แม้จะไม่ใช่วัฒนธรรมที่แพร่หลายในบ้านเรา แต่หลายคนก็รู้จักกับเทศกาลในคืนวันฮาโลวีนของชาวตะวันตกเป็นอย่างดี
ในวันนั้น เด็กๆจะสวมชุดแฟนซีต่าง ๆ เดินร่วมกลุ่มระเวนไปตามบ้านต่างๆบริเวณใกล้เคียงเพื่อขอขนมด้วยวลี ‘ทริกออร์ทรีต’ โดยแปลเป็นไทยว่า ‘หลอกหรือเลี้ยง’ ซึ่งได้รับความนิยมมากในประเทศตะวันตก
แต่ในบางครั้ง คืนวันฮาโววีนก็บังเอิญตรงการแข่งขันฟุตบอลคู่สำคัญด้วยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งบางเกมก็กลายเป็นเกมสุดมันส์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นในวันปล่อยผีแบบนี้
และนี่คือ 4 แมตช์ลูกหนังสุดมันส์ที่เแฟนบอลหลายคนจดจำได้ไม่รู้ลืมในวันฮาโลวีน
แอตเลติโก้ มาดริด 4-3 บาร์เซโลน่า | 1993
ไม่มีใครคิดว่าเกมในสนาม บิเซนเต้ กัลเดร่อน จะมีประตูเกิดขึ้นถึง 7 ลูกในวันฮาโลวีนปี 1993 ในขณะที่ โรมาริโอ กดแฮตทริกให้กับ บาร์เซโลน่า ออกนำไปก่อน 3-0 ตั้งแต่ครึ่งแรก แต่ แอตเลติโก้ มาดริด ก็ฮึดสู้กลับมาตีเสมอและได้ประตูชัยช่วงท้ายเกมจาก โฆเซ่ หลุยส์ คามิเนโร่
หลังจาก ดาวยิงทีมชาติบราซิล กดประตูที่ 3 ในนาทีที่ 34 ‘ตราหมี’ ก็ค่อยๆยิงประตูไล่มาจาก โรมัน โคเซคกี้ 2 ลูก และ เปโดร จนสามารถตามตีเสมอได้อย่างเหนือความคาดหมาย
แต่ที่น่าเหลือเชื่อไปกว่านั้น ทีมจากมาดริด สามารถกลับมาพลิกชนะ สโมสรที่เต็มไปด้วยนักเตะระดับโลกมากมายทั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, โรนัลด์ คูมัน และ ไมเคิล เลาดรู๊ป หรือกุนซือระดับท็อปอย่าง โยฮัน ครัฟฟ์ จากลูกยิงของ คามิเน่โร่ ในนาทีที่ 89
ดุ๊ยส์บวร์ก 4-5 โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค | 1997
9 ประตูเหล่านี้เกิดขึ้นในสนาม เวเดาสตาดิโอน รังเหย้าเก่าของ ดุ๊ยส์บวร์ก โดย อังเดรจ จูสโคเวียก จากม้านั่งสำรองกดไป 2 ประตู ช่วยโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค เป็นฝ่ายคว้า 3 แต้มไปครองด้วยชัยชนะ 5-4 ในปี 1997
ทีมเยือนเป็นฝ่ายยิงตามตีเสมอถึง 2 หนในครึ่งแรก ซึ่งสกอร์ยังอยู่นิ่งที่ 2-2 จนกระทั่งนาทีที่ 69 ก็ถึงจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ ดุ๊ยส์บวร์ก ต้องปั่นปวน เมื่อ กองหน้าชาวโปลช่วยให้ทีม ‘สิงห์หนุ่ม’ ขึ้นนำเป็นครั้งแรกในเกมนั้น ก่อนที่ สเตฟาน เอฟเฟนแบร์ก จะยิงประตูเพิ่มในอีก 7 นาทีต่อมา
อย่างไรก็ตาม ลูกทีมของ ฟรีดไฮม์ ฟังเกล ก็ไม่ยอมแพ้ ไล่ตามตีเสมอได้สำเร็จจากประตูของ นิคลาส สลู๊ค นาทีที่ 82 และ บาชิรู ซาลู นาทีที่ 88
ทว่าท้ายที่สุด จูสโคเวียก ก็เป็นฮีโร่ของกลัดบัค กดประตูปิดกล่องในนาทีที่ 90 ช่วยให้ต้นสังกัดคว้า 3 แต้มไปครองในวันฮาโลวีนของปี 1997
บาร์เซโลน่า 2-2 เชลซี | 2006
บาร์เซโลน่าต้องพบกับฝันร้ายในคืนวันฮาโลวีนอีกครั้ง โดยหนนี้เกิดขึ้นในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยส์ลีก ปี 2006 ด้วยการพบ เชลซี ณ คัมป์ นู รังเหย้าของพวกเขาเอง
สโมสรจากลอนดอน เอาตัวรอดจากแชมป์เก่าบอลยุโรปได้อย่างเหลือเชื่อ และสามารถเก็บหนึ่งแต้มสุดล้ำค่าหลังได้ประตูตีเสมอในนาทีที่ 90 จาก ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา
เกมสุดระทึกน้้นได้ เดโก้ ยิงประตูให้กับเจ้าบ้านขึ้นนำไปก่อน แต่ แฟรงค์ แลมพาร์ด ก็ยิงประตูตีเสมอให้กับ ‘สิงห์บลู’ ได้ในอีก 7 นาทีแรกของครึ่งหลัง
บรรยากาศในเกมเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับการเข้าปะทะกันหนักๆหลายหน จน สเตฟาโน่ ฟาริน่า เชิ้ตดำในเกมนั้นต้องแจกใบเหลืองมากถึง 10 ใบในเกมเดียว
ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น อดีตแข้งเชลซี ทำแสบใส่ทีมเก่าด้วยการยิงประตูขึ้นนำในนาทีที่ 58 และเป็นฝ่ายครองเกมไปมากกว่านับตั้งแต่นั้น
เกมทำท่าว่าจะจบลงที่ชัยชนะของ ‘อาซูลกราน่า’ แต่ในนาทีสุดท้าย จอห์น เทอร์รี่ พักบอลให้กับ ดร็อกบา ก่อนจะแตะบอลหลบ ราฟาเอล มาร์เกซ และยิงประตูเข้าไป และที่น่าจดจำมากกว่านั้นคือจังหวะที่ โชเซ่ มูรินโญ่ วิ่งไปฉลองประตูแสนสำคัญกับ ดาวยิงชาวไอวอรี่โคสต์ข้างสนาม
เซลติก 4-3 ยูเวนตุส | 2001
ถึง เซลติก จะล้มเหลวไม่ผ่านเข้าไปเล่นในรอบน็อคเอ้าท์ของ แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2001-02 แต่พวกเขาก็ปิดฉากส่งท้ายได้อย่างมีสไตล์ด้วยการเปิด เซลติก ปาร์ค เอาชนะ โคตรทีมจากอิตาลี อย่าง ยูเวนตุส ไปแบบสุดมันส์
หลังจาก อเลสซานโดร กดฟรีคิกระยะ 25 หลาเป็นประตูแรกให้ ‘เบี่ยงโคเนรี่’ ขึ้นนำ แต่ลูกทีมของ มาร์ติน โอนีล ก็ตีเสมอได้ทันควันจากลูกยิงของ ลูโบ โมราฟซิค ก่อนที่แข้งชาวสโลวักจะแอสซิสต์ให้ คริส ซัตตัน โหม่งประตูให้เจ้าบ้านขึ้นนำ
ดาวิด เทรเซเก้ต์ ยิงประตูให้ทีมเยือนตีเสมอได้ในช่วง 6 นาทีแรกของครึ่งหลัง แต่ เฮนริค ลาร์สสัน ก็กดจุดโทษให้ ‘ม้าลายขาวเขียว’ ขึ้นนำอีกครั้ง และ อดีตหอกแบล็คเบิร์นก็กดประตูที่ 2 ของตัวเองช่วยให้ เซลติก ทิ้งห่างถึง 2 ประตู
หอกชาวฝรั่งเศส กดอีกตุงให้ ‘ม้าลาย’ ไล่ตามเป็น 4-3 น่าเสียดายที่ชัยชนะครั้งนี้ไม่สามารถทำให้ทีมจากสก็อตแลนด์ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย เนื่องจาก ปอร์โต้ คู่แข่งร่วมกลุ่มคว้าอันดับ 2 ไปครองหลังเฉือน โรเซนบอร์ก 1-0 ในวันเดียวกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง
