ไร้เทียมทาน! 10 สามประสานแนวรุกที่ดีที่สุดตลอดกาล

สามประสาน

ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เพิ่งสามารถปิดดีลคว้า ลิโอเนล เมสซี่ เข้ามาเสริมทัพด้วยสัญญา 2 ปี หลังเจ้าตัวเพิ่งแยกทางกับ บาร์เซโลน่า และนั่นทำให้เขาจะมีโอกาสได้ประสานเกมรุกร่วมกับสองดาวยิงระดับโลกอย่าง เนย์มาร์ และ คีเลียน เอ็มบัปเป้ ในถิ่น ปาร์ค เดอ แปรงซ์ ฤดูกาลหน้า

ถือเป็นสามแนวรุกที่แฟนบอลทั่วโลกต่างจับตามองอย่างใจจดใจจ่อ และรอคอยการลงสนามพร้อมกันของทั้งสามคนแทบจะไม่ไหว เพราะการเล่นด้วยกันระหว่าง เนย์มาร์, เอ็มบัปเป้ และ เมสซี่ เรียกได้ว่าเป็นสามประสานเกมรุกในฝันของคอบอลยุคนี้ เลยก็ว่าได้

อย่างไรก็ตามหากย้อนไปในอดีต โลกฟุตบอลเคยมีสุดยอดสามประสานเกมรุกมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ‘BBC’ คริสเตียโน่ โรนัลโด้, คาริม เบนเซม่า และ แกเร็ธ เบล ของ เรอัล มาดริด หรือย้อนไปนานกว่านั้น ริวัลโด้, โรนัลโด้ และ โรนัลดินโญ่ แนวรุก ‘3R’ ซึ่งช่วยกันพาทีมชาติบราซิล สร้างความยิ่งใหญ่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2002 มาแล้ว

โดยวันนี้ UFAARENA จะขอพาไปดูกันว่า ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาสามประสานแนวรุกดีที่สุดของโลกลูกหนังจะมีใครกันบ้าง และพวกเขาสร้างความสำเร็จให้กับทีมของตัวเองไว้มากแค่ไหน

 

โอมาร์ ซิโบริ x จอห์น ชาร์ลส์ x จามปิเอโร่ โบนิแปร์ติ | ยูเวนตุส

ยูเวนตุส คือหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ณ เวลานี้ และประสบความสำเร็จมากมายนับตั้งแต่เข้าสู่ศตวรรษที่ 20 อย่างไรก็ตามหากย้อนไปก่อนหน้านั้น พวกเขายังไม่ใช่ทีมที่แข็งแกร่งเท่าไหร่นัก จนกระทั่งการมาถึงของสามสุดยอดแนวรุกระดับตำนานสโมสร อย่าง โอมาร์ ซิโบริ, จอห์น ชาร์ลส์ และ จามปิเอโร่ โบนิแปร์ติ ช่วงปี 1960

ยอดทีมแห่งกรุงตูริน จบแค่เพียงอันดับ 9 กัลโช่ เซเรีย อา ในปีแรกที่ อุมแบร์โต้ อันเญลลี่ เข้ามารับตำแหน่งประธานสโมสร เมื่อฤดูกาล 1956/1957 ทว่าอดีตเจ้าของอุสาหกรรมรายใหญ่ชาวอิตาลี มีความทะเยอทะยานที่จะยกระดับความแข็งแกร่งของทีม ก่อนตัดสินใจคว้านักเตะซุปเปอร์สตาร์ชาวอังกฤษ เวลานั้นอย่าง จอห์น ชาร์ลส์ รวมถึงแข้งเจ้าของฉายาพ่อมดชาวอาร์เจนตินา โอมาร์ ซิโวรี่ เข้ามาขับเคลื่อนสโมสรเพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จ

การตัดสินใจสร้างแนวรุกจากสามนักเตะซุปเปอร์สตาร์ มันคือการสร้างความมหัศจรรย์ให้กับ ยูเวนตุส ด้วยความยอดเยี่ยมของ ชาร์ลส์ กับการเล่นบอลในกรอบเขตโทษ และเวทมนตร์ของ โอมาร์ ซิโบริ ประสานร่วมกับนักเตะเก่าอย่าง จามปิเอโร่ โบนิแปร์ติ ได้แบบลงตัว พร้อมกับพาสโมสรคว้าแชมป์ สคูเด็ตโต้ สมัยที่ 10 เมื่อซีซั่น 1957/1958 พร้อมกลายเป็นทีมระดับแถวหน้าของยุโรป เวลานั้น

สามแนวรุกของ “ม้าลาย” อย่าง ซิโบริ, ชาร์ลส์ และ โบนิแปร์ติ หรือ ‘Trio Magico’ และสามารถช่วยกันสร้างความยิ่งใหญ่ด้วยการคว้าแชมป์ เซเรีย 3 สมัย และฟุตบอลถ้วยแดนมักกะโรนี 2 สมัย ภายในระยะเวลาแค่เพียง 4 ฤดูกาล ซึ่งนั่นทำให้ทั้งสามคนยังคงถูกยกให้เป็นสามประสานแดนหน้าที่ดีที่สุดของ ยูเวนตุส มาจนถึงทุกวันนี้

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ x โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ x ซาดิโอ มาเน่ | ลิเวอร์พูล

สามสุดยอดแนวรุกของยอดทีมแห่งเมอร์ซีย์ไซด์ หรือที่เรียกกันว่า MSF พวกเขาคือหนึ่งในสามประสานแนวรุกที่ดีที่สุดของวงการฟุตบอลยุคปัจจุบัน ทั้งสามคนอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ ช่วยกันพา “หงส์แดง” ประสบความสำเร็จแบบยิ่งใหญ่ตลอดหลายซีซั่นที่ผ่านมา ทั้งการคว้าถ้วยฟุตบอลยุโรป และแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ ครั้งแรกในรอบ 30 ปี ภายใต้การทำทีมของสุดยอดผู้จัดการทีม เจอร์เกน คล็อปป์

โดยตลอด 4 ซีซั่นที่ผ่านมา ทั้งสามคนยิงให้กับ ลิเวอร์พูล รวมกัน 273 ประตูรวมทุกรายการ พวกเขาสามารถใช้ความยอดเยี่ยมเล่นงานแนวรับคู่แข่งได้ทุกทีมในโลก และพาสโมสรคว้าแชมป์ถึง 4 รายการ ตลอด 3 ฤดูกาล หลังสุด ได้แก่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก, ยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ และ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สมัยแรกในประวัติศาสตร์

 

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ x คาริม เบนเซม่า x แกเร็ธ เบล | เรอัล มาดริด

เรอัล มาดริด ต้องการบางสิ่งที่พิเศษเพื่อต่อกรกับมหาอำนาจลูกหนังแดนกระทิงดุ อย่าง บาร์เซโลน่า ซึ่งครองความยิ่งใหญ่ต่อเนื่องระหว่างปี 2013-2016 และนั่นทำให้สามประสาน ‘BBC’ ถือกำเนิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม พวกเขาคือแนวรุกที่สามารถเล่นงานแนวรับฝั่งตรงข้ามได้อย่างร้ายกาจ จากฝีเท้าของสามสุดยอดนักเตะระดับโลกอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, คาริม เบนเซม่า, แกเร็ธ เบล

โรนัลโด้ และ เบนเซม่า ถูกดึงมาอยู่กับ เรอัล มาดริด พร้อมกับถูกคาดหวังว่าเขาจะเป็นคนนำความยิ่งใหญ่กลับมาสู่สโมสร ก่อนที่ เบล จะตามเข้ามาในปี 2013 แม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ทั้งสามคนประสานงานร่วมกันยังถิ่น ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว ได้อย่างน่าตื่นเต้น พร้อมกับถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสามแนวรุกที่ดีที่สุตลอดของ “โลส บลังโกส”

ทั้งสามคนยิงประตูรวมกัน 97 ประตู ในซีซั่นแรกเมื่อปี 2014 พร้อมกับพา “ราชันชุดขาว” ผงาดคว้าถ้วย “ลา เดซีม่า” 4 สมัย ตลอดระยะเวลา 4 ฤดูกาล ก่อนที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ ยูเวนตุส เมื่อปี 2018 ถือเป็นการปิดฉากสามประสาน ‘BBC’ อันยิ่งใหญ่

 

ลิโอเนล เมสซี่ x หลุยส์ ซัวเรซ x เนย์มาร์ | บาร์เซโลน่า

ย้อนกลับไปในปี 2014 บาร์เซโลน่า คือทีมที่มีแนวรุกดีที่สุดของโลกเวลานั้นก็ว่าได้ เมื่อสุดยอดแข้ง ลิโอเนล เมสซี่ ซึ่งเป็นนักเตะที่คอยบัญชาการเกมให้กับ “อาซูลกราน่า” ได้ประสานงานร่วมกับอีกผู้เล่นระดับท็อปอย่าง เนย์มาร์ พร้อมกับมี หลุยส์ ซัวเรซ เป็นเพชฌฆาตหน้าปากประตู

สามประสานชาวอเมริกาใต้ อย่าง เมสซี่, ซัวเรซ และ เนย์มาร์ ทำผลงานร้อนแรงในฤดูกาลแรกให้กับยอดทีมแห่งแคว้นคาตาลัน ด้วยการยิงรวม 122 ประตู ซึ่งนั่นทำให้พวกเขากลายเป็นสามแนวรุกที่มหัศจรรย์สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์วงการลูกหนัง

หลังจากนั้นอีกหนึ่งฤดูกาลให้หลัง ทั้งสามคนยังคงฟอร์มสุดยอดต่อเนื่อง พร้อมทำลายสถิติเก่าซึ่งยิงรวมกันในซีซั่นก่อนหน้า 122 ประตู เป็น 131 ประตู เมื่อฤดูกาล 2015/2016 และมีส่วนช่วย บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ ลาลีกา สเปน กระทั่งปี 2017 เนย์มาร์ ตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ด้วยค่าตัวสถิติโลก 222 ล้านยูโร ถือเป็นการปิดฉากสามประสานแดนหน้าซึ่งถูกเรียกว่า ‘MSN’ แนวรุกที่ดีที่สุดตลอดกาลของ บาร์เซโลน่า

 

เปเล่ x การ์รินช่า x วาวา | ทีมชาติบราซิล      

ขุนพล “เซเลเซา” ครองความยิ่งใหญ่วงการฟุตบอลช่วงปี 1950 ด้วยการคว้ารองแชมป์ฟุตบอลโลก 1950 ก่อนที่พวกเขาจะได้สัมผัสถ้วย “จูลส์ ริเมต์” ครั้งแรกในประวัติศาสตร์จากบอลโลกอีก 8 ปี หลังจากนั้น หรือบอลโลก 1958 ที่ประเทศสวีเดน เป็นเจ้าภาพ

อย่างที่หลายคนรู้กันดีว่า เปล่า คือหัวใจสำคัญสำหรับการคว้าแชมป์ เวิล์ด คัพ ที่น่าเหลือเชื่อของชาวแซมบ้า และความยอดเยี่ยมของเขาทำให้ บราซิล กลายเป็นทีมที่ดีที่สุดของโลก การ์รินช่า เป็นอีกคนซึ่งกำลังอยู่ในช่วงที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน และเขาถูกยกย่องให้เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่ดีที่สุดของโลกเท่าที่เคยมีมา หลังมีบทบาทสำคัญไม่แพ้ เปเล่ ช่วยพายอดทีมแห่งลาตินอเมริกา คว้าแชมป์โลก

ส่วน วาวา เป็นอีกหนึ่งสุดยอดนักเตะแนวรุกของทีมชาติบราซิล ที่ก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักของทีมในทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลก 1958 พร้อมกับประสานงานร่วมกับ เปเล่ และ การ์รินช่า ได้อย่างลงตัว โดยความสำเร็จคว้าแชมป์บอลโลกครั้งแรกของ “เซเลเซา” ยังคงถูกพูดถึงเป็นตำนานจนถึงทุกวันนี้ เช่นเดียวกับ เปเล่, การ์รินช่า และ วาวา ซึ่งถูกยกให้เป็นสามประสานเกมรุกที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา

 

โยฮัน ครัฟฟ์ x ไพต์ ไคเซอร์ x ชาค สวาร์ต | อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม

อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ถูกบันทึกลงหน้าประวัติศาสตร์ไว้ว่าพวกเขาคือสโมสรที่ปฏิวัติฟุตบอลและเริ่มนำการเล่นสไตล์สวยงามมาใช้ โดย โยฮัน ครัฟฟ์ ถือเป็นหนึ่งผู้เล่นที่โด่งดังมาจากยุครุ่งเรืองของสโมสรระหว่างปี 1960 – 1970 นอกจากนั้นยังมีเพื่อนร่วมทีมของเขาอีกสองคนที่ช่วยสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับยอดทีมแห่งกรุงอาแจ็กซ์ มาด้วยกัน นั่นคือ ไพต์ ไคเซอร์ และ ชาค สวาร์ต

ไคเซอร์ คือดาวรุ่งที่เริ่มต้นเส้นทางอาชีพการค้าแข้งกับ อาแจ็กซ์ ช่วงต้นยุค 1960 ก่อนก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นปีกซ้ายคนสำคัญของทีมในเวลาต่อ ส่วน ครัฟฟ์ ถือเป็นสุดยอดกองกลางของโลก ณ เวลานั้น และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับคู่หูของเขาอย่าง สวาร์ต ที่โดดเด่นสุดๆ ในการเล่นตำแหน่งริมเส้นด้านขวา

ด้วยการประสานงานของทั้งสามคน อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ยกระดับกลายเป็นทีมระดับแถวหน้าของยุโรป ด้วยสไตล์การเล่นแบบ ‘Total Football’ ซึ่งช่วยให้พวกเขาครองความยิ่งใหญ่คว้าแชมป์ เอเรอดีวีซี 6 สมัย และ ยูโรเปี้ยน คัพ 3 สมัย ในช่วงเวลาแค่เพียง 8 ซีซั่น และนั่นเองคือยุคทองของยอดทีมแห่งเนเธอร์แลนด์ ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากกับฟุตบอลที่เราสัมผัสมาจนถึงทุกวันนี้

 

ลิโอเนล เมสซี่ x ซามูเอล เอโต้ x เธียรี่ อองรี | เอซี มิลาน

บาร์เซโลน่า คือทีมที่เต็มไปด้วยเหล่านักเตะพรสวรรค์สูงนับตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา และแน่นอนว่าสามประสานอย่าง ลิโอเนล เมสซี่, ซามูเอล เอโต้ และ เธียรี่ อองรี ถือเป็นหนึ่งในนั้น ทั้งสามคนเรียกได้ว่าเป็นแกนหลักสำคัญในช่วงเวลา 3 ซีซั่นแรก สำหรับการคุมทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กับยอดทีมแห่งแคว้นคาตาลัน

เมสซี่ เริ่มกลายเป็นผู้เล่นระดับซุปเปอร์สตาร์ของทั้งสโมสรและวงการฟุตบอลในปี 2008 ด้วยอายุแค่เพียง 21 ปี และเขาได้มีโอกาสประสานเกมรุกร่วมกับแข้งตำนานรุ่นพี่อย่าง เธียรี่ อองรี สุดยอดดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศส ที่เพิ่งย้ายมาจาก อาร์เซน่อล และ ซามูเอล เอโต้ หนึ่งสุดยอดกองหน้าที่ดีที่สุดเท่าที่ “ต่างดาว”

ทั้งสามคนคือแกนหลักสำคัญที่ช่วยพา “อาซูลกราน่า” กลับมาครองความยิ่งใหญ่ในช่วงเวลานั้น ด้วยการคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ ลาลีกา สเปน, สแปนิช คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 2008 ซึ่งนั่นทำให้ เมสซี่, เอโต้ และ อองรี ถูกยกให้เป็นอีกหนึ่งสามประสานแนวรุกที่ดีที่สุดตลอดกาลของทั้ง บาร์เซโลน่า และวงการฟุตบอลสเปน จนถึงปัจจุบัน

 

ริวัลโด้ x โรนัลโด้ x โรนัลดินโญ่ | ทีมชาติบราซิล

อีกหนึ่งสุดยอดสามประสานแนวรุกของทีมชาติบราซิล ซึ่งหากไม่พูดถึงคงไม่ได้ นั่นคือ ริวัลโด้, โรนัลโด้ และ โรนัลดินโญ่ ด้วยสไตล์การเล่นและลีลาสุดแพรวพราวของทั้งสามคน ทำฟุตบอลดูน่าตื่นเต้นกว่าที่เคยเป็น โดยเฉพาะช่วงที่พวกเขาช่วยกันเล่นงานแนวรับฝั่งตรงข้าม พร้อมกับพาทีม “แซมบ้า” คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก สมัย 5 เมื่อปี 2002

ทั้งสามคนเริ่มต้นลงเล่นด้วยกันครั้งแรกในศึก โคปา อเมริกา ในปี 1999 ซึ่ง ริวัลโด้ และ โรนัลโด้ คือสุดยอดนักเตะเวลานั้น ที่คอยเป็นแบบอย่างให้กับแข้งรุ่นน้องอย่าง โรนัลดินโญ่ กับการก้าวขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ “เซเลเซา” ครั้งแรก ก่อนที่พวกเขาจะช่วยกันยิง 11 ประตู จากการลงสนาม 6 เกม พาทีมชาติบราซิล คว้าแชมป์ทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวได้สำเร็จ

ส่วนฟุตบอลโลก 2002 ริวัลโด้, โรนัลโด้ และ โรนัลดินโญ่ ยิงรวมกันทั้งหมด 15 ประตู จากการลงเล่น 7 เกม ซึ่ง 8 ประตู มาจากฝีเท้าของอดีตศูนย์หน้าระดับตำนาน เรอัล มาดริด และสามารถคว้าตำแหน่งรองเท้าทองคำจาก เวิร์ล คัพ ครั้งนั้นได้ด้วย

 

จอร์จ เบสต์ x เดนิส ลอว์ x เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน | แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยมีเหล่าบรรดานักเตะตัวรุกที่อันตราย มากมายนับตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา โดยเฉพาะสุดยอดผู้เล่นอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เวย์น รูนี่ย์, รุด ฟาน นิสเตลรอย, แอนดี้ โคล และ ดไวท์ ยอร์ค ซึ่งเคยพาสโมสรประสบความสำเร็จมาแล้วทั้งหมด

อย่างไรก็ตามสามแนวรุกสุดยอดที่สุดของ “ปีศาจแดง” คงต้องเป็นยุคของสามทหารเสืออย่าง จอร์จ เบสต์, เดนิส ลอว์ และ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน หรือที่สาวก “เรด อาร์มี่” เรียกว่า ‘Holy Trinity’ ซึ่งพาสโมสรสร้างความยิ่งใหญ่ช่วงปี 1960 ภายใต้การทำทีมของกุนซือ เซอร์ แมตต์ บัสบี้

ในขณะที่ เดนิส ลอว์ ข่มขู่แนวรับฝั่งตรงข้ามด้วยการจบสกอร์อันเฉียบขาด จอร์จ เบสต์ และ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ใช้เวทมนตร์ของตัวเองขับเคลื่อนเกมกลางสนามให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนพวกเขากลายเป็นหนึ่งในสโมสรที่ดีที่สุดของอังกฤษ ในทศวรรษนั้น

เดอะ ทรินิตี้ เคยสร้างสถิติอันน่าเหลือเชื่อยิงรวมกัน 46 ประตู ตลอด 42 เกมติดต่อกัน ความยอดเยี่ยมของพวกเขาสามคน ทำให้ทั้งหมดมีโอกาสผลัดกันคว้ารางวัลบัลลงดอร์คนละสมัยระหว่างปี 1964-1968 แม้ยอดทีมแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ เต็มไปด้วยแนวรุกคุณภาพสูงตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่คงต้องยอมรับว่ายังไม่ใครดีไปกว่า เบสต์, ลอว์ และ ชาร์ลตัน อีกแล้ว

 

อัลเฟรโด ดิ เอสเตฟาโน x แฟแร็นตส์ ปุชกาช x ปาโก เฆนโต | เรอัล มาดริด

แฟแร็นตส์ ปุชกาช และ อัลเฟรโด ดิ เอสเตฟาโน สองสุดยอดกองหน้าของโลกช่วงยุค 1950 ถูกถึงเข้ามาค้าแข้งยังถิ่น ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว เพื่อประสานงานกับอีกหนึ่งแนวรุกระดับตำนานสโมสรอย่าง ปาโก เฆนโต ซึ่งพวกเขาทั้งสามคนช่วยยกระดับให้ เรอัล มาดริด กลายเป็นทีมที่น่าเกรงขามสุดของยุโปร ณ เวลานั้น

สามแผงหน้าของ “ราชันชุดขาว” อย่าง ปุชกาช, ดิ เอสเตฟาโน และ เฆนโต พาสโมสรประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการคว้าถ้วย “ลา เดซีม่า” ติดต่อกัน 5 สมัย ระหว่างปี 1956-1960 โดยโมเมนต์ที่น่าจดจำสุดของทั้งสามคน คือเกมนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยุโรป ซีซั่น 1959/1960 ซึ่งพวกเขา “โลส บลังโกส” เอาชนะคู่แข่งอย่าง ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต แบบขาดลอย 7-2

โดยเกมนัดดังกล่าว แฟแร็นตส์ ปุชกาช โชว์ฟอร์มสุดโหดซัดคนเดียว 4 ประตู ส่วนอีก 3 ประตู มาจากการทำแฮตทริกของ อัลเฟรโด ดิ เอสเตฟาโน ขณะที่ ปาโก เฆนโต การคว้าแชมป์ยุโรป ครั้งนั้น ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จมากสุดกับ เรอัล มาดริด มาจนถึงปัจจุบัน

 

บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : พอชคิดหนัก : ปารีสจะใช้เล่นอย่างไรหลังได้เมสซี่?