แชมป์สมัยที่ 14 วินิซิอุส จูเนียร์ ซัดชัยพา “ราชันชุดขาว” เอาชนะ “หงส์แดง” คว้าถ้วยยุโรป สมัยที่ 14
ผลฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ ระหว่าง ลิเวอร์พูล พบกับ เรอัล มาดริด ที่สนาม สต๊าด เดอ ฟรองซ์
เริ่มเกมมาได้ 15 นาที “หงส์แดง” มีโอกาสทักทายก่อน จากความยอดเยี่ยมของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ พาบอลเข้ากรอบเขตโทษทางขวา ก่อนเปิดให้กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สกิดบอลเปลี่ยนทาง แต่ลูกก็ยังไม่ผ่านมือ ธิโบต์ คูร์ตัวส์ ล้มตัวเซฟไวได้
นาที 20 ยังเป็น ลิเวอร์พูล ครองบอลบุกต่อเนื่อง และน่าขึ้นนำสุดๆ จากจังหวะ ซาดิโอ มาเน่ แหวกบอลเข้ากรอบโทษทางซ้าย ก่อนบอลเต็มข้อพุ่งเข้าเสาแรก แต่ ธิโบต์ คูร์ตัวส์ ยังปัดบอลเสาป้องกันไม่ให้ทีมเสียประตูได้อีกครั้ง
ท้ายครึ่งแรก เรอัล มาดริด เกือบขึ้นนำ จากจังหวะ คาริม เบนเซม่า รับบอลเปิดยาวจากแถวสองก่อนพาเข้ากรอบเขตโทษ หลังจากนั้นเหมือนเจ้าตัวจะเสียจากของบอลไปแล้วแต่แนวรับ ลิเวอร์พูล สกัดไม่ดีกลับไปเข้าทาง คาริม เบนเซม่า ซัดโล่งๆ ตุงตาข่าย แต่หลังจากนั้นผู้ตัดสินมีการเช็ค VAR และกลายเป็นจังหวะล้ำหน้าของหัวหอกชาวฝรั่งเศส ก่อนจบ 45 นาทีแรก ทั้งสองทีมยังเสมอกัน 0-0
ครึ่งหลังผ่านมาถึงนาที 58 เป็นทางฝั่ง “ราชันชุดขาว” ออกนำก่อน 1-0 จากจังหวะ เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ กึ่งยิงกึ่งผ่านจากทางขวาบอลพุ่งมาเสาสองถึง วินิซิอุส จูเนียร์ ซัดโล่งๆ บอลตุงตาข่าย
นาที 63 ลิเวอร์พูล ลุ้นตีเสมอทันควัน จากการยิงไกลนอกกรอบของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ บอลพุ่งกำลังจะเข้าเสาสอง แต่ ธิโบต์ คูร์ตัวส์ ยังบินปัดทิ้งออกไปได้อีกครั้ง
นาที 83 จากจังหวะวางบอลยาวกลางสนามของ ลิเวอร์พูล มาถึง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พาบอลเข้ากรอบเขตโทษ ก่อนตัดสินใจยิง แต่ ธิโบต์ คูร์ตัวส์ ก็ยังเซฟไวได้เหมือนเดิม
ก่อนจบเกม 90 นาที เรอัล มาดริด เอาชนะ ลิเวอร์พูล 1-0 คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยที่ 14 ได้สำเร็จ