองกลางตัวรุก )

         หนึ่งในสุดยอดกองกลางตัวรุกในยุคนั้น ด้วยพรสวรรค์ที่้เต็มเปี่ยม แต่อาชีพค้าแข้งของเขาในถิ่น คัมป์ นู นั้นสั้นกว่าที่ควรจะเป็น ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากเรื่องที่ อเล็กซานเดอร์ เคล็บ อดีตเพื่อนร่วมทีม เคยออกมาแฉว่าเจ้าตัวเสียคนไปไม่น้อยหลังชอบไปปาร์ตี้กับ โรนัลดินโญ่ นั่นเอง

 

 ในปัจุบัน เดโก้ เลือกที่จะอยู่ในบราซิลบ้านเกิดของเขา (เป็นลูกครึ่ง บราซิล กับ โปรตุเกส ) และได้สร้างอาชีพใหม่ให้ตัวเองด้วยการเป็น เอเยนต์นักเตะ นั่นเอง

 

ลูโดวิค ชูลี่  (กองหน้าฝั่งขวา)

ปีกร่างเล็กทีมชาติฝรั่งเศส มีเวลาค้าแข้งในถิ่น คัมป์ นู น้อยนิดกว่าที่คิดเพียง 3 ฤดูกาล ซึ่งหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่เป็นเช่นนั้นก็เนื่องจากการกำเนิดขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ของ เมสซี่ นั่นเอง  ซึ่งหลังเขาอำลาทีม ชูลี่ ก็ได้ค้าแข้งกับ โรม่า ,เปแอสเช และ โมนาโก ก่อนจะแขวนสตั๊ดในปี 2016 และในปัจุบันนี้ เขาก็ได้กลายมาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีม ให้กับโมนาโก  ในทีมชุด บีของทีมนั่นเอง

 

โรนัลดินโญ่ (กองหน้าฝั่งซ้าย)

หนึ่งในผู้เล่นที่สร้างสีสันให้กับโลกลูกหนังมากที่สุด โรนัลดินโญ่ เล่นให้กับ บาร์เซโลน่า มาหลายปี  ก่อนที่จะอำลาทีมไปร่วมทัพ เอซี มิลาน ยักษ์ใหญ่แห่งลูกหนังอิตาลี และในช่วงปลายอาชีพค้าแข้งเขาก็ย้ายกลับไปอยู่กับ ฟลาเมงโก้ ทีมในบ้านกิด บราซิล  ซึ่งตลกร้ายในตอนนั้นด้วยความที่เป็นจอมปาร์ตี้   “เหยินน้อย” ยืนยันว่า จะไม่ยอมย้ายเข้าสู่ถิ่น เอสตาดิโอ ดา กาเวีย แน่นอน หากไม่มีเงื่อนไขที่สโมสรต้องอนุญาตให้เขาออกไปเที่ยวไนท์คลับสัปดาห์ละ 2 ครั้งอยู่ในสัญญาของตัวเอง ก่อนที่สุดท้ายเขาจะแขวนสตั๊ดลงในที่สุดเมื่อปี 2018 

 

ในปัจจุบัน โรนัลดินโญ่ ยังคงวาดลวดลายต่อไป แต่หาใช่ในพื้่นหญ้าไม่ แต่กลายเป็น คุกในประเทศ ปารากวัย หลังจากทำงามหน้าด้วยการใช้พาสสปอร์ตปลอมเข้าประเทศ และต้องอยู่ในคุกยาวนานถึง 32 วัน  แต่ก็มีการเปิดเผยว่าไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ไม่สามารถลดรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาได้ ขอแค่มีฟุตบอลให้เขาเล่น ก่อนที่สุดท้าย ดินโญ่ จะพาทีมฟุตบอลในคุกคว้าแชมป์มาครองได้อีกด้วย 

ซามูเอล เอโต้  (กองหน้า)

ดาวยิงชาวแคเมอรูน ผู้เล่นให้กับทั้ง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า อำลาถิ่น คัมป์นู เมื่อปี 2009 ในฐานะหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในโลกยุคนั้น แต่การอำลาทีมครั้งนั้นไม่ใช่การเดินทางสู่ขาลง เพราะเมื่อเขาได้เล่นให้กับ อินเตอร์ มิลาน ที่มี โชเซ่ มูรินโญ่ คุมทัพ เขาก็สร้างผลงานสุดยอดด้วยการพาทีมคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ได้สำเร็จด้วย จากนั้น เอโต้ ก็ย้ายไปค้าแข้งกับ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ในซูเปอร์ลีก รัสเซีย ก่อนจะแขวนสตั๊ดลงในที่สุด เมื่อปี 2017

 

ในวัย 39 ปีในปัจจุบัน  เอโต้ นั้นกำลังช่วยประชาชนในประเทศบ้านเกิดของเขาเพื่อหาทางรับมือกับ โคโรน่าไวรัส ด้วยการบริจาคเจลล้างมือ ,อาหาร และ ของใช้ที่จำเป็น ผ่านทางมูลนิธิของตัวเอง รวมไปถึงยังได้ส่งสิ่งของต่างๆเหล่านี้ไปทั่วสีเมืองในแอฟริกาด้วย

                                                                     daboyG